พบผลลัพธ์ทั้งหมด 26 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6116/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์หลักฐานสัญญาเงินกู้ และการรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือ
ในนัดพิจารณาก่อนทนายจำเลยแถลงว่าคงติดใจสืบ อ. อีกเพียงปากเดียวแต่วันนี้ไม่มาศาล ขอเลื่อนไปสืบพยานปากนี้ในนัดหน้า หากนัดหน้าไม่สามารถนำมาสืบได้ถือว่าไม่ติดใจสืบพยาน แต่เมื่อถึงวันนัด ฝ่ายจำเลยไม่ได้นำตัว อ. มาสืบโดยอ้างลอย ๆ ว่าไม่สามารถติดตามตัวมาได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานจำเลย จึงเป็นการชอบด้วยกฎหมาย
การที่จำเลยอ้างแถบบันทึกเสียงพร้อมบันทึกข้อความซึ่งอ้างว่าถอดข้อความจากแถบบันทึกเสียงเป็นพยานนั้น จำเลยอ้างส่งแถบบันทึกเสียงเข้ามาลอย ๆ ในขณะที่ทนายจำเลยถามค้านตัวโจทก์ ทั้งในระหว่างพิจารณาไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ยอมรับว่าเสียงในแถบบันทึกเสียงดังกล่าวเป็นของโจทก์แต่อย่างใด จึงไม่อาจใช้ยันโจทก์ได้
การที่จำเลยอ้างแถบบันทึกเสียงพร้อมบันทึกข้อความซึ่งอ้างว่าถอดข้อความจากแถบบันทึกเสียงเป็นพยานนั้น จำเลยอ้างส่งแถบบันทึกเสียงเข้ามาลอย ๆ ในขณะที่ทนายจำเลยถามค้านตัวโจทก์ ทั้งในระหว่างพิจารณาไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ยอมรับว่าเสียงในแถบบันทึกเสียงดังกล่าวเป็นของโจทก์แต่อย่างใด จึงไม่อาจใช้ยันโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานที่เบิกความจากการถูกจูงใจด้วยคำมั่นสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่น่าเชื่อถือตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ส. ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง โดยตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนจาก ส. แล้ว เจ้าพนักงานตำรวจเสนอว่า หาก ส. ไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากผู้จำหน่ายให้ก็จะไม่ดำเนินคดี ส. จึงไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย การที่ ส. มาเบิกความเป็นพยานโจทก์ จึงเป็นพยานชนิดที่เกิดขึ้นจากการจูงใจและให้คำมั่นสัญญาโดยมิชอบของเจ้าพนักงานตำรวจ รับฟังเป็นพยานไม่ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226 (เหตุเกิดวันที่ 3 เมษายน 2540)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2239/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สัญชาติไทยโดยการเกิดในราชอาณาจักร จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือและสอดคล้องกัน
แม้ผู้คัดค้านจะไม่มีพยานหลักฐานใดมาแสดงว่าผู้ร้องมิได้มีสัญชาติไทยแต่ภาระการพิสูจน์ในเรื่องนี้ย่อมตกแก่ผู้ร้องที่ต้องนำสืบให้ศาลเชื่อได้ว่าผู้ร้องมีสัญชาติไทยโดยกำเนิดในประเทศไทย เมื่อปรากฏว่าสูติบัตรที่ผู้ร้องอ้างว่าเป็นของผู้ร้องมิได้อยู่ที่ผู้ร้อง แต่เป็นเอกสารที่นายทะเบียนท้องถิ่นรับรองสำเนาถูกต้องเนื่องจากผู้ร้องไปขอคัดมา แสดงว่าพยานหลักฐานดังกล่าวผู้ร้องมาแสวงหาจากในประเทศไทยเท่านั้น ผู้ร้องไม่ได้แสดงสำเนาทะเบียนบ้านที่อ้างว่าได้ไปค้นแต่ไม่พบซึ่งก็ไม่ปรากฏว่าเหตุใดจึงไม่พบสำเนาทะเบียนบ้านดังกล่าว และผู้ร้องไม่ได้แสดงเอกสารหลักฐานที่แสดงการเรียนในโรงเรียนหลายแห่งที่อ้างถึง ส่วนภาพถ่ายที่อ้างว่าถ่ายเมื่ออายุ 13 ปีนั้น ก็ไม่มีการนำสืบทางนิติเวชให้น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลเดียวกัน พยานของผู้ร้องคงมีแต่พยานบุคคลทั้งสิ้น ซึ่งต่างไม่ได้พบผู้ร้องมาเป็นเวลานานและเบิกความถึงข้อเท็จจริงในรายละเอียดที่แตกต่างกันและขัดกันหลายประเด็น ดังนั้นพยานหลักฐานของผู้ร้องจึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้เกิดในประเทศ ผู้ร้องจึงไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดในราชอาณาจักร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 150/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานโจทก์อ่อนแอ ศาลฎีกายกฟ้องคดีอาญา ฐานฆ่าและกักขัง เนื่องจากพยานหลักฐานขัดแย้งและไม่น่าเชื่อถือ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสอง ฐานฆ่าผู้อื่น ให้ประหารชีวิตและฐานทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำคุกคนละ 1 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ความผิดฐาน ทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายจึงต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง คงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะความผิด ฐานฆ่าผู้อื่น ซึ่งเมื่อพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วม ดังกล่าวยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองเป็นผู้พาผู้ตายขึ้นรถยนต์กระบะสีขาวไป และการที่ผู้ตายถูกฆ่าเกิดจากการกระทำของจำเลยทั้งสอง ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้องในความผิดฐานทำให้ผู้อื่น ปราศจากเสรีภาพในร่างกายของจำเลยทั้งสองได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 เพราะเป็น ข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพที่ไม่น่าเชื่อถือ และพยานหลักฐานที่ไม่สอดคล้องกัน ทำให้ศาลยกฟ้องคดีอาญา
ตามคำของ พ. ได้ความว่า เห็นจำเลยเดินวนเวียนอยู่ในที่เกิดเหตุ และตามคำของ ส.ก็คงได้ความว่าเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเห็นผู้ตายกับผู้เสียหายถูกทำร้ายนอนอยู่ มีจำเลยถือไม้เดินอยู่บริเวณนั้น แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำร้ายด้วยสาเหตุอะไร ส่วน ณ.แม้จะเบิกความว่าเห็นจำเลยใช้ไม้เข้าร่วมชุลมุนตีกันด้วย แต่ก็ตอบคำซักค้านของทนายจำเลยว่าไม่ทราบว่าใครจะเป็นผู้ตีทำร้ายผู้เสียหายเพราะตีกันยุ่งไปหมดทั้งตามคำของพนักงานสอบสวนประกอบรายงานการชันสูตรพลิกศพก็ได้ความว่าคนร้ายที่ร่วมกันทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายคือ อ.กับพวก ไม่มีจำเลยร่วมทำร้ายด้วย คำของ ณ.ไม่แน่นอนขัดแย้งกับคำของพนักงานสอบสวน ไม่น่าเชื่อว่า ณ.รู้เห็นว่าจำเลยเป็นคนร้ายจริงโจทก์จึงมีเพียงคำรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเท่านั้น ซึ่งจำเลยโต้เถียงอยู่ว่าถูกบังคับขู่เข็ญให้รับสารภาพ คดีฟังลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3170/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีลักทรัพย์โดยอาศัยพยานบอกเล่าและคำรับสารภาพที่ไม่น่าเชื่อถือ
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานว่าจำเลยทั้งสามเป็นคนร้ายลักทรัพย์คงมีแต่คำให้การของ ว.ผู้เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทผู้เสียหาย ในชั้นสอบสวนว่าเห็นจำเลยทั้งสามลักทรัพย์ผู้เสียหายไป ซึ่งเป็นพยานบอกเล่า ทั้งไม่ปรากฏว่า ว.ได้แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้เสียหายทราบตามหน้าที่ของตน คำให้การของ ว.จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ โจทก์คงมีเพียงคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสาม ซึ่งจำเลยทั้งสามก็นำสืบว่า เหตุที่ให้การรับสารภาพเพราะถูกขู่เข็ญบังคับและกลัวจะถูกทำร้าย พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้ลงโทษจำเลยทั้งสามได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5427/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานโจทก์ขัดแย้ง ไม่น่าเชื่อถือ ศาลยกฟ้องจำเลย แม้รับสารภาพ
เมื่อข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลย ทั้งสองร่วมกันกระทำผิดตามฟ้อง แม้จำเลยที่ 1 จะให้การรับสารภาพ และมิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมี อำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของของกลางในคดีพนัน: พยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือ
จำเลยเป็นเจ้าของและเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ผู้ร้องอ้างว่าโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์เป็นของผู้ร้องก็เพียงแต่อ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ไปจากผู้ร้องปรากฏตามสัญญาเช่าซื้อที่อ้างเป็นพยานหลักฐาน ซึ่งหากมีสัญญาเช่าซื้อในขณะที่จำเลยถูกจับกุมจำเลยน่าจะนำมาแสดงต่อเจ้าพนักงานตำรวจในชั้นจับกุมหรือสอบสวนการที่จำเลยไม่บอกต่อเจ้าพนักงานตำรวจหรือแสดงสัญญาเช่าซื้อนั้นคงเป็นเพราะจำเลยไม่ได้ทำสัญญาเช่าซื้อไว้ การที่ผู้ร้องนำมาแสดงในภายหลังเพื่อร้องขอของกลางคืน อาจจะทำขึ้นในภายหลังก็เป็นได้ผู้ร้องอ้างตนเองเป็นพยานเพียงปากเดียวไม่มีพยานอื่นเบิกความสนับสนุน และคดีนี้ศาลสั่งริบของกลางเป็นเวลาเกือบ 1 ปี ผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำร้องขอคืนของกลาง พยานผู้ร้องจึงเป็นพิรุธไม่น่าเชื่อถือ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ของกลางเป็นของผู้ร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 83/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ ศาลยกฟ้องคดีอาญา ฐานไม่มีหลักฐานเพียงพอ
คนร้ายยิงปืนหลายนัดติดต่อในคราวเดียวกัน ทั้งโจทก์ร่วมผู้ตาย และพวกต้องรีบหมอบ คลานเข้าไปหลบซ่อนในป่าหญ้าคา โอกาสที่จะเห็นคนร้ายได้ชัดเจนในช่วงเวลาดังกล่าวจึงมีน้อยมาก เพราะต่างก็อยู่ในสภาพที่ต้องหลบหนีเอาตัวรอดทั้งการที่โจทก์ร่วมระบุชื่อคนร้ายในชั้นสอบสวนตลอดจนรายละเอียดอื่นก็เป็นเวลาหลังเกิดเหตุหลายเดือน อาจมีการเสริมแต่งขึ้นก็ได้ พยานหลักฐานโจทก์ย่อมไม่มีน้ำหนักมั่นคงพอรับฟังลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2182/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: พยานหลักฐานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ จำเลยปฏิเสธการรับซื้อและให้การไม่สมัครใจ ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย
โจทก์มีพยานปากเดียว เบิกความว่าพบรถจักรยานยนต์ของกลางจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านจำเลยจึงยึดไปตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ถูก คนร้ายลักไปวันรุ่งขึ้นพยานไปสอบถามจำเลย จำเลยรับว่าซื้อ รถจักรยานยนต์ของกลางมาจากนาย จ. เมื่อพยานแจ้งข้อหาแก่จำเลย จำเลยก็ให้การรับสารภาพฐาน รับของโจร แต่ พยานโจทก์ดังกล่าวเบิกความตอบคำถามค้าน ว่าในวันยึดรถจักรยานยนต์ของกลางไปตรวจสอบพยานไม่ได้สอบถาม จำเลยว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของใคร และจำเลยก็ไม่คัดค้าน หรือโต้แย้งว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของจำเลย คำเบิกความของพยานโจทก์ขัดต่อ เหตุผลมีพิรุธส่วนคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวน จำเลยก็ต่อสู้ ว่าไม่ได้ให้การด้วย ความสมัครใจพยานหลักฐานของโจทก์จึงยังเป็นที่สงสัยว่าจำเลยรับซื้อ รถจักรยานยนต์ของกลางไว้จากนาย จ. หรือไม่ ต้อง ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย.