พบผลลัพธ์ทั้งหมด 443 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นติชมการกระทำที่ไม่เหมาะสมของพระภิกษุโดยสุจริต ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ปกครองทางด้านการแสดงภาพยนตร์และเป็นเจ้าของไข้ของ จ. ได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์จำเลยที่ 2 ว่า "นอกจากไม่นับถือ ไม่เชื่อถือแล้ว ยังเห็นว่าศิษย์ตถาคตผู้นุ่งเหลืองห่มเหลือง ประพฤติตัวไม่อยู่ในสมณวิสัยด้วย"และ "ทุก ๆ วันที่ปัญหาเดือดร้อนรำคาญมากกับหมอเถื่อน หมอดีทั้งที่เป็นฆราวาส ทั้งห่มผ้าเหลือง วันหนึ่ง ๆ มีเป็นสิบ ๆ คนไปรออยู่หน้าห้อง กล้องถ่ายรูปก็พร้อม เราก็กันไว้ไม่ให้ไปเพราะการรักษาควรจะเป็นเรื่องของแพทย์ เปิ้ลจะหายหรือไม่ก็อยู่ที่หมอไม่ใช่อยู่กับคนที่ยืนสวดมนต์ ชักลูกประคำพวกนี้ อยากจะบอกฝากไปถึงด้วยว่า ถ้าอยากดังนักก็ขอให้ไปดังที่อื่น คนป่วยของผมต้องการพักผ่อนอย่าได้ไปรบกวนกันเลย" การที่จำเลยที่ 1 กล่าวเช่นนั้นเนื่องจากโจทก์ที่ 2 เป็นพระภิกษุ ได้ไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้แก่ จ. ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดแพทย์ห้ามเยี่ยมในห้องพักคนไข้ของโรงพยาบาลที่ จ. นอนพักรักษาตัวอยู่ชิดเตียงที่ จ. นอนป่วยอันเป็นสิ่งไม่ควรปฏิบัติตามวิสัยของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา อันมีเหตุให้จำเลยที่ 1 เชื่อโดยสุจริตว่าการกระทำของโจทก์มิใช่กิจอันอยู่ในสมณวิสัย จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมหรือติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งการประพฤติปฏิบัติของพระภิกษุในศาสนาประจำชาติ อันเป็นวิสัยของจำเลยที่ 1 ชอบที่จะกระทำได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1)(3) จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าของและเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่ลงข้อความดังกล่าวจึงไม่มีความผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3475/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนจากบุคคลวิกลจริต: การกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ
ขณะที่จำเลยกับ ส. บุตรของจำเลยนั่งรับประทานอาหารอยู่ในครัวของจำเลย ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในภาวะของโรคจิตมีอาการคลุ้มคลั่งจะทำร้ายผู้อื่น ได้บุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านของจำเลยเรียก ส.ออกมาพูดและกล่าวหาว่า ส. ลักน้ำมันของผู้เสียหายไป เมื่อ ส. ปฏิเสธ ผู้เสียหายก็ควักปืนสั้นออกมายิง 1 นัด จากนั้นผู้เสียหายยังถือปืนและมีดบุกรุกขึ้นไปบนบ้านจำเลยด้วยกิริยาอาการขู่เข็ญคุกคามจะยิงจำเลยและบุตรของจำเลยซึ่งในภาวะเช่นนั้นจำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นคนวิกลจริตอาจยิงทำร้ายจำเลยภริยาและบุตรของจำเลยได้ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายไป6 นัด โดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายล้มลงหรือหยุดการคุกคามเมื่อใดและผู้เสียหายยังสามารถหลบหนีออกไปจากบ้านของจำเลยได้เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำไปเพื่อป้องกันตน และเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3393/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา: การกระทำที่สนับสนุนการฆ่า แม้ไม่ได้ลงมือเอง
ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายและภริยากับจำเลยดื่มสุรากันอยู่ที่บ้านผู้ตาย ผู้ตายมีปากเสียงและชกต่อยกับจำเลย มีคนห้ามแยกออกจากกันจำเลยโกรธผู้ตาย จึงพาพวกมาแก้แค้นผู้ตาย จำเลยทราบดีว่าพวกของจำเลยมีมีดและท่อนไม้หน้า 3 ยาว 1 เมตร เป็นอาวุธติดตัวไปด้วย เมื่อพวกของจำเลยเข้าชกต่อยผู้ตายตกลงไปในคลอง แล้วตามไปใช้ไม้ตีและใช้มีดแทงฆ่าผู้ตายถึงแก่ความตาย แม้จำเลยจะไม่ได้ลงมือฆ่าผู้ตายแต่การที่จำเลยเฝ้าดูพวกของจำเลยฆ่าผู้ตายและฉุด มือภริยาผู้ตายมิให้เข้าไปช่วยเหลือผู้ตาย ปล่อยให้พวกของจำเลยฆ่าผู้ตายจนถึงแก่ความตาย เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมเป็นตัวการในความผิดฐานร่วมกับพวกฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2421/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสำเร็จของฐานลักทรัพย์ แม้ไม่ได้ครอบครองผงชูรสไปได้จนสำเร็จ
จำเลยใช้มือล้วงเข้าไปในช่องลมแผงลอยของผู้เสียหายที่ปิดแล้วปลดเอาพวงผงชูรส ซึ่งแขวนไว้ที่ตะปูใต้ช่องลม ขณะกำลังจะนำผ่านช่องลมออกไป น. อยู่ในแผงลอยใช้มีดฟันถูกนิ้วมือของจำเลยทำให้จำเลยต้องปล่อยพวงผงชูรส การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ของจำเลยถือว่าสำเร็จแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานสนับสนุนการทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย การกระทำที่เข้าข่ายช่วยเหลือ
จำเลยที่ 1 กับผู้ตายเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อนวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองพบกับผู้ตายและ ว. โดย บังเอิญ จำเลยที่ 1ใช้ ท่อนไม้ไล่ตี ผู้ตาย จำเลยที่ 2 ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายไม่ได้ร่วมไล่ตี ด้วย แต่เมื่อ ว. หยิบไมผู้ตายจำเลยที่ 2 หยิบไม้คานมาถือ และห้ามไม่ให้ ว. ไปช่วย ผู้ตายจึงเป็นการให้ความช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำผิด จำเลยที่ 2 หามีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วย ไม่ เมื่อผู้ตายถูก จำเลยที่ 1 ตีตาย จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วย มาตรา 86.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา: การกระทำที่ไม่เข้าข่ายเป็นการโทรมหญิงและประเด็นการร่วมกระทำความผิด
จำเลยที่ 1 แกล้งทำเป็นถูกผีเข้าสิงเดินเข้าไปหาผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายตกใจวิ่งหนี จำเลยที่ 1 วิ่งไล่ตามบีบคอกดตัวผู้เสียหายลงกับพื้น จำเลยที่ 2 มิได้เข้าร่วมกับจำเลยที่ 1 ในเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งขณะจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ก็นั่งอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 10 วา เมื่อจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเสร็จแล้ว จำเลยที่ 2 จึงเข้ามาลากผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราที่ข้างกอไผ่ห่างจากจุดที่จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายพอสมควร โดยจำเลยที่ 1 มิได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา: การกระทำแยกจากกัน และไม่เข้าข่ายโทรมหญิง
จำเลยที่ 1 แกล้งทำเป็นถูกผีเข้าสิงเดินเข้าไปหาผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายตกใจวิ่งหนี จำเลยที่ 1 วิ่งไล่ตามบีบคอกดตัวผู้เสียหายลงกับพื้น จำเลยที่ 2 มิได้เข้าร่วมกับจำเลยที่ 1ในเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งขณะจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจำเลยที่ 2 ก็นั่งอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 10 วา เมื่อจำเลยที่ 1ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเสร็จแล้ว จำเลยที่ 2 จึงเข้ามาลากผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราที่ข้างกอไผ่ห่างจากจุดที่จำเลยที่ 1ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายพอสมควร โดยจำเลยที่ 1 มิได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา, ความร่วมมือ, การกระทำต่างหาก, ไม่เข้าข่ายโทรมหญิง
จำเลยที่ 1 แกล้งทำเป็นถูกผีเข้าสิงเดิน เข้าไปหาผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายตกใจวิ่งหนี จำเลยที่ 1 วิ่งไล่ตาม บีบคอ กดตัวผู้เสียหายลงกับพื้น จำเลยที่ 2 มิได้เข้าร่วมกับจำเลยที่ 1 ในเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งขณะจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ก็นั่งอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 10 วาเมื่อจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายเสร็จแล้ว จำเลยที่ 2จึงเข้ามาลากผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา ที่ข้างกอไผ่ ห่างจากจุดที่จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายพอสมควร โดย จำเลยที่ 1 มิได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่ อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1654/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความรุนแรงต่อเนื่องไม่ถึงขั้นทารุณโหดร้าย และการลงโทษประหารชีวิต
จำเลยยิงผู้ตายและผู้เสียหายต่อเนื่องกันทีละคนโดย ไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นการทารุณโหดร้ายแต่ละคน แม้จะมีผู้ถึงแก่ความตายเพราะถูก จำเลยยิงถึง 7 คน ก็ยังถือ ไม่ได้ว่าเป็นการกระทำทารุณโหดร้าย จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้ว ก็ไม่อาจนำโทษจำคุกมารวมอีกได้ คงให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำไม่เข้าข่ายฉ้อโกงและทำลายเอกสาร เนื่องจากความยินยอมเริ่มแรกและเอกสารเป็นของผู้กระทำ
โจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ 1 กู้เงินมาตั้งแต่แรก การที่จำเลยที่ 1 ให้คำรับรองว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะเปลี่ยน น.ส.3 ให้โจทก์และจะค้ำประกันการกู้ยืมเงินของจำเลยที่ 1 เป็นเหตุการณ์ในภายหน้าที่จำเลยที่ 1 รับจะดำเนินการดังกล่าวให้ หากโจทก์ไม่พอใจในหลักประกัน แม้ต่อมาจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่เปลี่ยนน.ส.3 และไม่ยอมค้ำประกันจำเลยที่ 1 ก็เป็นเรื่องที่จำเลยที่1 ไม่ปฏิบัติตามคำรับรองที่ให้ไว้แก่โจทก์เท่านั้น จำเลยที่1 ไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 จะต้องเป็นการทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น โจทก์บรรยายฟ้องว่า น.ส.3ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 เอาไปจากโจทก์ เป็นของจำเลยที่ 2 และที่3 เองจึงมิใช่เป็นการเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าว.
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 จะต้องเป็นการทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น โจทก์บรรยายฟ้องว่า น.ส.3ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 เอาไปจากโจทก์ เป็นของจำเลยที่ 2 และที่3 เองจึงมิใช่เป็นการเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าว.