พบผลลัพธ์ทั้งหมด 246 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3330/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแจ้งความเท็จ/แสดงหลักฐานเท็จ ต้องระบุให้ชัดเจนว่าหลักฐานนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี
ฟ้องว่าแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี แต่มิได้บรรยายว่าพยานหลักฐานอันเป็นเท็จที่จำเลยแสดงต่อศาลนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร อีกทั้งเมื่ออ่านคำฟ้องของโจทก์ทั้งหมดแล้วก็ไม่อาจเข้าใจได้เช่นนั้น คำฟ้องของโจทก์จึงขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี และเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน แต่ในชั้นศาลกลับนำสืบว่าไม่ได้ให้การรับสารภาพดังกล่าว ทั้งในชั้นศาลซึ่งโจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนยาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายเดิมจำเลยก็แถลงยอมรับว่ามีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง แต่ต่อมาก็นำสืบปฏิเสธคำแถลงดังกล่าว เช่นนี้ไม่มีคำรับหรือคำแถลงรับของจำเลยไม่ว่าในชั้นจับกุมชั้นสอบสวนหรือในชั้นศาลอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีของศาลแต่ประการใด กรณีไม่มีเหตุบรรเทาโทษที่จะหยิบยกมาเป็นข้ออ้างเพื่อลดโทษให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาลงโทษจำเลยเกินกว่าที่ฟ้อง สิ้นสุดที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ประมาทโดยการขับรถยนต์ด้วยความเร็วไม่ชิดขอบทางด้านซ้ายของตน เป็นเหตุให้ชนรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับสวนทางมาด้วยความประมาทเช่นกัน แล้วจึงไปชนกับรถยนต์คันอื่นอีก ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้ายมือของตนสภาพรถยนต์ที่จำเลยที่ 2 ขับถูกชนตรงกลางรถ มีลักษณะถูกรถยนต์ที่ ย. ขับชนมากกว่า จำเลยที่ 2 จึงไม่ประมาทในส่วนนี้แต่ที่ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ 2 ประมาท โดยหลังจากที่รถยนต์ที่จำเลยที่ 2 ขับถูกรถยนต์ที่ ย. ขับชนเสียหลักตกลงไปไหล่ถนนทางด้านขวามือแล้ว จำเลยที่ 2 ไม่หยุดรถกลับแล่นขึ้นมาบนถนนทางด้านขวามือ เพื่อจะข้ามไปยังช่องทางด้านซ้ายมือ โดยไม่ดูให้ดีก่อนว่าขณะนั้นมีรถยนต์ของบริษัทขนส่ง จำกัด แล่นสวนทางมาในระยะกระชั้นชิด ซึ่งไม่สามารถหยุดหรือหลบได้ทันจึงเกิดชนกับรถยนต์ที่จำเลยที่ 2 ขับ เป็นความประมาทของจำเลยที่ 2 และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการที่จำเลยที่ 2 ขับรถขึ้นมาบนถนนทางด้านขวามือเป็นการขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร และเป็นการขับรถในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดาซึ่งอาจไม่เห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลังได้พอแก่ความปลอดภัยโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นจนเกิดชนกับรถยนต์ของบริษัทขนส่ง จำกัด ซึ่งแล่นสวนทางมา ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถโดยไม่ใช้ความระมัดระวัง จึงเป็นการขับรถโดยประมาท พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นนั้นเป็นการพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ในข้อที่โจทก์ไม่ได้กล่าวในฟ้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก ซึ่งปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบมาตรา 225.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการมีทนาย – กระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายที่มีอัตราโทษจำคุก อย่างสูงถึง 10 ปี ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 วรรคแรกบัญญัติว่าก่อนเริ่มพิจารณา ให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการ ก็ให้ศาลตั้งทนายให้ ปรากฏว่าศาลชั้นต้นมิได้สอบถามจำเลยในเรื่องทนายเสียก่อนเริ่มพิจารณา แต่ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยไม่มีทนาย และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีไปโดยที่มิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นจัดการเสียให้ถูกต้อง การดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าวเป็นเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี แม้จำเลยปฏิเสธในชั้นศาล หากมีพยานหลักฐานยืนยันความผิด
คดีฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสอง ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตนั้น แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพศาลยังต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 กรณีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องหาพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาลจนเป็นที่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิด เมื่อศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานต่างๆของโจทก์ประกอบกับคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยจนเป็นที่แน่ใจว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง คำรับสารภาพของจำเลยจึงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลซึ่งถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามกฎหมาย และแม้จะเป็นคดีเกี่ยวกับเฮโรอีนซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษร้ายแรง จำเลยก็ยังสมควรได้รับประโยชน์จากเหตุบรรเทาโทษดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาอุทธรณ์โดยชอบด้วยกฎหมาย การพิจารณาคดีโดยไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลย
พนักงานเดินหมายได้นำสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ไปส่งให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยรวม 2 ครั้ง ปรากฏว่าส่งให้ไม่ได้เพราะไม่พบจำเลย พบประตูปิดใส่กุญแจ สอบถามผู้ที่อยู่บ้านข้างเคียงไม่ทราบว่าจำเลยไปที่ใด แต่เมื่อคราวนำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้แก่จำเลยในครั้งแรก ก็ไม่พบจำเลยเช่นเดียวกันในการส่งหมายนัดครั้งที่ 2 จึงส่งหมายนัดโดยการปิดหมายไว้ที่ภูมิลำเนาของจำเลย จำเลยมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามกำหนดนัดดังนี้ แสดงว่าการที่พนักงานเดินหมายไม่พบจำเลยนั้นอาจเป็นเพราะจำเลยไม่อยู่บ้านหรือออกไปทำงานในตอนเช้า และกลับบ้านในตอนเย็นจึงถือไม่ได้ว่าการส่งสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ให้แก่จำเลยไม่ได้นั้นเป็นเพราะหาตัวจำเลยไม่พบหรือหลบหนีหรือจงใจไม่รับสำเนาอุทธรณ์ต้องส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ขาดนัดพิจารณาและการไม่อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเพราะเหตุโจทก์ขาดนัดพิจารณาซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคแรก บัญญัติห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์คำสั่งเช่นว่านี้หรือมีคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นนำคดีที่จำหน่ายคดีไปแล้วกลับมาทำการพิจารณาต่อไปเป็นการขอให้พิจารณาใหม่ จึงต้องห้าม และกรณีไม่อาจขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีได้เพราะการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีด้วยเหตุโจทก์ขาดนัดพิจารณานั้น มิได้เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอทุเลาการบังคับคดีกับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ และการพิจารณาประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับ
ในชั้นบังคับคดีศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้ตามคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวพร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์ จำเลยฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดี ดังนี้การที่จำเลยร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์หรือฎีกาขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับ หาใช่เป็นเรื่องขอทุเลาการบังคับคดีไม่ แต่เป็นการร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 จำเลยจึงไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 228(2),247 จำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้อง แม้ในที่สุดศาลอุทธรณ์จะพิพากษาไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์จำเลยก็จะไม่ได้ประโยชน์แต่ประการใด เพราะโจทก์ก็จะเป็นผู้ได้รับเงินซึ่งได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ไปแต่ผู้เดียวจึงไม่มีประโยชน์ที่จะกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยไว้ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชี้สองสถานและการยื่นบัญชีระบุพยาน: ศาลมีอำนาจสั่งไม่ต้องชี้สองสถานหากคดีไม่ซับซ้อน และมีสิทธิไม่รับบัญชีระบุพยานหากจำเลยประมาทเลินเล่อ
ป.วิ.พ.มาตรา182ได้ให้อำนาจศาลไว้ว่าถ้าทำการชี้สองสถานแล้วจะทำให้การพิจารณาง่ายเข้าก็ให้ทำการชี้สองสถานได้ดังนั้นหากคดีไม่มีประเด็นข้อยุ่งยากศาลก็ไม่จำต้องชี้สองสถาน จำเลยยื่นคำให้การวันที่1เมษายน2526ศาลชั้นต้นกำหนดสืบพยานโจทก์ในวันที่2พฤษภาคม2526เป็นเวลาถึง1เดือนไม่ถือว่าเป็นการเร็วเกินไป จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานความว่าตัวจำเลยเดินทางไปต่างจังหวัดทนายจำเลยไม่ทราบว่าจังหวัดไหนติดต่อกันไม่ได้จำเลยเพิ่งเดินทางกลับมาวันนี้เมื่อศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันนี้จึงไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานได้ทันภายใน3วันก่อนวันสืบพยานโจทก์เป็นเหตุผลอันไม่สมควรที่จะให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีระบุพยานของจำเลย จำเลยไม่ยื่นบัญชีระบุพยานถือว่าไม่มีพยานมาสืบไม่มีเหตุที่จะให้พิจารณาคดีใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3993/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาอุทธรณ์ที่ไม่ถูกต้องตามที่อยู่ ทำให้การพิจารณาคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้เพราะหมายนัดระบุที่อยู่ของจำเลยโดยไม่ได้ระบุว่าอยู่ถนนใดเจ้าหน้าที่ผู้ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์จึงรายงานการส่งหมายว่าหมายนัดระบุที่อยู่ของจำเลยไม่ชัดเจนและออกติดตามหาจำเลยแล้วไม่มีผู้ใดรู้จักในชั้นส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หมายนัดก็ระบุแต่ชื่อและที่อยู่ของจำเลยโดยไม่ได้ระบุว่าอยู่ถนนใดเช่นกันแต่ก็ปรากฏว่าเจ้าพนักงานศาลส่งหมายนัดให้จำเลยได้โดยจำเลยรับไว้เองเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้นั้นเป็นเพราะหาตัวจำเลยไม่พบหรือจำเลยหลบหนีหรือจงใจไม่รับสำเนาอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา201การที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีไปโดยมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยเพื่อแก้นั้นจึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา200.