พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3267/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีซ้ำโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ และการดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ แม้มีการอุทธรณ์คำสั่ง
การที่ผู้ร้องขอเลื่อนคดีติดต่อกัน 5 ครั้งมาเป็นเวลานานเกือบ 1 ปี ไม่ยอมนำสืบพยานหลักฐาน การขอเลื่อนครั้งที่สี่ศาลชั้นต้นกำชับไว้แล้วว่าจะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีอีกและให้ผู้ร้องเตรียมพยานมาศาลให้พร้อมสืบ ผู้ร้องทราบคำสั่งศาลแล้ว ในวันสืบพยานครั้งที่ 5 ผู้ร้องไม่มีพยานมาศาล ขอเลื่อนคดีอ้างเหตุ ร. ทนายความติดหาเสียงเลือกตั้งทั้งที่ผู้ร้องแต่งตั้งทนายความไว้สองคนคือ ร. และ ท. เมื่อไม่ปรากฏว่า ท. ติดภาระใดหรือเจ็บป่วยเหตุขอเลื่อนคดีของผู้ร้องจึงไม่มีเหตุผลเพียงพอแก่การรับฟัง มีลักษณะเป็นการประวิงคดี
แม้คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 228 (3) ไม่ถือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและอุทธรณ์ได้ เมื่อศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแล้ว ป.วิ.พ. มาตรา 228 วรรคสาม ให้ศาลชั้นต้นดำเนินคดีต่อไปและมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีโดยไม่ต้องหยุดการพิจารณา เว้นแต่ศาลอุทธรณ์เห็นเป็นการสมควรและมีคำสั่งให้งดการพิจารณาไว้ เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้งดการพิจารณาหรืองดการวินิจฉัย การที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีและถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ มีคำสั่งยกคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ จึงชอบด้วยเหตุผลและกระบวนพิจารณาแล้ว
แม้คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 228 (3) ไม่ถือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและอุทธรณ์ได้ เมื่อศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแล้ว ป.วิ.พ. มาตรา 228 วรรคสาม ให้ศาลชั้นต้นดำเนินคดีต่อไปและมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีโดยไม่ต้องหยุดการพิจารณา เว้นแต่ศาลอุทธรณ์เห็นเป็นการสมควรและมีคำสั่งให้งดการพิจารณาไว้ เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้งดการพิจารณาหรืองดการวินิจฉัย การที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีและถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ มีคำสั่งยกคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ จึงชอบด้วยเหตุผลและกระบวนพิจารณาแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4986/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลายื่นคำให้การ: เหตุผลความล่าช้าของจำเลยไม่เพียงพอ ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวนก่อนออกคำสั่ง
ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การในขณะที่เหลือเวลาทำการเพื่อยื่นคำให้การอีกเพียง 2 วัน โดยอ้างว่าเพิ่งได้รับการติดต่อจากจำเลยที่ 1 ให้เป็นทนายความในวันนี้ ต้องสอบถามรายละเอียดในคดี และตรวจเอกสารต่าง ๆ ตลอดจนต้องไปดูสถานที่ตั้งของที่ดินพิพาท เพื่อทำคำให้การได้ถูกต้อง โดยไม่ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้องหรือความจำเป็นอย่างใดจึงติดต่อหาทนายความล่าช้า ความล่าช้าดังกล่าวเป็นความผิดของจำเลยที่ 1 เอง ที่ปล่อยปละละเลยให้ระยะเวลายื่นคำให้การล่วงเลยไปถึง 13 วัน โดยไม่ขวนขวายติดต่อหาทนายความแต่เนิ่น ๆ และแม้ว่าจะเหลือเวลาทำการอีกเพียง 2 วัน แต่คดีนี้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องในฐานะเจ้าของรวมให้จำเลยทั้งสองรังวัดแบ่งแยกที่ดินกรรมสิทธิ์รวม ซึ่งได้ครอบครองเป็นส่วนสัดกันแล้ว และมีแผนที่สังเขปท้ายฟ้องอีกด้วย รูปคดีจึงไม่ยุ่งยากซับซ้อนแต่อย่างใด หากทนายจำเลยที่ 1 สอบถามข้อเท็จจริงอย่างจริงจังและรีบไปดูที่ดินโดยเร็ว เวลาที่เหลือ 2 วัน ก็เพียงพอที่จะทำคำให้การยื่นต่อศาลได้ทันกำหนดเวลา ข้ออ้างตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันจะพึงขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้จำเลยที่ 1 ได้ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่อ้างมาในคำร้องเพียงพอที่จะวินิจฉัยมีคำสั่งได้แล้ว ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจทำคำสั่งไปได้โดยไม่จำเป็นต้องส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์และไต่สวนคำร้องก่อนแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์คดีภาษีอากร: เหตุผล 'อนุมัติเบิกจ่ายล่าช้า' ไม่เพียงพอ
ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาอุทธรณ์โดยอ้างว่ายังไม่ได้รับอนุมัติเบิกจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์จากจำเลย เนื่องจากกรรมการบริษัทจำเลยล้มป่วยลงหลังจากเดินทางกลับจากต่างประเทศไม่สามารถเดินทางไปทำงานที่บริษัทจำเลยได้ ข้ออ้างดังกล่าวมิใช่เหตุจำเป็นที่จะสมควรขยายเวลาให้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 19 เพราะกรรมการบริษัทจำเลยมี 2 คน ซึ่งกรรมการหนึ่งคนสามารถลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญบริษัทจำเลย และมีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยได้ ซึ่งตามคำร้องของจำเลยไม่ปรากฏว่ากรรมการบริษัทจำเลยป่วยทั้ง 2 คน การที่กรรมการบริษัทจำเลยที่เหลืออยู่ไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมไปมอบให้แก่ทนายจำเลย จึงเป็นกรณีที่จำเลยไม่ขวนขวายนำเงินค่าฤชาธรรมเนียม ในการอุทธรณ์ไปวางศาลภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6746/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลอนุญาตถอนฟ้อง: ศาลชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยคัดค้าน เหตุผลไม่เพียงพอ
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าตรวจคำฟ้องโจทก์ คำให้การจำเลย ฟ้องแย้งจำเลย คำร้องขอถอนฟ้อง โจทก์และคำคัดค้านการขอถอนฟ้องโจทก์ของจำเลยแล้ว อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ ถือว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยให้แล้วว่า คำคัดค้านของจำเลยยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3909/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุคัดค้านคำพิพากษาเดิมชัดเจน การอ้างเพียงว่าหากได้ซักค้านพยานแล้วอาจชนะคดีไม่เพียงพอ
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวอ้างว่า ทนายจำเลยเดินทางจากกรุงเทพมหานครมาศาลโดยรถยนต์โดยสารประจำทางระหว่างการเดินทางรถยนต์โดยสารได้เฉี่ยวชนกับรถยนต์คันอื่นทำให้เสียเวลาในการเดินทางเป็นเหตุให้มาซักค้านพยานโจทก์ไม่ทัน ซึ่งตามรูปคดีถ้าหากจำเลยมีโอกาสซักค้านพยานโจทก์ จำเลยก็มีทางจะชนะคดีโจทก์ได้ คำร้องดังกล่าวในตอนแรกกล่าวถึงเหตุที่ทนายจำเลยมาศาลไม่ทันกำหนดเวลานัดถ้ามาทันก็จะสามารถซักค้านพยานโจทก์ได้ ส่วนในตอนหลังคำร้องกล่าวว่า รูปคดีถ้าหากจำเลยมีโอกาสได้ซักค้านพยานโจทก์ จำเลยก็มีทางที่จะชนะคดีได้ ไม่มีข้อความตอนใดที่กล่าวคัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ว่าไม่ชอบอย่างไรและหากได้พิจารณาใหม่แล้ว จำเลยจะชนะคดีอย่างไร การกล่าวเพียงว่าถ้าได้ซักค้านพยานโจทก์ จำเลยอาจชนะคดี ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 วรรคสอง ปัญหานี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3794/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัว - การไม่สามารถนำตัวจำเลยมาศาล - การลดค่าปรับ - เหตุผลไม่เพียงพอ
ผู้ประกันขอลดค่าปรับโดยอ้างว่า ผู้ประกันมิได้เพิกเฉยละเลยต่อสัญญาประกันที่ทำไว้ต่อศาล ได้พยายามติดตามตัวจำเลยมาส่งศาลตลอดมา การผิดสัญญาประกันจึงมิใช่เจตนาร้ายแรง และการที่ผู้ประกันต้องชำระค่าปรับเต็มตามสัญญาประกัน ผู้ประกันต้องเดือดร้อนมากเนื่องจากได้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการติดตามจำเลยไปมาก ผู้ประกันเป็นราษฎรประกอบอาชีพโดยสุจริตและชรามากแล้ว สุขภาพไม่แข็งแรงมีลักษณะคล้ายกับเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก ต้องให้แพทย์รักษาอยู่ตลอดเวลาสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากนั้น ไม่เข้าลักษณะที่ศาลจะปรานีลดค่าปรับให้ผู้ประกันได้ เพราะจนถึงเวลาที่ศาลมีคำพิพากษาเรื่องปรับผู้ประกัน ผู้ประกันก็ยังไม่สามารถนำตัวจำเลยมาส่งศาลเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาของศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3192/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์: เหตุผล 'เพิ่งติดต่อทนาย' ไม่เพียงพอเมื่อทนายได้รับว่าความมาตั้งแต่ต้นและมีข้อมูลครบถ้วน
ทนายจำเลยได้รับว่าความมาแต่ต้น มีรายละเอียดคำเบิกความของพยานโจทก์และพยานจำเลยทั้งหมดพร้อมคำพิพากษา กับเอกสารในคดีตามที่ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอคัดสำเนาไว้เพื่อใช้ศึกษาประกอบในการอุทธรณ์ ทั้งรูปคดีไม่ได้มีความสลับซับซ้อนเป็นพิเศษถึงกับจะเป็นเหตุให้ทนายจำเลยศึกษารายละเอียดและข้อเท็จจริงไม่ทัน นับแต่จำเลยแจ้งความประสงค์จะอุทธรณ์ ทนายจำเลยก็ยังมีเวลาอีก 3 วันที่จะทำอุทธรณ์ได้ทัน ข้ออ้างของทนายจำเลยตามคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 7 วันที่ว่า จำเลยเพิ่งติดต่อทนายความได้และแจ้งความประสงค์จะอุทธรณ์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงขยายระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ให้จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3192/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์: เหตุผลความล่าช้าที่ไม่เพียงพอ
ทนายจำเลยได้รับว่าความมาแต่ต้น มีรายละเอียดคำเบิกความของพยานโจทก์และพยานจำเลยทั้งหมดพร้อมคำพิพากษา กับเอกสารในคดีตามที่ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอคัดสำเนาไว้เพื่อใช้ศึกษาประกอบในการอุทธรณ์ ทั้งรูปคดีไม่ได้มีความสลับซับซ้อนเป็นพิเศษถึงกับจะเป็นเหตุให้ทนายจำเลยศึกษารายละเอียดและข้อเท็จจริงไม่ทัน นับแต่จำเลยแจ้งความประสงค์จะอุทธรณ์ ทนายจำเลยก็ยังมีเวลาอีก 3 วันที่จะทำอุทธรณ์ได้ทัน ข้ออ้างของทนายจำเลยตามคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 7 วันที่ว่า จำเลยเพิ่งติดต่อทนายความได้และแจ้งความประสงค์จะอุทธรณ์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงขยายระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ให้จำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
งดบังคับคดีรอผลคดีอาญา: เหตุผลไม่เพียงพอตามกฎหมาย
ศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์แล้วต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่า บัดนี้ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการฟ้องร้องโจทก์ในข้อหาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราทำหลักฐานเท็จและหลีกเลี่ยงภาษีอากรแล้ว ขอให้สั่งงดการบังคับคดีไว้ รอฟังผลคดีอาญาดังนี้ ข้ออ้างของจำเลยไม่เข้ากรณีที่จะร้องขอให้งดการบังคับคดีได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 ทั้งไม่มีเหตุสมควรให้งดการบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง: เหตุผลที่ไม่เพียงพอ
การที่จะรับฟังพยานหลักฐานซึ่งคู่ความระบุหรือยื่นฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 และ 90 หรือไม่เพียงไรนั้น ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์และเหตุผลเป็นเรื่องๆ ไปคดีที่ศาลให้โจทก์นำสืบก่อนนับแต่วันชี้สองสถานถึงวันสืบพยานโจทก์เป็นระยะเวลาถึง 1 เดือน จำเลยก็ไม่ยื่นบัญชีพยานหรือหาทนายแก้ต่าง แล้วจะอ้างว่าไม่ได้ระบุและส่งสำเนาเอกสารเนื่องจากไม่มีทนายความตนเองไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้กฎหมาย ดังนี้หาได้ไม่ และที่เพิ่งมายื่นบัญชีพยานและส่งเอกสารที่ตนจะอ้างภายหลังที่โจทก์สืบพยานเสร็จสิ้นแล้วทำให้โจทก์เสียเปรียบด้วยกรณีก็ปราศจากเหตุผลอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีพยานและรับฟังพยานหลักฐานนั้นๆ