คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เสียสิทธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 35 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จากการไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งและไม่แจ้งเหตุ
ผู้ร้องไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งหลังสุดนอกจากนี้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดประกาศชื่อผู้ร้องในบัญชีรายชื่อผู้เสียสิทธิตามมาตรา 68 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ผู้ร้องก็มิได้ไปแจ้งเหตุการณ์ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาฯ ผู้ร้องจึงเป็นผู้เสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๖๘ วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาฯ มาตรา 23 วรรคหนึ่ง (3)
(คำสั่งศาลฎีกา)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4884/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต้องมีเหตุพิเศษ และการยอมรับเงื่อนไขของศาลทำให้เสียสิทธิ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ในวันยื่นคำร้อง จำเลยที่ 1 ย่อมไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ทันในวันนั้นเพราะวันดังกล่าวเป็นวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์และจำเลยที่ 1 ก็ยังไม่ทราบเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลเนื่องจากยังไม่ได้ขอคัดคำพิพากษาเลย แต่ทนายจำเลยที่ 1 ก็ได้ลงชื่อรับทราบในคำร้องว่าให้มาฟังคำสั่งในวันที่ล่วงเลยกำหนดยื่นอุทธรณ์ แสดงว่าทนายจำเลยที่ 1 ยอมรับผลการสั่งของศาลแล้วว่าหากศาลไม่อนุญาตจำเลยที่ 1 ย่อมเสียสิทธิในการยื่นอุทธรณ์ กรณีจึงถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9194/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยการเสียสิทธิการครอบครองเดิม
ตามคำขอให้การของจำเลยระบุไว้ชัดว่าจำเลยไม่เคยรู้จักโจทก์มาก่อนและไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ จำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยเข้าครอบครองยึดถือเพื่อตนด้วยความสงบเปิดเผย และได้ทำประโยชน์ตลอดมาจำเลยไม่เคยขออาศัยที่ดินของโจทก์ แม้จะไม่ระบุตรง ๆ ว่าจำเลยเข้าแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์ แต่เมื่ออ่านโดยรวมแล้วย่อมเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเลยต่อสู้ว่าได้เข้าแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์แล้ว จึงเป็นประเด็นโดยตรงที่ศาลมีอำนาจวินิจฉัยว่าโจทก์เสียสิทธิที่จะเอาคืนซึ่งการครอบครองแล้วได้หาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกคำฟ้องนอกคำให้การไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8695/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จากการใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ว. ไม่ถูกต้องหลังย้ายทะเบียนบ้าน
บุคคลผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้ง ผู้ร้องย้ายตนเองจากจังหวัดร้อยเอ็ดไปอยู่จังหวัดยโสธรเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วันแล้ว การที่ผู้ร้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาที่จังหวัดร้อยเอ็ดจึงเป็นการมิชอบ เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดยโสธรประกาศชื่อผู้ร้องเป็นผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ผู้ร้องสามารถแจ้งเหตุที่มิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่จังหวัดยโสธรได้ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ มาตรา 22 แต่ผู้ร้องหาได้ปฏิบัติการตามที่กฎหมายกำหนดไม่ ดังนั้น ผู้ร้องจึงเป็นผู้เสียสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8695/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากใช้สิทธิเลือกตั้งซ้ำซ้อนและไม่แจ้งเหตุไม่ใช้สิทธิ
ผู้ร้องแจ้งย้ายตนเองเข้าไปมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดยโสธรเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วันแล้ว ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดยโสธร มิใช่ในเขตจังหวัดร้อยเอ็ดอีกต่อไป การที่ผู้ร้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งในจังหวัดร้อยเอ็ด โดยอ้างว่ามีรายชื่อผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งจังหวัดร้อยเอ็ด จึงเป็นการมิชอบ นอกจากนี้เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดยโสธรประกาศชื่อผู้ร้องเป็นผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ผู้ร้องสามารถแจ้งเหตุที่มิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้แต่ผู้ร้องหาได้ปฏิบัติการตามที่กฎหมายกำหนดไม่ ผู้ร้องจึงตกเป็นผู้เสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
(คำสั่งศาลฎีกา)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8265/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากการไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งและไม่แจ้งเหตุตามกฎหมาย
พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ในการเลือกตั้งครั้งใด ถ้าผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้เนื่องจากมีเหตุสมควร ให้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อบุคคลซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งแต่งตั้งไว้ประจำแต่ละเขตเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน มาตรา 22 บัญญัติว่า เมื่อครบกำหนดสามสิบวันหลังจากวันเลือกตั้งแล้ว ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรายชื่อผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และมิได้แจ้งเหตุตามมาตรา 21 เพื่อให้ผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งดังกล่าวแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อบุคคลซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งแต่งตั้งภายในหกสิบวันนับแต่วันประกาศ และมาตรา 23 วรรคหนึ่ง (3) บัญญัติว่า ในกรณีที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 21 หรือมาตรา 22 ฯลฯ ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นบุคคลซึ่งไม่ไปเลือกตั้งโดยไม่แจ้งเหตุอันสมควรที่ทำให้ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ตามมาตรา 68 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ ให้ผู้นั้นเสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ดังนั้น การที่ผู้ร้องมิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสอง ทั้งมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ทั้งก่อนและหลังวันเลือกตั้งตามความในมาตรา 21 และมาตรา 22 ดังกล่าว ผู้ร้องย่อมเสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันดังกล่าวผู้ร้องป่วยจริง ก็เป็นเพียงเหตุที่ผู้ร้องอาจแจ้งต่อบุคคลซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งแต่งตั้งไว้ว่าไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ โดยอาจแจ้งก่อนหรือหลังวันเลือกตั้งตามความในมาตรา 21 และมาตรา 22 ดังกล่าวเท่านั้น เมื่อผู้ร้องมิได้แจ้งเหตุเช่นนี้ จึงไม่อาจอ้างเหตุที่ผู้ร้องป่วยมาขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ผู้คัดค้านรับสมัครผู้ร้องได้
(คำสั่งศาลฎีกา)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8243/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง สส. จากไม่ใช้สิทธิเลือกตั้ง สว. และขอบเขตการนับระยะเวลาการเสียสิทธิ
คำว่า วันเลือกตั้งตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ มาตรา 4 หมายถึงเฉพาะวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภาเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นครั้งใด หาได้หมายความรวมถึงวันเลือกตั้งอื่น ๆ ด้วยไม่
การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งแต่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในครั้งที่สอง โดยไม่แจ้งเหตุอันสมควรที่ทำให้ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ผู้ร้องย่อมเสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อยังไม่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาเกิดขึ้นอีก จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องยังมิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้การเสียสิทธิของผู้ร้องสิ้นสุดลง ผู้ร้องจึงยังคงเป็นผู้เสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ในวันสมัครรับเลือกตั้ง ผู้ร้องจะอ้างการไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นมาเป็นข้อแก้ตัวให้กลับเป็นผู้มีสิทธิมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8243/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากการไม่ใช้สิทธิเลือกตั้ง และขอบเขตของวันเลือกตั้ง
ผู้ร้องมิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในครั้งที่สองโดยไม่แจ้งเหตุอันสมควรที่ทำให้ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ผู้ร้องย่อมเสียสิทธิสมัครรับเลือกตั้งมีกำหนดเวลาตั้งแต่วันเลือกตั้งครั้งที่ผู้ร้องไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจนถึงวันเลือกตั้งครั้งที่ผู้ร้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งซึ่งตามนิยามศัพท์ในมาตรา 4 คำว่า วันเลือกตั้งหมายถึง เฉพาะวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นครั้งใด หาได้หมายรวมถึงวันเลือกตั้งอื่น ๆ ด้วยไม่เมื่อไม่ปรากฏว่ายังไม่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาเกิดขึ้นอีก จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องยังมิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ร้องจะอ้างการไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นมาเป็นข้อแก้ตัวให้กลับเป็นผู้มีสิทธิมิได้
(คำสั่งศาลฎีกา)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6883/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงเวลาบังคับคดีและการเสียสิทธิของผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด
ผู้ซื้อทรัพย์อ้างว่าเป็นผู้ให้ราคาสูงสุด และเจ้าพนักงานบังคับคดีอนุมัติให้ขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่ผู้ซื้อทรัพย์แล้ว จำเลยทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี และจำเลยได้ใช้สิทธิในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่สุจริต และไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีเจตนาประวิงเวลาในการบังคับคดีของศาล ทำให้ผู้ซื้อทรัพย์ไม่สามารถนำที่ดินที่ซื้อไปจัดสรรขายได้ ขอให้ยกเลิกการขายและให้คู่สัญญาทั้งสองกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมคำร้องของผู้ซื้อทรัพย์มิใช่เป็นการกล่าวอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ.ภาค 4 ลักษณะ 2 อันว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง หากผู้ซื้อทรัพย์เห็นว่าบุคคลใดมีเจตนาไม่สุจริตจงใจทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ซื้อทรัพย์ก็ชอบที่จะว่ากล่าวเรียกร้องเอาจากบุคคลนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8065/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบต้องยื่นภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด มิฉะนั้นเสียสิทธิ
ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคหนึ่ง เป็นบทบัญญัติว่า เมื่อมีการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ศาลมีอำนาจที่หยิบยกขึ้นพิจารณาได้เอง หรือเฉพาะคู่ความฝ่ายที่เสียหายเท่านั้นที่มีอำนาจยื่นคำร้องคัดค้านได้ และเมื่อเห็นว่าเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบแล้ว ศาลมีอำนาจที่จะสั่งอย่างไรบ้าง ส่วนวรรคสอง เป็นกำหนดระยะเวลาและเงื่อนไขในการยื่นคำร้องคัดค้าน คำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2537 เป็นการคัดค้านกระบวนพิจารณาของศาล-อุทธรณ์ที่จำเลยอ้างว่าผิดระเบียบ จำเลยจึงต้องยื่นไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่จำเลยได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทราบข้อเท็จจริงอันเป็นมูลแห่งข้ออ้างว่า กระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบในวันที่ 31 พฤษภาคม 2537 แต่จำเลยเพิ่งมายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2537 คำร้องของจำเลยจึงมิได้ยื่นต่อศาลภายในแปดวันนับแต่ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น จำเลยย่อมไม่มีสิทธิคัดค้านกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์
of 4