คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 291 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4026/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำประเด็นเดิม: ห้ามฟ้องคดีที่ศาลเคยวินิจฉัยแล้ว
โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องคดีโดยอาศัยสิทธิและเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ทั้งสองถือได้ว่าเป็นการฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ทั้งสอง และฟ้องของโจทก์มีประเด็นอย่างเดียวกับที่ผู้เยาว์ทั้งสองโดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองเคยยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529 ของศาลชั้นต้น ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้เยาว์ทั้งสอง ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในคดีดังกล่าวให้ยกคำร้องของผู้เยาว์ทั้งสองและคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ถือได้ว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีและประเด็นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 144 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3757/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการโต้แย้งผลการตรวจสอบของเจ้าพนักงานที่ดินตามคำท้าของคู่ความในคดี
คู่ความท้ากันไว้ว่า ถ้าเจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบที่ดินพิพาทแล้วรายงานว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินตาม ส.ค.1 เลขที่ 412 จริง จำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องและยอมแพ้คดี แต่ถ้าหากเจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบแล้วที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่ดินตาม ส.ค.1 เลขที่ 413 ตามที่โจทก์ฟ้อง ก็ให้ถือว่าโจทก์ยอมแพ้เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินรายงานต่อศาลว่าได้ไปดำเนินการตรวจสอบที่ดินพิพาทแล้วสรุปได้ว่าที่ดินแปลงดังกล่าวน่าจะเป็นที่ดินแปลงตามหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 412 แปลงพิพาท ชี้ชัดแล้วว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินตาม ส.ค.1 เลขที่ 412 จริง ผลก็คือเจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบที่ดินพิพาทแล้วรายงานงานว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินตาม ส.ค.1เลขที่ 412 ตรงตามคำท้าของคู่ความที่จำเลยจะต้องแพ้คดีโจทก์ จำเลยจะนำเอารายละเอียดข้อเท็จจริงประกอบเหตุผลในการลงความเห็นของเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินมาเป็นข้ออุทธรณ์ฎีกาโต้แย้งว่าไม่ตรงตามสภาพความเป็นจริง เป็นการคาดคะเนด้วยความเห็นส่วนตัวโดยไม่แน่ใจว่าจะใช่ที่ดิน ส.ค.21 เลตจที่ 412 จริงหรือไม่จึงเป็นรายการไม่ตรงตามคำท้า และต้องดำเนินคดีสืบพยานโจทก์จำเลยกันต่อไปใหม่เป็นการโต้แย้งการตรวจสอบและลงความเห็นของเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน ซึ่งคู่ความท้ากันให้เป็นผู้ตรวจสอบและลงความเห็นนั้นอีกหาได้ไม่ เพราะเป็นการอุทธรณ์ฎีกานอกประเด็นคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2986/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องอาญาที่ไม่ชัดเจนถึงองค์ประกอบความผิดและข้อสำคัญในคดี เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฟ้องว่านำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ และเบิกความเท็จบรรยายข้อความที่ว่าเป็นเท็จกับความจริง เป็นอย่างไร และว่าเป็นข้อสำคัญในคดีแต่ไม่บรรยายว่าสำคัญอย่างไร เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 158 แม้โจทก์จะบรรยายถึงเลขสำนวนคดีที่จำเลยเบิกความ และนำสืบอ้างสำนวนคดีนั้นมาด้วย ข้อเท็จจริงในสำนวนคดีนั้นหาใช่เป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องไม่ จะนำมาประกอบคำฟ้องของโจทก์ให้สมบูรณ์ขึ้นไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งดำเนินต่อไปได้แม้คดีเดิมจำหน่ายแล้ว
ศาลสั่งรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา แม้ต่อมาโจทก์จะทิ้งฟ้องและศาลได้สั่งจำหน่ายคดีอันทำให้ไม่มีฟ้องเดิมที่จะดำเนินกระบวน-พิจารณาต่อไปก็ตาม แต่ก็ยังมีตัวโจทก์ที่ยังคงเป็นจำเลยของฟ้องแย้งอยู่ จึงมีคู่ความครบถ้วนทั้งสองฝ่ายที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1940/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อากรแสตมป์ไม่จำเป็นต้องปิดในขณะทำสัญญา เพียงแต่ต้องปิดและขีดฆ่าก่อนนำมาใช้เป็นหลักฐานในคดี
ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ไม่ได้บังคับให้ปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์ในตราสารในขณะทำสัญญา แม้มิได้ปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์แต่แรกในขณะทำสัญญา แต่เมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนและขีดฆ่าแล้วในขณะฟ้องจะโดยผู้อ้างเป็นผู้กระทำเองหรือผู้อ้างขอให้ศาลสั่งให้เจ้าหน้าที่สรรพากรจัดการให้ก็มีผลเช่นเดียวกัน ศาลจึงรับฟังสัญญากู้ยืมเงินและสัญญาค้ำประกันเป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องสอดคดี: ศาลมีอำนาจพิจารณาอนุญาตหรือไม่ตามความเหมาะสมของคดี
การร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1)ศาลไม่จำต้องอนุญาตทุกกรณี คดีนี้ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามเมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาคดีไปจนกระทั่งสืบพยานจำเลยจะเสร็จสิ้นแล้ว และหากผู้ร้องสอดมีสิทธิดังที่อ้างในคำร้อง ก็ย่อมยกสิทธิเช่นว่านั้นขึ้นอ้างยันผู้อื่นหรือมีสิทธิที่จะดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องได้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก กรณีของผู้ร้องสอดยังไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามคำร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5458/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: คดีภาษีอากรอยู่ในอำนาจศาลภาษีอากร ไม่ใช่ศาลแพ่ง
ฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่าฝ่ายจำเลยแจ้งให้โจทก์ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายจำเลยตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 โดยจำเลยเห็นว่าโจทก์เป็นเจ้าของโรงเรือนมีหน้าที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนตามกฎหมาย โจทก์โต้แย้งว่าโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โรงเรือนนั้น ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนตามที่จำเลยแจ้งแก่โจทก์ดังนี้ กรณีจึงเป็นเรื่องพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากรตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรฯ มาตรา 7(2) ประกอบด้วยมาตรา 3 เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องต่อศาล คดีโจทก์มิใช่เป็นคดีแพ่งลักษณะละเมิดศาลแพ่งจึงไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาคดีโจทก์ ตามมาตรา 10วรรคแรก การที่ศาลแพ่งสั่งไม่รับคำฟ้องโจทก์เพราะสิทธิของโจทก์ถูกกำจัดห้ามโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายเรื่องเขตอำนาจศาลจึงเป็นการสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18ไม่ใช่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดี ผู้พิพากษานายเดียวย่อมมีอำนาจสั่งได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 21(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5358/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายต่อคดีอื่นที่เจ้าหนี้อื่นฟ้อง
พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 15 มีความหมายถึง การที่ศาลสั่งในคดีหนึ่งคดีใดให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว ก็ให้จำหน่ายคดีซึ่งเจ้าหนี้อื่นฟ้องไว้เสีย โดยมิต้องคำนึงถึงว่า คดีอื่นนั้น ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในเวลาต่อมาหรือไม่ และ เจ้าหนี้ค่าภาษีอากรย่อมอยู่ในความหมายของคำว่า "เจ้าหนี้อื่น" ใน มาตรานี้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5332/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีพินัยกรรมโมฆะและการคำนวณทุนทรัพย์ค่าขึ้นศาล
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะ เป็นการเรียกร้องให้ทรัพย์ตามพินัยกรรมคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นทายาท เป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จึงเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ตามราคาทรัพย์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดแสตมป์สัญญา กู้ยืมเงินต้องกระทำก่อนนำสืบเป็นหลักฐานในคดี มิฉะนั้นใช้ไม่ได้
การขออนุญาตนำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินที่ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญาไปปิดแสตมป์ให้บริบูรณ์จะต้องกระทำก่อนหรือในขณะที่ได้นำสัญญากู้ยืมเงินนั้นมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งก่อนศาลชั้นต้นชี้ขาดตัดสินคดี เมื่อโจทก์นำสัญญากู้ยืมเงินไปเสียอากรและเงินเพิ่มหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วย่อมถือไม่ได้ว่ามีการปิดแสตมป์บริบูรณ์ จึงใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ เป็นผลให้คดีโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานที่จะรับฟังว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การและมิได้สาบานตนให้การเป็นพยานปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ก็จะถือว่าจำเลยไม่ติดใจคัดค้านหนังสือสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์นำมาฟ้องและฟังว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือแล้วโดยไม่ต้องอาศัยฟังจากเอกสารหาได้ไม่
of 30