คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่เกี่ยวเนื่อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8143/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องแย้งได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาจ้างทำของ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยชำระค่าจ้างแก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว โจทก์นำความอันเป็นเท็จมาฟ้องทำให้จำเลยเสียหาย ขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยอันเป็นเรื่องละเมิด สภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องและฟ้องแย้งเป็นคนละเรื่อง คนละเหตุ ไม่เกี่ยวข้องกัน ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5578/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตฟ้องแย้ง: ประเด็นไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม และกระทบสิทธิบุคคลภายนอก ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยฟ้องแย้งว่า จำเลยได้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการรังวัดสอบเขตเพื่อแก้ไขรูปแผนที่ในโฉนดที่ดินของจำเลยให้ถูกต้องแต่โจทก์ไปคัดค้าน จึงขอให้บังคับโจทก์ยินยอมรับการสอบเขตที่ดินของจำเลย เป็นการกล่าวอ้างว่าโจทก์กระทำละเมิดต่อจำเลย มูลคดีที่จำเลยฟ้องแย้งจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทตามประเด็นในคำฟ้องเดิมของโจทก์ซึ่งเป็นเรื่องขับไล่จำเลยผู้บุกรุกที่ดินของโจทก์ไม่อาจฟ้องแย้งมาในคำให้การได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม ส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาประทาย แก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ดินของโจทก์และจำเลยให้ตรงกับความจริงเป็นฟ้องแย้งที่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาประทายซึ่งเป็นบุคคลภายนอก จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ศาลจะรับฟ้องแย้งในส่วนนี้ของจำเลยไว้พิจารณาไม่ได้เช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7508-7528/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งคดีแรงงานต้องเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม หากไม่เกี่ยวเนื่อง ศาลไม่รับฟ้อง
ตามคำฟ้องเดิมของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ไม่ได้ทำงานทุกวันเพราะจำเลยที่ 1 ไม่มีวัตถุดิบซึ่งไม่ใช่ความผิดของโจทก์ จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างในช่วงที่โจทก์ไม่ได้ทำงานด้วย ต่อมาจำเลยที่ 1 เลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชย โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานซึ่งพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 จ่ายค่าจ้างช่วงที่จำเลยที่ 1 ไม่มีงานให้โจทก์ทำและค่าชดเชยแก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่จ่ายค่าจ้างและค่าชดเชยตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน ดังนี้ คำฟ้องเดิมจึงเป็นการฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 จ่ายเงินตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 124 วรรคสาม อันเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ที่ขอให้บังคับโจทก์ชดใช้ค่าเสียหายต่อชื่อเสียงของจำเลยที่ 1 กรณีโจทก์ไปยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานอันเป็นเท็จ ทำให้จำเลยที่ 1 เสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียงนั้น เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดซึ่งไม่เกี่ยวกับสัญญาจ้างแรงงานเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นแตกต่างกันกับคำฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม ประกอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3677/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเรื่องละเมิดไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิมเรื่องผิดสัญญา แม้มีการโอนสิทธิและหน้าที่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกค้าของบริษัท ง. ได้ทำสัญญาวงเงินสินเชื่อและสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัทดังกล่าวโดยจำนองที่ดินเป็นประกัน ต่อมาจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระดอกเบี้ยและต้นเงินแก่บริษัท ง. เมื่อโจทก์รับโอนสินทรัพย์และหนี้สินมาจากบริษัท ง. จึงฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ทั้งหมด จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่ได้เป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่โจทก์ฟ้อง โจทก์มิได้บอกกล่าวบังคับจำนอง และฟ้องแย้งว่า บริษัท ง. ใช้วิธีฉ้อฉลนำหุ้นของจำเลยประมาณ 3,000,000 หุ้น มูลค่ากว่า 100,000,000 บาท ซึ่งจำเลยจำนำไว้เป็นประกันหนี้ไปขายโดยวิธีการไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายเป็นเงินประมาณ 60,000,000 บาท ดังนี้ ฟ้องแย้งดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยอ้างว่าบริษัท ง. ฉ้อฉลขายหุ้นจำเลยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการละเมิดต่อจำเลย ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องเดิมที่โจทก์อ้างว่าจำเลยผิดสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงิน แม้โจทก์จะรับโอนสิทธิและหน้าที่มาจากบริษัท ง. แต่ฟ้องแย้งของจำเลยก็ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมที่จะรวมพิจารณาพิพากษาไปในคดีเดียวกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3512/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเรื่องผิดสัญญาเป็นเรื่องใหม่ ไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม จึงไม่รวมพิจารณาได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระหนี้ฐานผิดสัญญากู้เงิน สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี และบังคับจำนอง จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้คดีและฟ้องแย้งว่า ไม่เคยทำสัญญากู้เงินไม่เคยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและไม่เคยทำสัญญาจำนองที่ดินกับโจทก์ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ตกลงจะลดยอดหนี้ลงถ้าหากจำเลยที่ 1 ขายที่ดินบางส่วนมาชำระหนี้ ทำให้จำเลยที่ 1 ต้องขายที่ดินในราคาต่ำกว่าท้องตลาด ต้องสูญเสียโอกาสและราคาที่ดินที่ควรจะได้รับ แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ทำให้จำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลยที่ 1 เห็นได้ว่า คำฟ้องแย้งดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าโจทก์ประพฤติผิดสัญญาที่ตกลงไว้กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเรื่องใหม่นอกเหนือจากคำฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงเป็นเรื่องอื่น ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมที่จะรวมพิจารณาพิพากษาไปในคดีเดียวกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3512/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งค่าเสียหายจากการผิดสัญญาซื้อขายที่ดินและการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงลดหนี้ ไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยฐานผิดสัญญากู้เงิน สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและบังคับจำนอง จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยทำสัญญาดังกล่าวกับโจทก์ โจทก์เป็นฝ่ายละเมิดสัญญาและประเพณีที่ธนาคารยึดถือปฏิบัติต่อลูกค้า โจทก์ตกลงจะลดยอดหนี้ลงให้ถูกต้อง ถ้าหากจำเลยขายที่ดินบางส่วนมาชำระหนี้ ทำให้จำเลยต้องขายที่ดินในราคาต่ำกว่าในท้องตลาด จำเลยต้องเสียหายสูญเสียโอกาสและราคาที่ดินที่ควรจะได้รับ แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายประมาณ 4,000,000 บาท เมื่อหักกับยอดหนี้ที่ถูกต้องประมาณ 3,600,000 บาท โจทก์จึงต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย 400,000 บาท ขอบังคับให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหาย 400,000บาท แก่จำเลย พร้อมดอกเบี้ย คำฟ้องแย้งดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ประพฤติผิดสัญญาที่ตกลงไว้กับจำเลย ซึ่งเป็นเรื่องใหม่นอกเหนือจากคำฟ้องเดิม จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมที่จะรวมพิจารณาพิพากษาไปในคดีเดียวกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8887/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีและหนี้เงินกู้อื่นโดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันและจำนอง จำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 ยังมิได้เบิกเงินเกินวงเงินที่ตกลงไว้ จำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ผิดสัญญา แต่โจทก์ไม่ยอมให้จำเลยที่ 1 กู้เงินเพื่อชำระค่าเช่าที่ดินและขุดบ่อเลี้ยงปลาให้แก่บุคคลภายนอก จึงให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องโจทก์ ดังนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8265/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับรวมพิจารณา
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าให้รับผิดตามเนื้อความที่ลงในเช็ค จึงไม่เกี่ยวกับบริษัท พ. ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากหากโจทก์ผิดสัญญาในการติดตั้งเครื่องจักรในการผลิตน้ำดื่มให้แก่บริษัท พ. ก็เป็นเรื่องที่บริษัทพ. จะต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามและมาตรา 179 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7391/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับรวมการพิจารณา
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้กำจัดจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มิให้รับมรดกของ ว. และให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินทรัพย์มรดกระหว่างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 สภาพแห่งข้อหาเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาว่ามีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จะต้องถูกกำจัดมิให้รับมรดกของ ว. และจะต้องเพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 ตามฟ้องหรือไม่ ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ที่ 3และที่ 4 ที่ขอให้กำจัดโจทก์ที่ 2 มิให้รับมรดกของ ว. และให้โจทก์ที่ 2ชดใช้เงินแก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้
ส่วนที่โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้เพิกถอนจำเลยที่ 1 จากการเป็นผู้จัดการมรดกของ ว. และตั้งโจทก์ทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกแทนจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 1 จัดการมรดกโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์ทั้งสองไม่เหมาะที่จะเป็นผู้จัดการมรดกและฟ้องแย้งขอให้ตั้งจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เป็นผู้จัดการมรดกซึ่งยังไม่แน่นอนว่าศาลจะเพิกถอนจำเลยที่ 1 จากการเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ฟ้องแย้งในส่วนนี้จึงเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเข้าด้วยกันได้เช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6488/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้จากการซื้อขายสินค้า: การค้าที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับกิจการของลูกหนี้
การประกอบการค้าหรืออุตสาหกรรมของโจทก์ทั้งสองเป็นประเภทผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ ส่วนจำเลยที่ 1 และที่ 3 ประกอบการค้าประเภทพัฒนาที่ดิน ปลูกสร้างอาคารและที่อยู่อาศัยจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไป ธุรกิจสองประเภทนี้มิได้มีความเกี่ยวข้องหรือต้องสัมพันธ์กันแต่อย่างใด ทั้งเครื่องปรับอากาศก็ไม่ใช่อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีประจำอาคาร แต่เป็นเพียงเครื่องใช้อย่างหนึ่งที่ติดตั้งขึ้นเพื่อความสบายในความเป็นอยู่ซึ่งจะมีหรือไม่ก็ได้ ดังนั้น การค้าหรืออุตสาหกรรมของโจทก์ทั้งสองจึงมิได้ทำขึ้นเพื่อกิจการของจำเลยที่ 1 และที่ 3 อันจะตกอยู่ในบังคับของ ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (1) ตอนท้ายที่ว่า เว้นแต่เป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเองสิทธิเรียกร้องของโจทก์ทั้งสองในหนี้สินดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี
of 8