พบผลลัพธ์ทั้งหมด 28 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7073/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความผิดฐานเบียดบังทรัพย์สิน: เพียงระบุหน้าที่, การกระทำ, และผลของการกระทำ ก็เพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงวันเวลาเกิดเหตุ หน้าที่และการกระทำของจำเลยว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุจำเลยซึ่งเป็นกรรมการของบริษัท พ.ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการทรัพย์สินของบริษัทดังกล่าวแต่ผู้เดียว ได้จำหน่ายสินค้าของบริษัทโดยระบุประเภท น้ำหนักของสินค้า และจำนวนเงินที่จำหน่ายสินค้าได้แต่ละวัน แล้วเบียดบังเงินที่จำหน่าย สินค้าได้นั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริตแล้ว ยังได้บรรยายถึงสถานที่เกิดเหตุด้วย คำบรรยายฟ้องเช่นนี้จำเลยสามารถเข้าใจข้อหาได้โดยถูกต้องแล้วว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดอย่างไร แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องระบุว่าจำเลยเบียดบังเอาเงินของบริษัทไปอย่างไรด้วยวิธีการใดมาด้วย ก็เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา คำฟ้องของโจทก์ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7073/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158(5) ของคำฟ้องคดีเบียดบังทรัพย์สิน: การบรรยายรายละเอียดความผิด
ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงวันเวลาเกิดเหตุ หน้าที่และการกระทำของจำเลยว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุจำเลยซึ่งเป็นกรรมการของบริษัท พ.ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการทรัพย์สินของบริษัทดังกล่าวแต่ผู้เดียว ได้จำหน่ายสินค้าของบริษัทโดยระบุประเภท น้ำหนักของสินค้า และจำนวนเงินที่จำหน่ายสินค้าได้แต่ละวัน แล้วเบียดบังเงินที่จำหน่าย สินค้าได้นั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริตแล้ว ยังได้บรรยายถึงสถานที่เกิดเหตุด้วย คำบรรยายฟ้องเช่นนี้จำเลยสามารถเข้าใจข้อหาได้โดยถูกต้องแล้วว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดอย่างไร แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องระบุว่าจำเลยเบียดบังเอาเงินของบริษัทไปอย่างไรด้วยวิธีการใดมาด้วย ก็เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา คำฟ้องของโจทก์ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7073/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การบรรยายรายละเอียดการกระทำความผิดและการเบียดบังทรัพย์สิน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นกรรมการของบริษัท ฟ. ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการทรัพย์สินของบริษัทดังกล่าวแต่ผู้เดียว ได้จำหน่ายสินค้าของบริษัทโดยระบุประเภท น้ำหนักของสินค้าและจำนวนเงินที่จำหน่ายสินค้าได้แต่ละวันแล้วเบียดบังเงินที่จำหน่ายสินค้าได้นั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริตเช่นนี้ จำเลยสามารถเข้าใจข้อหาได้โดยถูกต้องแล้วว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดอย่างไร ถึงแม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องระบุว่าจำเลยเบียดบังเอาเงินของบริษัทไปอย่างไร ด้วยวิธีการใดก็เป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาคำฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6896/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบียดบังทรัพย์สินของนายจ้างโดยลูกจ้างหลายกรรมเป็นความผิดหลายกระทง
จำเลยกระทำผิดหน้าที่ของตนโดยรับชำระเงินสดหรือเช็คจากลูกค้าที่ชำระราคาค่าซื้อรถยนต์ให้แก่โจทก์ร่วมรวม 8 ครั้งเมื่อจำเลยรับเงินสดหรือเช็คดังกล่าวแต่ละครั้งไว้แล้ว จำเลยมีหน้าที่ส่งมอบให้โจทก์ร่วมในแต่ละครั้งทันที เมื่อจำเลยเบียดบังเอาทรัพย์ดังกล่าวแต่ละครั้งเป็นของตนโดยทุจริต การกระทำของจำเลยแต่ละครั้งจึงเป็นกรรม ๆ ไป เป็นความผิดหลายกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิ, ยักยอกเงิน, และเบียดบังทรัพย์สินจากหน้าที่
จำเลยเป็นพนักงานของโจทก์ร่วมได้รับเช็คของลูกค้าเพื่อชำระค่าสินค้าให้แก่โจทก์ร่วม แต่กลับนำเช็คนั้นไปเบิกเงินแล้วเก็บไว้เองจึงมีความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเช็คอันเป็นเอกสารของโจทก์ร่วมและทำให้ไร้ประโยชน์ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมผู้อื่นหรือประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 และฐานยักยอกเงินตามเช็คตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4181/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกทรัพย์: การเบียดบังทรัพย์สินของผู้อื่นที่อยู่ในความครอบครองโดยทุจริต
จำเลยเป็นลูกจ้างผู้เสียหายมีหน้าที่จำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าแล้วนำเงินมามอบให้ผู้เสียหาย จำเลยรับสินค้าไปจากผู้เสียหายแล้ว มิได้นำไปจำหน่ายแก่ลูกค้า แต่นำไปจำนำและขายฝาก เป็นการเบียดบังทรัพย์สินของผู้อื่นที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยโดยทุจริต ดังนั้น ไม่ว่าจำเลยจะเป็นลูกจ้างผู้เสียหายหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยครอบครองทรัพย์ของผู้เสียหายแล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริต จำเลยย่อมมีความผิดฐานยักยอกตาม ป.อ.มาตรา 352 วรรคแรก ฎีกาของจำเลยที่ว่า พนักงานของผู้เสียหายไม่มีเงินเดือนแต่จะได้รับรายได้จากค่าคอมมิชชั่นของการขายและเปอร์เซ็นต์จากการขายเป็นรายเดือน จำเลยจึงไม่ใช่ลูกจ้างผู้เสียหายตาม ป.พ.พ.นั้น จึงไม่เป็นสาระสำคัญแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคแรก ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5831/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดสัญญาจ้างแรงงานจากลูกจ้างที่เบียดบังทรัพย์สินนายจ้าง และประเด็นอายุความสิบปี
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ตั้งแต่จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2534 จำเลยที่ 1 ได้ขายสินค้าของโจทก์ไปและกระทำผิดหน้าที่โดยไม่จัดทำบัญชีขายสินค้าและได้เบียดบังเอาเงินค่าขายสินค้าไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 1 หรือบุคคลที่สาม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น251,024.86 บาท พร้อมทั้งได้แนบหลักฐานแสดงสินค้าที่ขาดหายไป ตามบัญชีตรวจนับสินค้าเอกสารท้ายฟ้องดังนี้คำฟ้องที่ได้บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว โดยไม่จำต้องบรรยายถึงรายละเอียดของ สินค้าที่ขาดหายไปอีกเพราะโจทก์ได้แนบหลักฐานแสดงรายละเอียดของสินค้าที่ขาดหายไปตามเอกสารท้ายฟ้องดังกล่าว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างโจทก์และมีหน้าที่รับผิดชอบการซื้อขายเกี่ยวกับสินค้า จัดทำบัญชีซื้อขายเกี่ยวกับสินค้า ได้กระทำผิดหน้าที่ไม่จัดทำบัญชีและได้เบียดบังเอาเงินค่าสินค้าไปเป็นประโยชน์ของจำเลยที่ 1 หรือบุคคลที่สาม จึงเป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างฟ้องจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นลูกจ้างฐานผิดสัญญาจ้างแรงงาน โดยกระทำผิดหน้าที่ลูกจ้างไม่จัดทำบัญชีและเบียดบังเอาเงินค่าสินค้าไปสิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการผิดสัญญาจ้างแรงงานไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องถืออายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9392/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายสินค้าฝากขายและการเบียดบังทรัพย์สิน การกระทำผิดฐานยักยอก
จำเลยเป็นตัวแทนขายเครื่องพิมพ์ดีดของผู้เสียหายโดยได้รับค่าตอบแทนจากผู้เสียหายเครื่องละ 100 บาท จำเลยติดต่อนำเครื่องพิมพ์ดีดของผู้เสียหายไปฝากขายที่ร้านค้าของผู้อื่น และมีสิทธิรับเครื่องพิมพ์ดีดนั้นคืนได้ การที่จำเลยรับเครื่องพิมพ์ดีดคืนจำเลยจึงเป็นผู้ครอบครองเครื่องพิมพ์ดีดดังกล่าวโดยชอบ มีสิทธินำไปขายหรือส่งมอบคืนผู้เสียหายได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลยนำเครื่องพิมพ์ดีดที่รับคืนมาไปเป็นประโยชน์ส่วนตน เป็นการเบียดบังเอาเครื่องพิมพ์ดีดนั้นเป็นของตนโดยทุจริตจึงเป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคหนึ่ง ความผิดฐานยักยอกที่ได้ความตามทางพิจารณาแตกต่างจากความผิดฐานลักทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง แต่ไม่ถือว่าแตกต่างกันในข้อสาระสำคัญ เมื่อจำเลยไม่หลงต่อสู้ ศาลจึงลงโทษจำเลยฐานยักยอกได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6700/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเว้นหน้าที่เบียดบังทรัพย์สินของรัฐ พนักงานขับรถมอบใบเบิกน้ำมันให้บุคคลอื่นใช้เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.พนักงานรัฐ
การที่จำเลยซึ่งเป็นพนักงานขับรถขององค์การสวนยางซึ่งเป็นหน่วยงานที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับใบรับ-จ่ายน้ำมันมาแล้วมอบให้ว.ไปเบิกน้ำมันใส่รถยนต์ส่วนตัวของว. ทั้งๆที่จำเลยได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้นำใบรับ-จ่ายน้ำมันไปเบิกน้ำมันใส่รถของผู้เสียหายเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานในกิจการของผู้เสียหายย่อมเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2502มาตรา11แต่หามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา147และพระราชบัญญัติดังกล่าวมาตรา4ไม่เพราะจำเลยไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานตามความหมายในมาตรา147และจำเลยเป็นพนักงานขับรถเพียงแต่มอบใบรับ-จ่ายน้ำมันที่จำเลยได้รับมามอบให้ว.ไปเบิกน้ำมันใช้เป็นส่วนตัวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา4แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2502 เมื่อจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2502มาตรา11เท่านั้นพนักงานอัยการโจทก์ก็ไม่มีอำนาจขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายเพราะไม่ใช่เป็นความผิดตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา43
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1918/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คัดค้านเจตนาทุจริตในคดีเบียดบังทรัพย์สิน: ข้อจำกัดในการอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.ศาลแขวง
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 352 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต เป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยครอบครองทรัพย์ตามฟ้องของโจทก์แล้วไม่ส่งมอบให้โจทก์ เป็นการเบียดบังไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต เท่ากับโจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์จึงชอบแล้ว