พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5992/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลการรังวัดสอบเขตที่ดินเป็นเด็ดขาดตามข้อตกลง หากผลรังวัดตรงตามข้อตกลงจำเลยต้องแพ้คดี
โจทก์และจำเลยตกลงท้ากันให้ถือเอาผลการรังวัดสอบเขตที่ดินพิพาทตามหลักวิชาการเป็นข้อชี้ขาดปัญหา เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการรังวัดทำแผนที่พิพาทโดยถูกต้องด้วยการส่องกล้องและให้ความเห็นว่า "อาคารพิพาทของจำเลยทั้งสองน่าจะอยู่ในที่ดินของโจทก์" ถือได้ว่าผลของการรังวัดสอบเขตสมความประสงค์ของคู่ความและตรงตามคำท้าของโจทก์และจำเลยที่ตกลงกันแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 การที่เจ้าพนักงานที่ดินให้ความเห็นว่า "น่าจะ" นั้นเป็นเพราะความเห็นที่ให้นั้นเกิดจากข้อเท็จจริงที่พบเห็นจากพยานหลักฐานในขณะกำลังทำการรังวัด หาใช่เป็นการไม่ยืนยันมั่นคงแต่อย่างใดไม่ จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8407/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอพิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 207 ว.พ.พ. ต้องเป็นคู่ความที่ถูกศาลสั่งให้แพ้คดีและถูกสั่งขาดนัด
ผู้ที่จะมีสิทธิร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 นั้น นอกจากจะต้องเป็นคู่ความฝ่ายที่ถูกศาลสั่งว่าขาดนัดพิจารณาแล้ว จะต้องปรากฏว่าศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นข้อพิพาทด้วย คดีนี้ผู้คัดค้านนำคำคัดค้านและขอเลื่อนคดีมายื่นต่อศาลชั้นต้นหลังจากที่ศาลได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบุตรชายด้วย กฎหมายของผู้ตายเสร็จสิ้นไปก่อนแล้ว การที่ศาลมีคำสั่งไม่รับคำคัดค้านและไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี คดีนี้จึงยังคงเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทและไม่มีประเด็นข้อพิพาท เมื่อผู้คัดค้านมิได้ถูกศาลสั่งว่าขาดนัดพิจารณา และศาลมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้คัดค้านแพ้คดีในประเด็นข้อพิพาท ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 207
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอพิจารณาใหม่ในคดีเยาวชนและครอบครัว ต้องเป็นคู่ความที่ศาลสั่งขาดนัดและแพ้คดี
คดีเยาวชนและครอบครัวผู้ที่จะขอให้มีการพิจารณาใหม่ ต้องเป็นคู่ความฝ่ายที่ศาลแสดงว่าขาดนัดพิจารณา และศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นที่พิพาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ. 2534 มาตรา 6 คดีที่มารดา ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้เยาว์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท จึงไม่มีประเด็นที่พิพาทและผู้คัดค้านเพิ่งยื่นคำร้องเข้ามาภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งว่าผู้เยาว์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายแล้วไม่ได้เข้าเป็นคู่ความในคดีมาแต่แรก เป็นเหตุให้ไม่มีโอกาสที่จะถูกศาลสั่งให้เป็นฝ่ายขาดนัดพิจารณาและมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นพิพาท ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำท้าต่อการดำเนินคดี: ศาลต้องให้ปฏิบัติตามคำท้าก่อนพิจารณาประเด็นอื่น หากไม่ปฏิบัติตามถือเป็นเหตุแพ้คดี
คู่ความทั้งสองฝ่ายท้ากันให้ไปดื่มน้ำสาบาน โดยโจทก์ทั้งสองกับจำเลยทั้งสี่จะต้องสาบานตัวทุกคนตามที่กำหนด หากเป็นไปดังคำท้าทั้งสองฝ่ายจะแบ่งที่ดิน น.ส. 3 ที่พิพาทกันฝ่ายละกึ่งหนึ่งไม่ติดใจเรียกร้องอะไรกันอีก แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่กล้าสาบานหรือสาบานตัวไม่ครบทุกคน ถือว่า ฝ่ายนั้นแพ้คดี ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องอะไรในที่พิพาทอีก ในวันนัดพร้อมเพื่อไปสาบานตัว โจทก์ทั้งสองและทนายกับจำเลยทั้งสี่และทนายมาศาล จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4แถลงว่าวันที่ตกลงท้ากันตนไม่ได้มาศาลมิได้ยินยอมด้วย ขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เป็นกระบวนพิจารณาที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 กระทำต่อศาล หาใช่กรณีจำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ 4 ตกลงขอยกเลิกคำท้าต่อโจทก์ทั้งสองเปลี่ยนเป็นให้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างธรรมดาไม่ การที่ทนายโจทก์แถลงไม่คัดค้านคำแถลงของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ก็เนื่องจากข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ 4 แถลงเป็นความจริง ไม่มีอะไรจะต้องคัดค้าน ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำท้าไม่มีผลบังคับจึงให้ดำเนินกระบวนพิจารณานัดสืบพยานโจทก์ต่อไป ไม่ได้ให้คู่ความปฏิบัติตามคำท้า เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ถูกต้อง การที่ฝ่ายโจทก์ไม่คัดค้านจะถือว่าตกลงยินยอมยกเลิกคำท้ากับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 หาได้ไม่คำท้ายังมีผลผูกพันคู่ความอยู่ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าคู่ความยังมิได้ปฏิบัติตามคำท้า สมควรที่จะต้องยกคำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วกำหนดให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้เป็นไปตามคำท้า และพิพากษาคดีไปตามนั้น ที่จำเลยทั้งสี่ฎีกาว่า จำเลยทั้งสี่มิได้คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นไว้ในระยะเวลาอันสมควรจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์และฎีกานั้นเมื่อจำเลยทั้งสี่มิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างไว้ในคำแก้อุทธรณ์ถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1151/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความประมาทเลินเล่อทำให้เอกสารสำคัญสูญหาย เป็นเหตุให้แพ้คดี เจ้าของคดีมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้
โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยเป็นทนายความฟ้อง ด. ให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมแก่โจทก์ โดยโจทก์มอบต้นฉบับสัญญากู้ยืมให้จำเลยไปแล้ว แต่จำเลยกลับทำให้ต้นฉบับสัญญากู้ยืมสูญหายไปตกอยู่ในความครอบครองของ ด. เป็นเหตุให้โจทก์แพ้คดี ถือว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์โดยประมาทเลินเล่อ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1151/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความประมาทเลินเล่อทำให้เอกสารสำคัญสูญหาย ทำให้เจ้าหนี้แพ้คดีและต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ได้มอบต้นฉบับสัญญากู้ยืมเงินให้จำเลยซึ่งเป็นทนายความฟ้องเรียกเงินตามสัญญาดังกล่าวจาก ด. จำเลยประมาทเลินเล่อทำให้ต้นฉบับสัญญากู้ยืมสูญหายไปตกอยู่ในครอบครองของ ด. อันเป็นเหตุให้โจทก์แพ้คดีที่ฟ้องเรียกเงินกู้ยืมจาก ด. และทำให้โจทก์เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นละเมิด จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาคดีใหม่หลังยอมความ: ต้องเป็นการแพ้คดีเพราะขาดนัดเท่านั้น
การที่จำเลยจะขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้นั้น ป.วิ.พ. มาตรา 207บัญญัติว่า ต้องเป็นเรื่องแพ้คดีเพราะขาดนัดพิจารณา การที่จำเลยขอพิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่าจำเลย ทำสัญญาประนีประนอมยอมความไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และถูกโจทก์ฉ้อฉล ซึ่งไม่ใช่เรื่องแพ้คดีเพราะขาดนัดพิจารณา จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอพิจารณาใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ในคดีแพ่ง: คำพยานไม่น่าเชื่อถือแม้ไม่มีพยานฝ่ายตรงข้ามก็แพ้คดี
การชั่งคำพยานในคดีแพ่งนั้น หาใช่หมายถึงจะต้องชั่งน้ำหนักคำพยานอันเกิดจากการนำสืบของคู่ความทั้งสองฝ่ายเสมอไปไม่ถ้าปรากฏว่าฝ่ายใดมีภาระการพิสูจน์ก่อน แต่คำพยานไม่น่าเชื่อถือ นำสืบไม่สมข้ออ้าง แม้เป็นการนำสืบฝ่ายเดียวโดยคู่ความอีกฝ่ายไม่มีพยานมาสืบก็ต้องแพ้คดี.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2279-2280/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินไม่จดทะเบียนเป็นโมฆะตามกฎหมาย ผู้ซื้อต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี
คู่ความท้ากันประเด็นเดียวว่า โจทก์ทั้งสองซื้อที่พิพาทมาโดยชอบหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทั้งสองซื้อที่พิพาทโดยมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อที่พิพาทจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 และโจทก์ทั้งสองต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1100/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้เชี่ยวชาญเป็นเหตุให้จำเลยแพ้คดีตามคำท้า แม้ผลการตรวจไม่ชัดเจน
โจทก์จำเลยท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ลายมือชื่อในช่องผู้กู้ในสัญญาว่าเป็นลายมือของจำเลยหรือไม่ ถ้าเป็นลายมือชื่อของจำเลย จำเลยยอมแพ้คดีผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อจำเลยและลายมือชื่อผู้กู้ในสัญญากู้แล้วมีความเห็นว่าน่าจะเป็นลายมือชื่อของบุคคลเดียวกัน ดังนี้ ถือได้ว่าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อของจำเลยตรงตามคำท้าอันเป็นเหตุให้จำเลยแพ้คดีตามคำท้าแล้วหาจำต้องนำเอาข้อเท็จจริงอื่นมาฟังประกอบอีกไม่ ดังนั้น ปัญหาที่ว่าศาลอุทธรณ์นำคำรับในคำให้การของจำเลยมาวินิจฉัยร่วมกับผลการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญให้จำเลยแพ้คดีเป็นการชอบหรือไม่ จึงไม่จำเป็นต่อรูปคดีที่ศาลฎีกาต้องวินิจฉัยอีกต่อไป.