พบผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3571/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอคืนทรัพย์สินที่ถูกริบของผู้ให้เช่าซื้อที่ไม่รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดของผู้เช่าซื้อ
การใช้สิทธิตาม ป.อ. มาตรา 36 เป็นการที่บุคคลภายนอกใช้สิทธิขอคืนทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบ โดยมิต้องคำนึงว่าสิทธิของบุคคลภายนอกจะเกิดจากการกระทำอันเป็นการละเมิดหรือสัญญา ทั้งการที่ผู้ร้องไม่ใช้สิทธิทางแพ่งกับจำเลยที่ 1 และร้องขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืน ก็เป็นเรื่องไม่ถือเอาประโยชน์จากข้อสัญญาที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ร้องจะใช้หรือไม่ก็ได้ และเมื่อผู้เช่าซื้อผิดสัญญา ผู้ร้องในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ย่อมมีสิทธิติดตามเอาทรัพย์สินของกลางที่ให้เช่าซื้อคืนได้ กรณียังไม่พอฟังว่าเป็นการหลีกเลี่ยงการใช้บังคับกฎหมายอาญาหรือค่าธรรมเนียมศาล หรือเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 1 อันเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตแต่อย่างใด เพราะกฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2952/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอคืนทรัพย์สินที่ถูกริบในคดีอาญา: เจ้าของแท้จริงที่ไม่รู้เห็นเป็นใจ
ป.อ. มาตรา 36 บัญญัติว่าในกรณีที่ศาลสั่งให้ริบทรัพย์สิน หากปรากฏว่า ผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ก็ให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินแก่เจ้าของ ดังนั้น การใช้สิทธิตาม ป.อ. มาตรา 36 จึงเป็นการที่บุคคลภายนอกใช้สิทธิขอคืนทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบโดยมิต้องคำนึงถึงว่า สิทธิของบุคคลภายนอกจะสืบเนื่องมาจากการกระทำอันเป็นการละเมิดหรือการผิดสัญญา ทั้งการที่ผู้ร้องไม่ใช้สิทธิทางแพ่งกับจำเลยที่ 1 และร้องขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนก็เป็นเพียงการไม่ถือเอาประโยชน์จากข้อสัญญาที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ร้องจะใช้หรือไม่ก็ได้ และเมื่อผู้เช่าซื้อผิดสัญญา ผู้ร้องย่อมมีสิทธิติดตามเอาทรัพย์สินที่ให้เช่าซ้อหรือของกลางคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7013/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรถยนต์ให้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดชอบ หากผู้เช่าซื้อนำไปใช้กระทำความผิด และไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ
ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อมิได้รู้เห็นเป็นใจกับ ส. ผู้เช่าซื้อและจำเลยที่ร่วมกันนำรถยนต์ของกลางไปใช้กระทำความผิด การที่ผู้ร้องไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและไม่ติดต่อตามเอารถยนต์ของกลางที่ให้เช่าซื้อคืน ทั้ง ๆ ที่มีการผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อติดต่อกันหลายงวด ก็เป็นเพียงการไม่ถือเอาประโยชน์จากข้อสัญญาที่กำหนดกันไว้ ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ร้องจะใช้หรือไม่ก็ได้ ยังไม่ถือว่าเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตของผู้ร้อง เพราะกฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต ทั้ง ป.อ. มาตรา 36 บัญญัติไว้ชัดแจ้งว่าหากปรากฏว่าผู้เป็นเจ้าของแท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดก็ให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินแก่เจ้าของ จึงต้องพิจารณาเฉพาะข้อความตามที่กล่าวไว้ใน ป.อ. มาตรา 36 เพราะการแปลความกฎหมายทางอาญาจะต้องแปลโดยเคร่งครัดตามตัวอักษรจะใช้หลักในการสันนิษฐานไม่ได้ จะเพิ่มเติมใจความตามตัวบทเข้ามาไม่ได้ ดังนั้น การที่ผู้ร้องไม่ใช้สิทธิที่กำหนดไว้ในข้อสัญญาตามสัญญาเช่าซื้อ และร้องขอรถยนต์ของกลางคืน จะถือว่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์แก่ทายาทของ ส. เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต แล้วไม่คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องหาได้ไม่ เมื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลาง และมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด จึงมีสิทธิได้รับคืนรถยนต์ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถเช่าซื้อและการไม่รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด: สิทธิขอคืนของกลาง
ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด การให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งของผู้ร้องหลังจากผู้ร้องให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไปแล้วผู้เช่าซื้อเป็นผู้ครอบครองใช้สอยรถจักรยานยนต์ดังกล่าวผู้ร้องไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของผู้เช่าซื้อจะเอารถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้กระทำความผิดเมื่อใดทางนำสืบของโจทก์ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดของจำเลย จึงน่าเชื่อว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด และที่ผู้ร้องไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา เช่าซื้อหลังจากทราบว่าจำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้กระทำความผิด จะถือว่าผู้ร้องทำไปเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นอันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหาได้ไม่ เพราะกฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริตเมื่อรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องการยื่นคำร้องขอคืนของกลางก็เพื่อประโยชน์ของผู้ร้องเองดังนี้ผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งคืนของกลางแก่ผู้ร้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1825/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อและการไม่รู้เห็นเป็นใจในความผิด ผู้ให้เช่าซื้อไม่ต้องรับผลกระทบ
ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์ของกลางและให้จำเลยเช่าซื้อไปเมื่อวันที่22พฤศจิกายน2537ต่อมาวันที่19มีนาคม2538จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและถูกพนักงานอัยการส่งฟ้องต่อศาลในวันรุ่งขึ้นคือวันที่20มีนาคมและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางในวันเดียวกันนั้นต่อมาวันที่21มีนาคมจำเลยไปติดต่อกับผู้ร้องเพื่อขอหนังสือมอบอำนาจจากผู้ร้องไปขอรับรถจักรยานยนต์ของกลางคืนผู้ร้องจึงได้ทราบเรื่องและได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อกับจำเลยในวันนั้นตามพฤติการณ์แห่งคดีจึงน่าเชื่อว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยต้องคืนรถจักรยานยนต์ของกล่าวให้ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อและการไม่รู้เห็นเป็นใจในความผิดทางอาญา ศาลยืนคืนรถให้ผู้ให้เช่าซื้อ
ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประกอบกิจการอยู่กรุงเทพมหานคร ให้ ส.เช่าซื้อรถยนต์ของกลางไป ส่วนจำเลยได้กระทำผิดในต่างจังหวัดซึ่งอยู่ห่างไกล ผู้ร้องไม่อาจทราบได้ว่า จำเลยจะเอารถยนต์ของกลางไปกระทำผิดเมื่อใด และโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจอย่างไร จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด สิทธิในการได้รถยนต์ของกลางคืนของผู้ร้องเป็นข้อผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อที่ได้กำหนดไว้ตามกฎหมาย ซึ่งผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิบังคับตามข้อสัญญาได้และผู้ให้เช่าซื้อจะใช้สิทธิดังกล่าวหรือไม่ก็ได้ ไม่ถือเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ของบุคคลที่มิได้รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้: สิทธิในการขอคืนรถยนต์
โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ของกลางที่ใช้ขนไม้แปรรูปหวงห้ามโดยโจทก์มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำของผู้ต้องหาเมื่อพิจารณา พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 64 ทวิที่บัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดรถยนต์ของกลางไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดี จนกว่าพนักงานอัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องหรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นของผู้กระทำความผิดหรือของผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่ซึ่งตามบทบัญญัติของมาตรานี้มิได้มีข้อความระบุถึงกรณีที่เจ้าของทรัพย์สินมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด จะตีความว่าบทบัญญัติดังกล่าวมีความมุ่งหมายให้ยึดทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดไม่ได้ และรถยนต์ของกลางก็มิได้เป็นหลักฐานสำคัญแห่งองค์ความผิดเพื่อพิสูจน์ให้เห็นความผิดของผู้กระทำความผิดว่ากระทำความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต พนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่มีอำนาจยึดรถยนต์ของกลางซึ่งเป็นของโจทก์ไว้ประกอบคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามนัย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนรถยนต์ของกลาง ผู้ให้เช่าซื้อไม่รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดของผู้เช่าซื้อ
แม้ ส. พยานผู้ร้องมิได้เบิกความว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย แต่จากคำเบิกความของส. ก็แสดงให้เห็นอยู่ในตัวว่า ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย นอกจากนั้นผู้ร้องยังได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อไปยังจำเลย ผู้เช่าซื้อหลังจากที่จำเลยทั้งสองได้นำรถยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิด จึงน่าเชื่อว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย พยานหลักฐานของโจทก์ก็ไม่มีมานำสืบให้ฟังได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ผู้ร้องจึงมีสิทธิขอรถยนต์ของกลางคืน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4996/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรถยนต์ไม่รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ ย่อมมีสิทธิขอคืนรถยนต์ได้
ตามสัญญาเช่าซื้อกำหนดค่าเช่าซื้องวดแรกวันที่ 1 ตุลาคม 2531 แต่จำเลยนำรถยนต์ไปกระทำความผิดและถูกพนักงานสอบสวนยึดไว้ก่อนจะถึงกำหนดชำระค่าเช่าซื้องวด แรก แม้ผู้ร้องมีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและให้ผู้เช่าซื้อจัดการส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าซื้อคืนหรือให้ชดใช้ราคา ทรัพย์สินที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยหลังจากครบกำหนดชำระค่าเช่าซื้องวดแรกแล้ว 3 เดือนเศษก็ตาม แต่ยังไม่มีพฤติการณ์ใดส่อว่าผู้ร้องปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเพื่อช่วยเหลือผู้เช่าซื้อแต่อย่างใด เพราะผู้เช่าซื้ออยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนส่วนผู้ร้องอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ร้องย่อมไม่อาจทราบว่าจำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิดฟังได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจใน การกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนแร่ดีบุกของกลางแก่เจ้าของที่ไม่รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด ตาม พ.ร.บ.แร่
แม้จะมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ริบแร่ของผู้ร้องแล้วก็ตาม แต่เมื่อผู้ร้องได้ร้องขอแร่ของกลางเฉพาะส่วนของผู้ร้องคืน โดยอ้างว่ามิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดซึ่งศาลฎีกาก็ได้พิพากษาชี้ขาดแล้วว่าคำพิพากษาที่ให้ริบแร่ของกลางเฉพาะส่วนของผู้ร้องไม่ผูกพันผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดี ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด และตามพระราชบัญญัติแร่ฯ ก็มีข้อบัญญัติมิให้ริบทรัพย์สินของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด จึงต้องคืนแร่ของกลางเฉพาะส่วนของผู้ร้องแก่ผู้ร้อง