คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ของกลาง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 300 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3617/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอคืนของกลางที่ศาลฎีกาเคยยกคำร้องแล้ว และประเด็นสินสมรสยังไม่สิ้นสุด
ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางที่ศาลสั่งริบไว้แก่ผู้ร้องครั้งหนึ่งแล้ว แต่ศาลฎีกาพิพากษายกคำร้องเพราะผู้ร้องบรรยายคำร้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องแต่ผู้เดียวจำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้โดยผู้ร้องมิได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 โดยยังมิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งคดีที่ว่ารถยนต์ของกลางเป็นสินสมรสของผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 และผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 หรือไม่สิทธิยื่นคำร้อง ของ ผู้ร้องจึงยังไม่ระงับไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3617/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอคืนของกลางที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว แต่ยังสามารถยื่นคำร้องใหม่ได้ หากคำร้องเดิมไม่ครอบคลุมประเด็นสินสมรสและการรู้เห็นเป็นใจ
ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางที่ศาลสั่งริบไว้แก่ผู้ร้องครั้งหนึ่งแล้ว แต่ศาลฎีกาพิพากษายกคำร้องเพราะผู้ร้องบรรยายคำร้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องแต่ผู้เดียวจำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้โดยผู้ร้องมิได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 โดยยังมิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งคดีที่ว่ารถยนต์ของกลางเป็นสินสมรสของผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 และผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 หรือไม่สิทธิยื่นคำร้อง ของ ผู้ร้องจึงยังไม่ระงับไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิขอคืนของกลาง: ผู้รับโอนหลังมีคำพิพากษาให้ริบไม่มีสิทธิ
ผู้ร้องรับโอนรถยนต์ของกลางหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบแล้วผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์ ดังนี้ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอคืนของกลางนั้นได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดหลายกรรมต่างกัน: ครอบครองกัญชา vs. นำเข้าเรือนจำ แม้ของกลางเดียวกัน
ความผิดฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกับความผิดฐานนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจำ เป็นความผิดต่อกฎหมายคนละฉบับ ซึ่งอาศัยเจตนาในการกระทำผิดแตกต่างแยกจากกันได้ สำหรับความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองนั้น สาระสำคัญอยู่ที่การไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายจำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองเมื่อใด ก็เกิดเป็นความผิดสำเร็จขึ้นเมื่อนั้นส่วนการนำกัญชาซึ่งเป็นสิ่งของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจำ ย่อมเป็นความผิดเมื่อจำเลยฝ่าฝืนนำเข้าไป ซึ่งเป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่งต่างหาก เพราะจำเลยมีเจตนาที่แยกต่างหากจากการกระทำผิดฐานแรก แม้กัญชาของกลางในความผิดทั้งสองฐานนี้เป็นจำนวนเดียวกันก็ตาม การที่จำเลยมีกัญชาไว้ในความครอบครองและนำกัญชาดังกล่าวเข้าไปในเรือนจำ จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดหลายกรรม: ครอบครองกัญชา vs. นำเข้าเรือนจำ แม้ของกลางเดียวกัน
ความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกับความผิดฐานนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจำ เป็นความผิดต่อกฏหมายคนละฉบับซึ่งอาศัยเจตนาในการกระทำผิดแตกต่างแยกจากกันได้ สำหรับความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองนั้น สาระสำคัญอยู่ที่การไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย จำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองเมื่อใด ก็เกิดเป็นความผิดสำเร็จขึ้นเมื่อนั้น ส่วนการนำกัญชาซึ่งเป็นสิ่งของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจำย่อมเป็นความผิดเมื่อจำเลยฝ่าฝืนนำเข้าไป ซึ่งเป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่งต่างหาก เพราะจำเลยมีเจตนาที่แยกต่างหากจากการกระทำผิดฐานแรก แม้กัญชาของกลางในความผิดทั้งสองฐานนี้เป็นจำนวนเดียวกันก็ตามการที่จำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองและนำกัญชาดังกล่าวเข้าไปในเรือนจำ จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนทรัพย์สินของกลางที่เจ้าของมิได้รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำผิด ต้องมีคดีฟ้องร้องต่อศาลแล้วเท่านั้น
การที่เจ้าของแท้จริงจะร้องขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 โดยอ้างว่าตนเองมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดนั้น จะต้องเป็นกรณีที่ได้มีการฟ้องคดีต่อศาลแล้วเท่านั้น เมื่อมิได้มีการฟ้องคดีต่อศาล ผู้ร้องจึงจะมาร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2429/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอคืนของกลาง: ผู้มิใช่เจ้าของไม่มีสิทธิ แม้ไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด
ผู้ร้องร้องขอคืนของกลาง ศาลชั้นต้นฟังว่าของกลางเป็นของผู้ร้องแต่ผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดของจำเลยจึงสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์และแม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์ในข้อที่ว่าผู้ร้องมิใช่เจ้าของของกลาง ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ด้วยเหตุที่ของกลางมิใช่ของผู้ร้องได้ เมื่อผู้ร้องฎีกาต่อมา และศาลฎีกาเห็นว่าผู้ร้องมิใช่เจ้าของของกลาง ย่อมพิพากษายืนให้ยกคำร้องของผู้ร้องได้เช่นกัน เพราะผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2429/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการขอคืนของกลางขึ้นอยู่กับความเป็นเจ้าของ หากไม่ใช่เจ้าของ ไม่มีสิทธิ
ผู้ร้องร้องขอคืนของกลาง ศาลชั้นต้นฟังว่าของกลางเป็นของผู้ร้องแต่ผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดของจำเลยจึงสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์และแม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์ในข้อที่ว่าผู้ร้องมิใช่เจ้าของของกลาง ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้องด้วยเหตุที่ของกลางมิใช่ของผู้ร้องได้ เมื่อผู้ร้องฎีกาต่อมา และศาลฎีกาเห็นว่าผู้ร้องมิใช่เจ้าของของกลางย่อมพิพากษายืนให้ยกคำร้องของผู้ร้องได้เช่นกัน เพราะผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอคืน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5995/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินของกลางหลังคำร้องเปรียบเทียบถูกยกเลิก เจ้าหน้าที่ชอบที่จะดำเนินการตามกฎหมายได้
เจ้าหน้าที่ศุลกากรจับกุมโจทก์ในข้อหาพยายามพาของต้องจำกัดออกไปนอกราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรพุทธศักราช 2469 มาตรา 27 จึงมีอำนาจนำตัวโจทก์และของพิพาทซึ่งเป็นของกลางที่เกี่ยวกับการพยายามกระทำความผิดส่งสถานีตำรวจ เพื่อจัดการตามกฎหมาย แม้ต่อมาโจทก์ได้ทำคำร้องขอให้เปรียบเทียบเพื่อไม่ต้องดำเนินคดี โดยขอยกของพิพาทให้เป็นของแผ่นดินก็ตาม แต่ภายหลังโจทก์กลับขอคืนของพิพาทก่อนที่คณะกรรมการเปรียบเทียบงดการฟ้องร้องจะพิจารณาคำร้องขอให้เปรียบเทียบมาตรา 102 ทวิ ถือได้ว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้มีการเปรียบเทียบต่อไปโจทก์จึงหมดความคุ้มกันในการที่จะถูกดำเนินคดีจำเลยย่อมมีอำนาจยึดของพิพาทไว้เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการตามมาตรา 20 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5995/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินของกลางหลังผู้ต้องหาขอเปรียบเทียบแล้วถอนคำขอ ถือว่าหมดความคุ้มกันจำเลยมีสิทธิยึดทรัพย์ได้
เจ้าหน้าที่ศุลกากรจับกุมโจทก์ในข้อหาพยายามพาของต้องจำกัดออกไปนอกราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรพุทธศักราช 2469 มาตรา 27 จึงมีอำนาจนำตัวโจทก์และของพิพาทซึ่งเป็นของกลางที่เกี่ยวกับการพยายามกระทำความผิดส่งสถานีตำรวจเพื่อจัดการตามกฎหมาย แม้ต่อมาโจทก์ได้ทำคำร้องขอให้เปรียบเทียบเพื่อไม่ต้องดำเนินคดี โดยขอยกของพิพาทให้เป็นของแผ่นดินก็ตาม แต่ภายหลังโจทก์กลับขอคืนของพิพาทก่อนที่คณะกรรมการเปรียบเทียบงดการฟ้องร้องจะพิจารณาคำร้องขอให้เปรียบเทียบมาตรา 102 ทวิ ถือได้ว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้มีการเปรียบเทียบต่อไปโจทก์จึงหมดความคุ้มกันในการที่จะถูกดำเนินคดีจำเลยย่อมมีอำนาจยึดของพิพาทไว้เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการตามมาตรา 20 ได้
of 30