คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
แย่งครอบครอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การฟ้องแย่งครอบครองต้องมีการยึดถือครอบครองก่อน มิใช่แค่การรังวัดเพื่อออกโฉนด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่ดินพิพาทมีชื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์แต่โจทก์ได้แย่งการครอบครองและเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา การที่จำเลยนำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินพิพาทโดยที่จำเลยยังไม่ได้เข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินพิพาท ดังนั้น ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยแย่งสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทจึงยังไม่เกิด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทแต่อย่างใด ทั้งในการพิพากษาคดีศาลจะต้องพิพากษาตามคำขอของโจทก์ ซึ่งตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์มิได้ขอให้ศาลห้ามมิให้จำเลยออกโฉนดที่ดินพิพาท แต่กลับขอให้จำเลยจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อผู้มีสิทธิครอบครองการทำประโยชน์เป็นชื่อของโจทก์ จึงไม่มีกรณีจะพิพากษาให้ตามคำขอของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4655/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้อนในคดีแย่งครอบครองที่ดิน: ศาลอนุญาตแก้ไขคำฟ้องเดิมแล้ว การฟ้องคดีใหม่เป็นเรื่องเดียวกัน
คดีก่อนโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีแพ่งว่า จำเลยที่ 1ขายที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 โดยไม่แจ้งและเสนอขายให้โจทก์ในฐานะผู้เช่าก่อน ขอให้บังคับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ตาม พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 54 แต่ขณะที่คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณา จำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ขอเพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาท แล้วจำเลยทั้งสามได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ยอมจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทคืนให้แก่จำเลยที่ 1โจทก์จึงได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องในคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามดังกล่าวนั้นโดยขอให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษากลับอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องได้ ดังนั้นเมื่อศาลฎีกาได้อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องได้แล้ว การที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีจำเลยทั้งสามเป็นคดีใหม่อีกโดยขอให้เพิกถอนนิติกรรมสัญญาประนีประนอมยอมความการจดทะเบียนโอนในโฉนดที่ดินพิพาท ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่กระทำกันในคดีที่จำเลยที่ 1ฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 เพื่อให้ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามเดิมนั้น เป็นการฟ้องในมูลคดีเรื่องเดียวกันกับคดีก่อน ทรัพย์สินรายเดียวกัน มีประเด็นต้องวินิจฉัยเช่นเดียวกันว่าโจทก์จะมีสิทธิบังคับซื้อที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตาม พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524ได้หรือไม่ เมื่อคดีก่อนอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น การที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีอีกดังกล่าว จึงเป็นการฟ้องซ้อน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน: โจทก์ต่างกันในคดีจัดการมรดกและฟ้องแย่งครอบครองที่ดิน ไม่ขัดมาตรา 173 วรรคสอง ป.วิ.พ.
คดีก่อนซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยเป็นผู้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ ผ. โดยโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ร้องคัดค้าน ส่วนคดีนี้ผู้ร้องคัดค้านกลับเป็นโจทก์ฟ้องผู้ร้องขอเป็นจำเลย โจทก์ในคดีนี้จึงมิใช่โจทก์คนเดียวกับคดีก่อน ฟ้องโจทก์จึงหาต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสองไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4041/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินโดยอาศัยอยู่เดิม หากต้องการแย่งครอบครองต้องแจ้งให้ทราบ การไม่แจ้งถือเป็นการครอบครองแทน
การที่จำเลยอาศัยที่ดินพิพาทของโจทก์อยู่ หากต่อมาประสงค์จะแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยต้องแจ้งให้แก่โจทก์ผู้ครอบครองทราบ เพื่อเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองว่าต่อไปจะครอบครองเพื่อตนเอง เมื่อจำเลยมิได้กระทำอย่างใดให้เห็นว่าเป็นการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท การครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การแย่งครอบครองต้องมีการครอบครองจริงก่อน
จำเลยที1 ได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ทับที่ดินของโจทก์ แล้วโอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยทั้งสองมิได้เข้ามาครอบครองที่ดินพิพาท ดังนี้ ข้ออ้างการแย่งสิทธิครอบครองของจำเลยทั้งสองย่อมจะยังไม่เกิดขึ้น จะนำเอามาตรา 1374, 1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาบังคับแต่คดีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองร่วมที่ดิน: เมื่อการแย่งครอบครองทำให้เกิดสิทธิร่วม
ที่ดินซึ่งโจทก์จำเลยแย่งกันครอบครองตอนที่อยู่ติดต่อกันโจทก์จำเลยชอบที่จะมีสิทธิครอบครองร่วมกัน จำเลยมีสิทธิครอบครองร่วมอยู่ด้วยจึงมีสิทธิใช้ที่พิพาทได้ไม่เป็นละเมิดไม่ต้องใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ใช้ที่พิพาทนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1945/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์หลังการซื้อที่จากการขายทอดตลาด แม้เจ้าของเดิมยังทำกินอยู่ ก็ไม่ถือเป็นการแย่งครอบครอง
โจทก์แพ้คดีถูกยึดที่พิพาทขายทอดตลาด จำเลยเป็นผู้ซื้อได้แล้วมิได้ปล่อยปละละเลยที่พิพาทแต่อย่างใด ได้จัดการให้มีการออก น.ส.3 และจดทะเบียนรับโอนมาจากโจทก์แม้โจทก์จะยึดถือที่พิพาทตลอดมาเกินกว่า 1 ปี แต่เป็นการยึดถือเพราะเป็นเจ้าของเดิมทำกินในที่พิพาทต่อเนื่องกันมา โดยจำเลยยังไม่ประสงค์จะขับไล่ให้ออกไปในระหว่างที่ยังดำเนินการเพื่อให้มีการจดทะเบียน ดังนี้เมื่อไม่มีพฤติการณ์ใด ๆ ขึ้นใหม่อันแสดงให้เห็นว่าเป็นการแบ่งการครอบครองแล้ว ย่อมจะกำหนดเวลาการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาปรับแก่คดีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ไม่ใช่หลักฐานกรรมสิทธิ์ สิทธิซื้อขายสุจริตใช้ไม่ได้กับผู้แย่งครอบครอง
หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ไม่ใช่หลักฐานกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนจะนำมาตรา 1299,1300 มาใช้เพื่ออ้างว่าได้ซื้อที่ดินโดยสุจริตจึงมีสิทธิดีกว่าผู้แย่งครอบครองที่ดินนั้นจากผู้ขายไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พิพาทสิทธิครอบครอง: อายุความ 1 ปีตามมาตรา 1754 ไม่ใช้บังคับเมื่อเป็นการแย่งการครอบครองโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่า มารดายกที่สวน (ที่ดินมือเปล่า) ให้แก่โจทก์ และมารดาได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์อีกชั้นหนึ่ง โจทก์ได้ครอบครองตลอดมา เมื่อมารดาถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ได้ขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดินดังกล่าว จำเลย (ซึ่งเป็นพี่ชาย) คัดค้านอ้างว่ามีส่วนเป็นเจ้าของด้วย จำเลยให้การต่อสู้ว่าบิดามารดายกที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินนั้นให้จำเลย จำเลยครอบครองมา ดังนี้ เป็นเรื่องพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิครอบครองโดยตรง จะนำอายุความ 1 ปี ซึ่งเป็นอายุความในเรื่องมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 มาใช้บังคับหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำหรือไม่: การฟ้องแย่งครอบครองที่ดินหลังศาลเดิมยกฟ้องเนื่องจากขาดรายละเอียดการบุกรุก
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทมาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน และพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยพยายามจะบุกรุกเมื่อใด และเมื่อจำเลยยังมิได้บุกรุกก็ไม่เป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ส่วนข้อที่โจทก์ขอศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทนั้น ศาลไม่อาจสั่งให้ได้ เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีใหม่ยืนยันว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทแน่นอนเมื่อใดเป็นเนื้อที่เท่าใด ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของใคร และจำเลยบุกรุกที่พิพาทจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ในคดีหลัง
of 2