พบผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385-419/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงานในการสืบพยานและการรับฟังเอกสารพยาน แม้บัญชีระบุพยานไม่สมบูรณ์
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 44 และข้อกำหนดศาลแรงงานว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงานข้อ 10 ให้อำนาจศาลแรงงานสอบถามคู่ความว่าประสงค์จะอ้างและสืบพยานใดบ้างแล้วจดรายชื่อและที่อยู่ของพยานบุคคล สภาพและสถานที่เก็บของพยานเอกสารหรือพยานวัตถุไว้ หรือจะให้คู่ความทำบัญชีระบุพยานยื่นต่อศาลแรงงานในวันนั้นหรือภายในกำหนด 2 วันก็ได้ หากศาลแรงงานเห็นว่าพยานที่คู่ความนำมาสืบยังไม่ได้ข้อเท็จจริงแจ้งชัด ศาลมีอำนาจตามมาตรา 45 ที่จะเรียกพยานหลักฐานมาสืบได้เองตามที่เห็นสมควรและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ซึ่งเป็นกรณีที่มีบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีแรงงานเป็นการเฉพาะแล้วไม่อาจนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) และมาตรา 88 มาอนุโลมใช้บังคับแก่การดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงานตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 31 ได้ศาลแรงงานจึงมีอำนาจเรียกพยานมาสืบได้เองหรือกำหนดให้คู่ความนำพยานมาสืบโดยจะยื่นบัญชีระบุพยานหรือไม่ก็ได้หรือแม้บัญชีระบุพยานจะไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่ง ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งการประชุมผู้ถือหุ้นโดยชอบ แม้มีการส่งหนังสือคืน และการรับฟังเอกสารพยานที่ทนายยอมรับ
เมื่อปรากฏว่าได้มีการส่งหนังสือนัดประชุมใหญ่ให้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทตามภูมิลำเนาของผู้ร้องในวันที่ 21 มกราคม 2537ก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วันแล้ว ย่อมถือได้ว่าได้มีการปฏิบัติตาม ป.พ.พ.มาตรา 1175 แล้ว แม้ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2537 ทางไปรษณีย์จะส่งหนังสือคืนมา และบริษัทได้ส่งซ้ำกลับคืนให้ผู้ร้องในวันนั้น ซึ่งผู้ร้องได้รับในวันที่27 มกราคม 2537 ก่อนวันนัดประชุมสองวัน ก็ไม่มีผลทำให้การส่งครั้งแรกที่ถูกต้องกลายเป็นไม่ชอบ อีกทั้งยังปรากฏว่าในวันที่ 14 มกราคม 2537 ซึ่งเป็นวันที่มีการประชุมกรรมการของบริษัทและมีมติให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 มกราคม 2537 นั้น ผู้ร้องได้ร่วมประชุมอยู่ด้วยและทราบวันนัดประชุมแล้ว จึงถือได้ว่าได้มีการแจ้งวันนัดประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทให้ผู้ร้องทราบโดยชอบแล้ว
แม้เอกสารพิพาทจะเป็นพยานเอกสารที่ผู้คัดค้านที่ 2หมายเรียกมาจากบุคคลภายนอก และในวันนัดสืบพยาน ทนายผู้คัดค้านที่ 2แถลงไม่ติดใจสืบพยาน และผู้คัดค้านที่ 1 มิได้อ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าทนายผู้ร้องซึ่งเบิกความเป็นพยานผู้ร้องเบิกความตอบคำถามค้านของทนายผู้คัดค้านที่ 1 ว่า ไม่คัดค้านเอกสารดังกล่าวเท่ากับเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงในเอกสารดังกล่าว จึงชอบที่ศาลจะรับฟังเอกสารพิพาทดังกล่าวได้
แม้เอกสารพิพาทจะเป็นพยานเอกสารที่ผู้คัดค้านที่ 2หมายเรียกมาจากบุคคลภายนอก และในวันนัดสืบพยาน ทนายผู้คัดค้านที่ 2แถลงไม่ติดใจสืบพยาน และผู้คัดค้านที่ 1 มิได้อ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าทนายผู้ร้องซึ่งเบิกความเป็นพยานผู้ร้องเบิกความตอบคำถามค้านของทนายผู้คัดค้านที่ 1 ว่า ไม่คัดค้านเอกสารดังกล่าวเท่ากับเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงในเอกสารดังกล่าว จึงชอบที่ศาลจะรับฟังเอกสารพิพาทดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7268/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ถูกต้องและผลของการไม่คัดค้านเอกสารพยานหลักฐาน
หนังสือมอบอำนาจมีข้อความว่า "....ฯลฯ.... ข้าพเจ้า อ.ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ในตึกแถวเลขที่ 1/11 ซอยวัฒนโยธิน ถนนราชวิถี แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ขอมอบอำนาจให้ ม. ....ฯลฯ....เป็นผู้รับมอบอำนาจให้มีอำนาจกระทำการแทนข้าพเจ้าในกิจการดังต่อไปนี้ ข้อ 1.ให้มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้อง ว.ผู้เช่าตึกแถวดังกล่าวเป็นจำเลยต่อศาลแพ่ง รวมทั้งมีอำนาจแก้ฟ้องแย้งของจำเลย และให้มีอำนาจดำเนินคดีแทนข้าพเจ้าได้ทุกประการ...." การมอบอำนาจตามข้อความที่ระบุไว้ดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่โจทก์มอบอำนาจให้กระทำการครั้งเดียว มิใช่มอบอำนาจทั่วไปให้แก่ ม. จึงต้องปิดอากรแสตมป์เพียง 10 บาท ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 104 และบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 7 (ก) ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าหนังสือมอบอำนาจฉบับนี้ ได้ปิดอากรแสตมป์10 บาท ครบถ้วนแล้วในวันยื่นฟ้อง ศาลจึงรับฟังหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานในคดีได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และแม้ภายหลังโจทก์นำหนังสือมอบอำนาจนั้นไปติดอากรแสตมป์เพิ่มอีก 20 บาท โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือขออนุญาตปิดอากรแสตมป์จากศาล ก็หามีผลทำให้หนังสือมอบอำนาจนั้นกลับเป็นหนังสือมอบอำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใดไม่
โจทก์ได้ระบุอ้างหนังสือให้ความยินยอมเป็นพยานและได้นำต้นฉบับเอกสารดังกล่าวมาสืบเป็นพยานหลักฐานของโจทก์ในวันสืบพยาน การที่โจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน ตามป.วิ.พ.มาตรา 90 วรรคหนึ่ง อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น หากจำเลยเห็นว่าโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันเป็นผิดระเบียบจำเลยจะต้องยื่นคัดค้านเสียภายใน 8 วัน ตามมาตรา 27 แห่ง ป.วิ.พ. เมื่อจำเลยทราบตั้งแต่ขณะที่โจทก์นำต้นฉบับเอกสารดังกล่าวมาสืบแล้วว่าเป็นการผิดระเบียบ แต่จำเลยก็มิได้คัดค้านเสียภายใน 8 วัน นับแต่วันที่จำเลยได้ทราบเช่นนั้น จำเลยจึงไม่อาจยกเหตุดังกล่าวขึ้นมาอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านในภายหลังได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ได้ระบุอ้างหนังสือให้ความยินยอมเป็นพยานและได้นำต้นฉบับเอกสารดังกล่าวมาสืบเป็นพยานหลักฐานของโจทก์ในวันสืบพยาน การที่โจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน ตามป.วิ.พ.มาตรา 90 วรรคหนึ่ง อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น หากจำเลยเห็นว่าโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันเป็นผิดระเบียบจำเลยจะต้องยื่นคัดค้านเสียภายใน 8 วัน ตามมาตรา 27 แห่ง ป.วิ.พ. เมื่อจำเลยทราบตั้งแต่ขณะที่โจทก์นำต้นฉบับเอกสารดังกล่าวมาสืบแล้วว่าเป็นการผิดระเบียบ แต่จำเลยก็มิได้คัดค้านเสียภายใน 8 วัน นับแต่วันที่จำเลยได้ทราบเช่นนั้น จำเลยจึงไม่อาจยกเหตุดังกล่าวขึ้นมาอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านในภายหลังได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาเอกสารพยาน และการรับฟังเอกสารโดยคู่ความมิได้คัดค้าน
การที่จะส่งเอกสารไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ เป็นสิทธิของคู่ความไม่ใช่หน้าที่ของศาล แต่การตรวจพิจารณาเปรียบเทียบลายมือชื่อในเอกสารที่คู่ความส่งต่อศาลเป็นการพิจารณาอย่างหนึ่ง ศาลย่อมมีอำนาจทำได้
จำเลยไม่ได้คัดค้านในการที่โจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยทราบก่อนวันสืบพยาน เมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ย่อมมีอำนาจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
จำเลยไม่ได้คัดค้านในการที่โจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยทราบก่อนวันสืบพยาน เมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ย่อมมีอำนาจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าอ้างเอกสาร & ตัวแทนเชิด: เอกสารเป็นพยานได้เมื่อชำระค่าธรรมเนียม, ตัวแทนเชิดไม่ต้องมีหลักฐานหนังสือ
ไม่ปรากฏว่า ผู้อ้างขัดขืนไม่ยอมเสียค่าอ้างเอกสาร เมื่อต่อมาผู้อ้างได้เสียค่าอ้างตามคำสั่งศาลครบถ้วนแล้ว เอกสารที่อ้างจึงเป็นเอกสารที่รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ตัวแทนเชิดหรือตัวแทนโดยปริยายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 821 และมาตรา 797 วรรคสองนั้นไม่อยู่ในบังคับมาตรา 798 ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ตัวแทนเชิดหรือตัวแทนโดยปริยายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 821 และมาตรา 797 วรรคสองนั้นไม่อยู่ในบังคับมาตรา 798 ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเอกสารพยานในคดีอาญา: ผู้ถูกเรียกไม่มีเอกสาร และโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย
ศาลมีคำสั่งให้บุคคลส่งเอกสารมาเป็นพยานในคดีอาญาผู้นั้นแจ้งต่อศาลว่าไม่มีเอกสารนั้นในครอบครอง โจทก์ในคดีอาญาเรื่องนั้นไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องผู้ถูกเรียกเอกสารตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 170,137
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2486/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารพยานนอกเหนือการครอบครองจำเลย ไม่ต้องส่งสำเนาให้โจทก์
เอกสารที่จำเลยระบุอ้างเป็นพยานอยู่กับคนภายนอก จำเลยไม่ต้องส่งสำเนาแก่โจทก์ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อิสระในการพิจารณาคดีอาญา: ศาลไม่ผูกพันตามข้อเท็จจริงในคดีก่อน & การอ้างเอกสารพยาน
ในคดีอาญา แม้จำเลยจะนำสืบถึงพยานเอกสารใดโดยมิได้นำพยานเอกสารนั้นไปซักค้านพยานโจทก์ให้อธิบายไว้เสียก่อน จำเลยก็ยังอ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานได้
ไม่มีบทกฎหมายใดบังคับว่าการพิจารณาคดีอาญาที่กล่าวหากันด้วยข้อเท็จจริงที่ได้เคยมีการวินิจฉัยชี้ขาดไว้ในคดีเรื่องก่อนแล้ว ศาลที่พิจารณาคดีหลังจะต้องถือข้อเท็จจริงที่ศาลได้วินิจฉัยไว้ในคดีก่อน
ไม่มีบทกฎหมายใดบังคับว่าการพิจารณาคดีอาญาที่กล่าวหากันด้วยข้อเท็จจริงที่ได้เคยมีการวินิจฉัยชี้ขาดไว้ในคดีเรื่องก่อนแล้ว ศาลที่พิจารณาคดีหลังจะต้องถือข้อเท็จจริงที่ศาลได้วินิจฉัยไว้ในคดีก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1813/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการเรียกเอกสารพยาน และหน้าที่ของผู้ครอบครองเอกสารตามกฎหมาย
สำนวนการสอบสวนคดีอาญาซึ่งอยู่ในความครอบครองของพนักงานอัยการ เมื่อศาลมีคำสั่งเรียกมาเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีแพ่ง พนักงานอัยการจะไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าผู้ต้องหาหลบหนียังอยู่ในระหว่างหมายจับ ถ้าจับได้มาจะไม่มีสำนวนดำเนินคดีนั้นไม่เป็นเหตุตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำสั่งของศาลได้ทั้งทางแก้ก็มีอยู่แล้วโดยการคัดสำเนาส่งศาลแทน
พนักงานอัยการเคยนำส่งสำนวนการสอบสวนมาศาลครั้งหนึ่งแล้วในวันพิจารณาและขอรับคืนไปเมื่อเสร็จการพิจารณาเฉพาะวัน ครั้นภายหลังศาลมีคำสั่งเรียกให้ส่งมาเพื่อใช้พิจารณาประกอบการพิพากษา พนักงานอัยการจะปฏิเสธไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าเป็นความลับในราชการ ย่อมฟังไม่ขึ้น
การอนุญาตให้คู่ความอ้างเอกสารใดเป็นพยาน และจะมีคำสั่งเรียกมาหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ตามกฎหมายผู้ครอบครองเอกสารจะโต้แย้งว่าศาลไม่ควรอนุญาตหรือไม่ควรเรียกมาหาได้ไม่
คำสั่งของศาลที่เรียกเอกสารจากผู้ครอบครองกฎหมายมิได้กำหนดแบบไว้ ศาลจะมีคำสั่งในรูปหนังสือราชการก็อาจทำได้
การหมายเรียกบุคคลที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งเอกสารมาศาลเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลนั้นเมื่อศาลมีคำสั่งยืนยันให้ส่งเอกสารก็แสดงอยู่ในตัวว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลฟังได้
พนักงานอัยการเคยนำส่งสำนวนการสอบสวนมาศาลครั้งหนึ่งแล้วในวันพิจารณาและขอรับคืนไปเมื่อเสร็จการพิจารณาเฉพาะวัน ครั้นภายหลังศาลมีคำสั่งเรียกให้ส่งมาเพื่อใช้พิจารณาประกอบการพิพากษา พนักงานอัยการจะปฏิเสธไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าเป็นความลับในราชการ ย่อมฟังไม่ขึ้น
การอนุญาตให้คู่ความอ้างเอกสารใดเป็นพยาน และจะมีคำสั่งเรียกมาหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ตามกฎหมายผู้ครอบครองเอกสารจะโต้แย้งว่าศาลไม่ควรอนุญาตหรือไม่ควรเรียกมาหาได้ไม่
คำสั่งของศาลที่เรียกเอกสารจากผู้ครอบครองกฎหมายมิได้กำหนดแบบไว้ ศาลจะมีคำสั่งในรูปหนังสือราชการก็อาจทำได้
การหมายเรียกบุคคลที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งเอกสารมาศาลเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลนั้นเมื่อศาลมีคำสั่งยืนยันให้ส่งเอกสารก็แสดงอยู่ในตัวว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1813/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการเรียกเอกสารพยานหลักฐาน และหน้าที่ของผู้ครอบครองเอกสารในการส่งมอบตามคำสั่งศาล แม้มีข้ออ้างเรื่องความลับ
สำนวนการสอบสวนคดีอาญาซึ่งอยู่ในความครอบครองของพนักงานอัยการ เมื่อศาลมีคำสั่งเรียกมาเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีแพ่ง พนักงานอัยการจะไม่ยอมส่ง โดยอ้างว่าผู้ต้องหาหลบหนียังอยู่ในระหว่างหมายจับ ถ้าจับได้มา จะไม่มีสำนวนดำเนินคดีนั้น ไม่เป็นเหตุตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำสั่งของศาลได้ทั้งทางแก้ก็มีอยู่แล้วโดยการคัดสำเนาส่งศาลแทน
พนักงานอัยการเคยนำส่งสำนวนการสอบสวนมาศาลครั้งหนึ่งแล้วในวันพิจารณาและขอรับคืนไปเมื่อเสร็จการพิจารณาเฉพาะวัน ครั้นภายหลังศาลมีคำสั่งเรียกให้ส่งมาเพื่อใช้พิจารณาประกอบการพิพากษา พนักงานอัยการจะปฏิเสธไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าเป็นความลับในราชการ ย่อมฟังไม่ขึ้น
การอนุญาตให้คู่ความอ้างเอกสารใดเป็นพยาน และจะมีคำสั่งเรียกมาหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ตามกฎหมายผู้ครอบครองเอกสารจะโต้แย้งว่า ศาลไม่ควรอนุญาตหรือ ไม่ควรเรียกมาหาได้ไม่
คำสั่งของศาลที่เรียกเอกสารจากผู้ครอบครอง กฎหมายมิได้กำหนดแบบไว้ ศาลจะมีคำสั่งในรูปหนังสือราชการก็อาจทำได้
การหมายเรียกบุคคลที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งเอกสารมาศาลเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลนั้น เมื่อศาลมีคำสั่งยืนยันให้ส่งเอกสารก็แสดงอยู่ในตัวว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลฟังได้
พนักงานอัยการเคยนำส่งสำนวนการสอบสวนมาศาลครั้งหนึ่งแล้วในวันพิจารณาและขอรับคืนไปเมื่อเสร็จการพิจารณาเฉพาะวัน ครั้นภายหลังศาลมีคำสั่งเรียกให้ส่งมาเพื่อใช้พิจารณาประกอบการพิพากษา พนักงานอัยการจะปฏิเสธไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าเป็นความลับในราชการ ย่อมฟังไม่ขึ้น
การอนุญาตให้คู่ความอ้างเอกสารใดเป็นพยาน และจะมีคำสั่งเรียกมาหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ตามกฎหมายผู้ครอบครองเอกสารจะโต้แย้งว่า ศาลไม่ควรอนุญาตหรือ ไม่ควรเรียกมาหาได้ไม่
คำสั่งของศาลที่เรียกเอกสารจากผู้ครอบครอง กฎหมายมิได้กำหนดแบบไว้ ศาลจะมีคำสั่งในรูปหนังสือราชการก็อาจทำได้
การหมายเรียกบุคคลที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งเอกสารมาศาลเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลนั้น เมื่อศาลมีคำสั่งยืนยันให้ส่งเอกสารก็แสดงอยู่ในตัวว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลฟังได้