พบผลลัพธ์ทั้งหมด 20 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8083/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรอง: ศาลลดโทษจากประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิต และพิจารณาการริบทรัพย์
จำเลยทั้งสามเป็นคนร้ายร่วมกันฆ่าผู้ตาย แต่โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยทั้งสามไตร่ตรองไว้ก่อน และไม่ปรากฎว่าจำเลยทั้งสามตั้งใจมาแต่ต้นว่าจะมาฆ่าผู้ตาย การที่จำเลยทั้งสามสมคบกันมาหาเรื่องวิวาทกับผู้ตาย เพราะเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ที่จำเลยที่ 1 เตรียมอาวุธปืนมาด้วยเพื่อใช้ในการวิวาท ก็เพราะฝ่ายจำเลยทราบดีว่าผู้ตายซึ่งเป็นยามรักษาความปลอดภัยมีอาวุธปืนประจำตัว และเมื่อจำเลยทั้งสามมาพบผู้ตายฝ่ายจำเลยก็หาได้ยิงหรือทำร้ายผู้ตายในทันทีทันใดไม่ แต่ได้หาเรื่องก่อการวิวาทขึ้นก่อน พฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่า การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันฆ่าผู้ตายเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้จำเลยทั้งสามมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกาโดยตรง ศาลฎีกาก็วินิจฉัยได้เองเพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 อาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่จำเลยใช้ยิงผู้ตายเป็นของผู้ตายเองดังนั้น กระสุนปืนหัวกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม.จึงไม่ใช่ทรัพย์ที่พึงริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน พิจารณาจากเหตุการณ์ก่อนหน้าและพฤติการณ์หลังเกิดเหตุ
จำเลยกับผู้ตายไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน จำเลยรับฟังเรื่องที่ ส. น้องสาวเล่าว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ ยิงปืนขู่แล้ว ส. ให้จำเลยไปเอากระบือการที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วย อาจเพราะเป็นเวลามือค่ำ หรือเพื่อป้องกันตัวก็ได้ อีกทั้งก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายยังได้ มีการพูดจาทักทาย กันก่อน หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่เช่นนี้ การกระทำผิดของจำเลยไม่เป็นการกระทำโดย ไตร่ตรอง ไว้ก่อน ตาม ป.อ. มาตรา 289(4).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน และความผิดฐานมีอาวุธปืน
ผู้เสียหายกับจำเลยทั้งสองไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน และไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีเรื่องขัดแย้งกับผู้อื่นอย่างร้ายแรงอันจะทำให้เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสองถูกจ้างวานมาฆ่าผู้เสียหาย ดังนี้ การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ใต้ถุนบ้านของผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้วางแผนมาก่อนหรือมาซุ่มรอเพื่อจะดักฆ่าผู้เสียหายนั้น จะถือว่าเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนยังไม่ถนัดเพราะจำเลยทั้งสองอาจคิดฆ่าผู้เสียหายในขณะเดินผ่านที่เกิดเหตุก็เป็นได้
คดีไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามกฎหมาย คงได้ความเพียงว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนเท่านั้น เมื่อไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลางจะฟังว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตหาได้ไม่ แต่เมื่อจำเลยที่ 1เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้วพาอาวุธปืนนั้นไป จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจำเลยที่ 2 เมื่อข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่ามีส่วนร่วมในการพาอาวุธปืน จึงไม่มีความผิดในฐานนี้ด้วย.
คดีไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามกฎหมาย คงได้ความเพียงว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนเท่านั้น เมื่อไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลางจะฟังว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตหาได้ไม่ แต่เมื่อจำเลยที่ 1เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้วพาอาวุธปืนนั้นไป จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจำเลยที่ 2 เมื่อข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่ามีส่วนร่วมในการพาอาวุธปืน จึงไม่มีความผิดในฐานนี้ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5733/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานฆ่าโดยเจตนา แต่ไม่มีการไตร่ตรองไว้ก่อน ลดโทษจากเจตนาเป็นไม่เจตนา
จำเลยเคยโกรธเคืองผู้ตายที่ไม่ยอมให้จำเลยเหมารอบรำวงถึง กับชักอาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าก่อนเกิดเหตุประมาณ 27-28 วัน ในวันเกิดเหตุผู้ตายไปนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่ร้านอาหารซึ่งมีจำเลยกับพวกนั่งอยู่ก่อน ต่อมาจำเลยได้เดินมาทางด้านหลังของผู้ตายและพูดว่าเฮ้ยนักเลงหรือไง พร้อมกับใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายด้านหลังถึงแก่ความตาย ดังนี้ผู้ตายพบจำเลยโดยบังเอิญจำเลยอาจมีความเจ็บแค้นผู้ตายมาก่อนที่ขัดขวางไม่ยอมให้จำเลยเหมารอบรำวงซึ่งเวลาได้ผ่านพ้นไปแล้วนานเกือบเดือน ความโกรธแค้นน่าจะลดหายไปไม่ปรากฏว่าจำเลยมีความอาฆาตคอยติดตามเพื่อจะทำร้ายผู้ตายอีก ที่จำเลยพบผู้ตายในคืนเกิดเหตุ ความแค้นที่เคยมีต่อผู้ตายอาจเกิดขึ้นกะทันหันก็ได้ พฤติการณ์แห่งคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีแผนการอย่างหนึ่งอย่างใดไว้ล่วงหน้า หรือไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อที่จะฆ่าผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4230/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการฆ่า, เจตนา, การกระทำโดยไม่ได้ไตร่ตรอง, ลดโทษจากประโยชน์ในการพิจารณา
จำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตาย แล้วจำเลยมาพบกับภรรยาผู้ตายที่บ้านผู้ตายในเวลากลางคืน โดยให้เพื่อนผู้ชาย 2คนไปเฝ้าที่หน้าห้องนอนผู้ตายเพื่อผู้ตายตื่นขึ้นมาจำเลยจะได้ออกไปทางประตูหน้าบ้านได้ทัน แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะให้เพื่อนของตนขัดขวางไม่ให้ผู้ตายพบเห็นจำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตายดังนี้ เมื่อเพื่อนของจำเลยซึ่งนำอาวุธมีดติดตัวมาแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย จึงอยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่มีเจตนาจะไม่ให้ผู้ตายมาพบเห็นการกระทำของจำเลยถือได้ว่าจำเลยร่วมกับเพื่อน 2 คนนั้นฆ่าผู้ตาย
แต่การกระทำของเพื่อนจำเลยดังกล่าวเป็นการฆ่าผู้ตายขณะลุกจากที่นอนมาที่ประตูห้องนอน เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า มิได้เกิดจากการไตร่ตรองไว้ก่อน จึงไม่เป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
แต่การกระทำของเพื่อนจำเลยดังกล่าวเป็นการฆ่าผู้ตายขณะลุกจากที่นอนมาที่ประตูห้องนอน เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า มิได้เกิดจากการไตร่ตรองไว้ก่อน จึงไม่เป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2584/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามฆ่าและการทำร้ายร่างกาย: การกระทำที่ไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อนและไม่ถึงขั้นทำร้าย
จำเลยทั้งสองไม่พอใจโจทก์เพราะเข้าใจว่าโจทก์บีบแตรไล่รถยนต์ของจำเลย และโจทก์พูดว่าจำเลยที่ 1 เกเร แม้จำเลยที่ 1 พยายามแก้แค้นด้วยการขับรถปาดหน้ารถยนต์ของโจทก์หลายครั้ง เพื่อให้รถยนต์ของโจทก์ชนรถยนต์ของจำเลยโจทก์ก็หลบหลีกและหยุดทันทุกครั้ง จำเลยทั้งสองจึงเกิดโทสะ และจำเลยที่ 1 เอาปืนที่มีอยู่ในรถยนต์ก่อนแล้วยิงโจทก์ตามที่จำเลยที่ 2 ยุ ถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการพยายามฆ่าโจทก์โดยไตร่ตรองไว้ก่อน
การที่จำเลยที่ 1 เพียงแต่จับแขนโจทก์ซึ่งวางที่ประตูรถยนต์มิได้ดึงกระชาก ไม่เป็นการใช้กำลังทำร้ายโจทก์โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391
การที่จำเลยที่ 1 เพียงแต่จับแขนโจทก์ซึ่งวางที่ประตูรถยนต์มิได้ดึงกระชาก ไม่เป็นการใช้กำลังทำร้ายโจทก์โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าแต่ไม่ไตร่ตรอง: พฤติการณ์หึงหวงฉับพลันไม่ถือเป็นแผนการวางแผนล่วงหน้า
จำเลยกับผู้เสียหายเคยอยู่กินฉันสามีภรรยามาก่อน ต่อมาได้แยกกันอยู่เนื่องจากผู้เสียหายจะแต่งงานกับทหารอเมริกัน ก่อนเกิดเหตุจำเลยมีจดหมายถึงผู้เสียหายขอให้ไปพบมีข้อความว่า "ถ้าไม่ไปพบพี่แล้ว พี่ขอให้นางได้รู้เถิดว่าพี่ยอมสละทุกสิ่งทุกอย่าง พี่กับนางจะต้องเสียใจจนตลอดชีวิตของเราทั้งสองคน" ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีความอาฆาตคิดสังหารผู้เสียหายมาก่อน จึงฟังไม่ถนัดว่าการที่จำเลยมีจดหมายดังกล่าวจะเป็นแผนการที่จำเลยวางไว้เพื่อจะฆ่าผู้เสียหาย
วันเกิดเหตุจำเลยมาที่บ้านผู้เสียหาย พบผู้เสียหายอยู่กับชายอื่นในห้องนอนสองต่อสอง เมื่อชายอื่นเปิดประตูห้อง ผู้เสียหายเดินตามออกมา จำเลยเข้าบีบคอผู้เสียหาย จำเลยจับผู้เสียหายเข้าไปในห้องนอนใส่กลอนประตู จำเลยใช้มีดพับสปริงแทงผู้เสียหาย 30 แผล บาดแผลทะลุถึงปอดต้องผ่าตัด ดังนี้ แสดงว่าจำเลยเกิดความหึงหวงขึ้นมาฉับพลันทันที แล้วจำเลยจึงแทงผู้เสียหาย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวรูปคดียังไม่มีเหตุผลพอที่จะฟังว่าจำเลยมีแผนการหรือไตร่ตรองไว้ก่อน ในการที่จะฆ่าผู้เสียหาย
วันเกิดเหตุจำเลยมาที่บ้านผู้เสียหาย พบผู้เสียหายอยู่กับชายอื่นในห้องนอนสองต่อสอง เมื่อชายอื่นเปิดประตูห้อง ผู้เสียหายเดินตามออกมา จำเลยเข้าบีบคอผู้เสียหาย จำเลยจับผู้เสียหายเข้าไปในห้องนอนใส่กลอนประตู จำเลยใช้มีดพับสปริงแทงผู้เสียหาย 30 แผล บาดแผลทะลุถึงปอดต้องผ่าตัด ดังนี้ แสดงว่าจำเลยเกิดความหึงหวงขึ้นมาฉับพลันทันที แล้วจำเลยจึงแทงผู้เสียหาย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวรูปคดียังไม่มีเหตุผลพอที่จะฟังว่าจำเลยมีแผนการหรือไตร่ตรองไว้ก่อน ในการที่จะฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรอง: การทำร้ายร่างกายภรรยาด้วยอาวุธอันตรายจนบาดเจ็บสาหัสและการวางแผนล่วงหน้า
จำเลยใช้ไม้กลมโตเท่าข้อมือ ยาวราว 1 แขนตีผู้เสียหายที่บริเวณหน้าหลายครั้ง จนใบหน้าช้ำบวมเขียวตั้งแต่ขอบตาทั้งสองข้างถึงบริเวณขากรรไกรและคอ โหนกแก้มมีแผลขนาด 1.05X0.5 เซนติเมตร จมูกฉีก สมองกระเทือนอย่างแรง ขากรรไกรล่างหักและขาดออกจากกัน (เฉพาะกระดูกและฟันล่าง) สลบไปนานประมาณ 4 ชั่วโมง แพทย์ผู้ตรวจให้ความเห็นว่า ถ้ารักษาช้าไปสักวันสองวันอาจจะตายได้ เช่นนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าจะทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่า
จำเลยจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหายด้วยความจำใจเมื่อจดทะเบียนแล้วในวันนั้นจำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะพาไปหามารดา แต่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าป่าและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก่อนลงมือทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าเป็นแผนการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปฆ่าเพื่อให้พ้นความเกี่ยวข้อง การร่วมประเวณีก่อนทำร้ายก็เพื่ออำพรางว่า ผู้เสียหายถูกคนร้ายข่มขืนชำเราแล้วฆ่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหายด้วยความจำใจเมื่อจดทะเบียนแล้วในวันนั้นจำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะพาไปหามารดา แต่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าป่าและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก่อนลงมือทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าเป็นแผนการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปฆ่าเพื่อให้พ้นความเกี่ยวข้อง การร่วมประเวณีก่อนทำร้ายก็เพื่ออำพรางว่า ผู้เสียหายถูกคนร้ายข่มขืนชำเราแล้วฆ่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วางแผนฆ่าล่วงหน้าถือเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
การฆ่าคนโดยวางแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวัน ย่อมเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1932/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน แม้มีอาวุธติดตัว เหตุเกิดจากความโมโหและผู้ตายหลบหนี
ผู้ตายมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับภรรยาจำเลย ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพาภรรยาจำเลยไปค้างที่อื่น จำเลยจึงไปหาผู้ตาย ณ ที่ทำงาน เพื่อขอให้ผู้ตายส่งภรรยาของจำเลยคืน ไม่ได้ตั้งใจไปทำร้ายผู้ตายเมื่อพบผู้ตาย ผู้ตายหลบหนีจำเลยเข้าไปในห้องน้ำ จำเลยจึงเกิดมีความโกรธขึ้นได้ตามเข้าไปแทงผู้ตายในห้องน้ำถึงแก่ความตายด้วยอาวุธที่จำเลยพกติดตัวมา ดังนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ไม่ผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน