คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เช็คไม่มีมูลหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2774/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเล่นแชร์โดยนิติบุคคลเป็นนายวงแชร์ทำให้สัญญาเป็นโมฆะและเช็คไม่มีมูลหนี้
พ.ร.บ.การเล่นแชร์ฯ ได้แยกการกระทำของนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาในการเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่จะเป็นความผิดไว้ต่างหากจากกันตามมาตรา 5 และมาตรา 6 ทั้งได้บัญญัติให้สิทธิแก่สมาชิกวงแชร์ในการเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์เฉพาะกรณีนายวงแชร์ผู้จัดให้มีการเล่นแชร์เป็นบุคคลธรรมดาเท่านั้น แต่ในกรณีนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ที่เป็นนิติบุคคล กฎหมายหาได้ให้สิทธิเช่นว่านั้นแก่สมาชิกวงแชร์ที่จะเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์แต่อย่างใดไม่ เมื่อแชร์รายพิพาทมีบริษัท ส. เป็นนายวงแชร์ การแล่นแชร์รายนี้จึงเป็นนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายและตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 เช็คพิพาทที่สั่งจ่ายเงินเพื่อชำระหนี้ค่าแชร์ที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายดังกล่าวจึงปราศจากมูลหนี้ที่จะบังคับกันได้ตามกฎหมาย แม้โจทก์และจำเลยทั้งสามต่างเป็นสมาชิกวงแชร์ด้วยกัน โจทก์ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเล่นแชร์ผิดกฎหมายทำให้เช็คไม่มีมูลหนี้ ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังไม่ต้องรับผิด
เมื่อวงแชร์ที่เป็นมูลหนี้ในการสั่งจ่ายเช็คพิพาทมีห้างหุ้นส่วนจำกัดพ. ซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นนายวงแชร์ อันต้องห้ามตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ฯ มาตรา 5 นิติกรรมการเล่นแชร์ดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 เช็คพิพาทจึงไม่มีมูลหนี้ที่จะบังคับได้ตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้สั่งจ่ายรับผิดตามเช็คพิพาท และการที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้สลักหลังให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ใช้เงินตามเช็คพิพาทดังกล่าวแก่โจทก์ซึ่งเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 1 ฎีกาเพียงผู้เดียว ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1)ประกอบมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3531-3532/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีมูลหนี้จริงและผู้ทรงเช็คไม่มีอำนาจฟ้อง การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค้ำประกันค่าแชร์ ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 การออกเช็คที่จะเป็นความผิดนั้น ต้องเป็นการออกเช็คที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค เมื่อหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยซึ่งเป็นหนี้ประธานระงับสิ้นไป หนี้จำนองและหนี้ค้ำประกันซึ่งเป็นหนี้อุปกรณ์ย่อมระงับไปด้วย เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยออกเพื่อชำระเกี่ยวกับหนี้อุปกรณ์ดังกล่าวจึงไม่มีมูลหนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม บทบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6696/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีมูลหนี้-การรับโอนโดยไม่สุจริต-จำเลยไม่ต้องรับผิด
โจทก์รับโอนเช็คพิพาทจาก ส.โดยรู้ว่าเป็นเช็คที่จำเลยออกให้แก่ ส.ทนายความเพื่อให้ ส.ช่วยเหลือคดีที่จำเลยถูกฟ้องในความผิดฐานให้ที่พักแก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ในอันที่จำเลยจะต้องรับผิด โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยไม่สุจริต จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6696/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีมูลหนี้ - การรับโอนโดยไม่สุจริต - จำเลยไม่ต้องรับผิด
โจทก์รับโอนเช็คพิพาทจาก ส. โดยรู้ว่าเป็นเช็คที่จำเลยออกให้แก่ ส. ทนายความเพื่อให้ ส. ช่วยเหลือคดีที่จำเลยถูกฟ้องในความผิดฐานให้ที่พักแก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ในอันที่จำเลยจะต้องรับผิด โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยไม่สุจริต จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6696/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีมูลหนี้ & การรับโอนโดยไม่สุจริต จำเลยไม่ต้องรับผิด
โจทก์รับโอนเช็คพิพาทจาก ส. โดยรู้ว่าเป็นเช็คที่จำเลยออกให้แก่ ส. ทนายความเพื่อให้ ส. ช่วยเหลือคดีที่จำเลยถูกฟ้องในความผิดฐานให้ที่พักแก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ในอันที่จำเลยจะต้องรับผิด โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยไม่สุจริต จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6187/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีมูลหนี้ ทายาทไม่ต้องรับผิด ผู้ทรงคนแรกสลักหลังแล้วกลับคืนสู่ฐานะเดิม
โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์เป็นผู้ทรงคนแรก ได้สลักหลังโอนขายเช็คแก่ผู้อื่น เมื่อเช็ครับเงินไม่ได้จึงได้ใช้เงินตามเช็คไป และรับเช็คคืนมาโจทก์จึงกลับคืนสู่ฐานะผู้ทรงตามเดิม มิใช่ผู้สลักหลัง ฟ้องโจทก์จึงต้องใช้อายุความ 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1002
ผู้ตายได้ออกเช็คให้แก่โจทก์ไว้ ต่อมาผู้ตายได้ออกเช็คฉบับใหม่ให้แก่โจทก์ไว้แทนเช็คฉบับเก่าแล้ว เช็คฉบับเก่าจึงเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 5 ในฐานะทายาทของผู้ตายให้รับผิดใช้เงินตามเช็คดังกล่าว คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 6รับผิดในฐานะทายาทของผู้ตายใช้เงินตามเช็คดังกล่าวแก่โจทก์ ซึ่งเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จำเลยที่ 5 ฎีกาแต่ผู้เดียว เมื่อเช็คตามฟ้องไม่มีมูลหนี้จำเลยที่ 5 ไม่ต้องรับผิด ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้ฎีกาด้วยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 245 (1) ประกอบมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6187/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีมูลหนี้ ทายาทไม่ต้องรับผิด แม้ฟ้องร่วมกัน ศาลฎีกามีอำนาจตัดสินถึงจำเลยอื่น
โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์เป็นผู้ทรงคนแรก ได้สลักหลังโอนขายเช็คแก่ผู้อื่น เมื่อเช็ครับเงินไม่ได้จึงได้ใช้เงินตามเช็คไป และรับเช็คคืนมา โจทก์จึงกลับคืนสู่ฐานะผู้ทรงตามเดิม มิใช่ผู้สลักหลัง ฟ้องโจทก์จึงต้องใช้อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 ผู้ตายได้ออกเช็คให้แก่โจทก์ไว้ ต่อมาผู้ตายได้ออกเช็คฉบับใหม่ให้แก่โจทก์ไว้แทนเช็คฉบับเก่าแล้ว เช็คฉบับเก่าจึงเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 5 ในฐานะทายาทของผู้ตายให้รับผิดใช้เงินตามเช็คดังกล่าว คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 6 รับผิดในฐานะทายาทของผู้ตายใช้เงินตามเช็คดังกล่าวแก่โจทก์ ซึ่งเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จำเลยที่ 5 ฎีกาแต่ผู้เดียว เมื่อเช็คตามฟ้องไม่มีมูลหนี้ จำเลยที่ 5 ไม่ต้องรับผิด ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกใช้เช็คโดยไม่สุจริต ผู้ทรงเช็คทราบว่าเช็คไม่มีมูลหนี้ และคบคิดกับผู้สลักหลังเพื่อฟ้องเรียกเงิน
พฤติการณ์แห่งคดีที่ได้จากการนำสืบของโจทก์ที่ว่า น. ภริยาของ ป. ผู้ทรงเช็คเดิมพาจำเลยที่ 1 มาพบโจทก์เพื่อขอกู้เงินจำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทสองฉบับแลกเงินสดไปจากโจทก์ ซึ่งขัดกับคำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่า จำเลยที่ 1 มอบเช็คให้ผู้มีชื่อมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ อันเป็นข้อพิรุธให้เห็นว่าโจทก์ทราบแล้วว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ ซึ่ง ป. ต้องคืนแก่จำเลยทั้งสอง ประกอบกับคำเบิกความของโจทก์ตอบทนายจำเลยถามค้านที่ว่า โจทก์รู้จักสนิทสนมกับ น. มานาน น.เป็นผู้จัดหาและเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทุกคดีในศาลชั้นต้นที่เกี่ยวข้องกับโจทก์ ดังนี้ฟังได้ว่า โจทก์สมคบกับ น. นำเช็คพิพาท 2 ฉบับ ซึ่งจำเลยที่ 1ออกให้ ป.เป็นประกันการชำระหนี้ และมูลหนี้ได้ระงับไปแล้วมาฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดโดยไม่สุจริต เป็นการคบคิดกันฉ้อฉล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 ประกอบมาตรา 989 โจทก์จึงไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาท 2 ฉบับมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5414/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาเรื่องการออกเช็คไม่มีมูลหนี้ การยอมความ และขอบเขตการพิจารณาคดีอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ลงโทษปรับ10,000 บาท แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ลงโทษปรับ 4,000 บาท ก็ตาม ก็คงเป็นการปรับบทกฎหมายที่ใช้ในภายหลังในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อย คดีสำหรับจำเลยที่ 2 จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่ามีการยอมความกันแล้ว โดยไม่วินิจฉัยปัญหาอื่น โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความโดยถูกต้องตามกฎหมายสิทธินำคดีอาญาฟ้องไม่ระงับ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จำเลยไม่ฎีกาฉะนั้นปัญหาเรื่องการยอมความจึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่แล้ว จำเลยทั้งสองจะหยิบยกปัญหาดังกล่าวนี้ขึ้นอุทธรณ์อีกหาได้ไม่ เพราะเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้นั้นชอบแล้ว และจำเลยทั้งสองหามีสิทธิฎีกาต่อมาอีกไม่ แม้คดีสำหรับจำเลยที่ 2 จะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเช็คที่จำเลยที่ 1 ออกไม่มีมูลหนี้ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวเนื่องกับจำเลยที่ 2ผู้ร่วมออกเช็ค อันเป็นเหตุในลักษณะคดี จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2กระทำผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงิน ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
of 3