คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความน่าเชื่อถือ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 210 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานในการระบุตัวผู้กระทำผิด: การพิจารณาปัจจัยแวดล้อมและข้อพิรุธของพยาน
พยานนั่งไปในกระบะท้าย รถยนต์ ขนาดหกล้อซึ่งแล่นไปตามถนนลูกรังด้วยความเร็วเกือบ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีฝุ่นฟุ้ง กระจายเต็มท้ายรถที่แล่นไป คนร้ายขับรถจักรยานยนต์ตามหลังรถที่พยานนั่ง ดังนี้ โอกาสที่พยานจะมองฝ่า ละอองฝุ่นที่ฟุ้ง กระจายเต็มท้ายรถที่ตนนั่งไปถึงขนาดเห็นหน้าคนร้ายชัดเจนนั้นย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ ยิ่ง เป็นคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ประกอบกับมีช่วงเวลาเพียง 5 นาที ความเป็นไปไม่ได้ก็ยิ่ง มีมากขึ้นไปอีกจึงไม่น่าเชื่อว่าพยานจะจำคนร้ายได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2416/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือพยานหลักฐานการชี้ตัวผู้ต้องหาในคดีปล้นทรัพย์ที่เกิดเหตุล่าช้า
ขณะทำการปล้นทรัพย์ คนร้ายใช้อาวุธปืนส่าย ไปมา ผู้เสียหายและ ส. พยานย่อมตกใจกลัว ประกอบกับคนร้ายใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการปล้นทรัพย์ โอกาสที่ผู้เสียหายและ ส. จะเห็นหน้าคนร้ายจึงมีน้อยมาก ประกอบกับเจ้าพนักงานตำรวจจับคนร้ายได้หลังเกิดเหตุถึง 4 ปี 6 เดือน จึงไม่น่าเชื่อว่าผู้เสียหายและ ส. จะจำหน้าคนร้ายได้ ถึงแม้ผู้เสียหายและ ส. จะชี้ตัวจำเลยได้ถูกต้องแต่ก่อนจะชี้ตัวจำเลยก็ได้เห็นจำเลยมาก่อนแล้ว การชี้ตัวของผู้เสียหายและ ส. จึงมีพิรุธ พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักมั่นคงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน: พยานบุคคลขัดแย้งกับเอกสารทางคดี ศาลยกฟ้อง
โจทก์มีพยานที่รู้เห็นในขณะเกิดเหตุคือ นาง น. กับนาง ผ.ส่วนนาย ว. ซึ่ง เป็นพยานในที่เกิดเหตุด้วย ได้ ถึงแก่ความตายไปก่อนนาง น. เบิกความว่ารู้จักจำเลยมาก่อน รู้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ จำเลยกับพวกได้ ยิงผู้ตายในคืนเกิดเหตุ นาง น. เป็นผู้แจ้งเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปชันสูตรพลิกศพว่าจำเลยกับพวกเป็น คนยิงผู้ตายทั้งสอง ส่วนนาง ผ.เบิกความว่าไม่รู้จักจำเลยแต่ จำได้ ว่าจำเลยเป็นคนร้ายคนหนึ่งเมื่อจับจำเลยได้ นาง ผ. ชี้ ตัว จำเลยถูกต้อง แต่ ตาม สำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ปรากฏว่าในวันที่ 5 มิถุนายน 2526(วันเกิดเหตุ) นาย สมคิด จิตเส้งแจ้งว่ามีผู้ก่อการร้าย 5 คน ใช้ อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสอง โดย มิได้ระบุว่าใครเป็นคนร้ายตาม สำเนารายงาน ประจำวันเกี่ยวกับคดีลง วันที่ 9 มิถุนายน2526 เจ้าพนักงานตำรวจ ได้ ไปตรวจ ที่เกิดเหตุและทราบตัว คนร้ายแล้ว ก็ปรากฏ ว่า ยังไม่มี การระบุตัว คนร้ายว่าเป็นใคร ในแผนที่เกิดเหตุที่ร้อยตำรวจเอก ก. ผู้ทำเอกสารเบิกความว่าได้ ทราบจากนาง น.ว่าจำเลยเป็นคนร้ายแล้วก็ปรากฏว่า ไม่ได้ระบุตำแหน่ง ที่นั่งของจำเลยกับได้ เขียนชื่อ จำเลยในช่อง ผู้ต้องหาขึ้นภายหลัง จากทำเอกสาร และในบันทึกการตรวจ สถานที่ เกิด เหตุได้ ระบุว่า ผู้ก่อการร้าย (ผกค.) จำนวน 5 คนยิงผู้ตายทั้งสองที่บ้านพัก โดย ไม่ได้ระบุชื่อ จำเลยไว้ ส่วนคำให้การชั้นสอบสวนของนาย ว. ในแผ่นแรกไม่ปรากฏว่านาย ว. รู้เห็นว่าจำเลยทำผิด เพียงแต่ เห็นชาย 5 คน จำได้ 2 คน แต่ง เครื่องแบบทหารส่วนอีก 3 คน แต่งกาย ธรรมดาแต่ ในแผ่นที่ 2 ซึ่ง เป็นใบต่อ คำให้การจึงระบุว่าจำเลยเป็นคนร้าย ทั้งในรายงานการชันสูตรพลิกศพของนาย ช.ในช่อง ชื่อ ผู้ทำให้ตาย ที่ระบุชื่อ จำเลย ตัว เขียนต่าง กับช่อง อื่น ๆน่าจะเป็นการเติม ชื่อ จำเลยในภายหลัง ส่วนในแบบรายงานการชันสูตรพลิก ศพนาย ธ. ไม่ได้ระบุชื่อ ผู้ทำให้ตาย ไว้ แสดงให้เห็นว่าในเบื้องต้น น่าจะไม่รู้ตัว คนร้ายว่าเป็นใคร แม้คำเบิกความของ นาง น.และนาง ผ. จะมีรายละเอียดลำดับเหตุการณ์และขั้นตอนในการกระทำผิดของคนร้ายโดย ละเอียดก็ตาม แต่ เมื่อ พยานหลักฐานเอกสารของโจทก์ไม่สอดคล้องกับคำเบิกความของ พยานบุคคลที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ จึงทำให้คำเบิกความของพยานบุคคลมีน้ำหนักน้อยไม่เพียงพอที่จะรับฟังเพื่อลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากพยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือในคดีปล้นทรัพย์
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ไม่มีแสงสว่าง พยานโจทก์อ้างว่าเห็นหน้าคนร้ายด้วย แสงไฟฉายของคนร้าย จำคนร้ายได้ เพราะเป็นคนที่รู้จักมาก่อนแต่ พยานโจทก์ก็มิได้บอกความนี้แก่ผู้ใดรวมทั้งเจ้าพนักงานตำรวจ ทั้งไม่ปรากฏว่ามีการฉายไฟนานเท่าใดและฉายไฟ ในลักษณะใด จึงเห็นหน้าคนร้ายได้ ชัดเจน พยานหลักฐานเท่านี้ไม่พอรับฟังว่าพยานโจทก์จำได้ ว่าจำเลยเป็นคนร้าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือพยานหลักฐานในคดีข่มขืน พยานเบิกความขัดแย้งกัน รูปคดีมีเหตุให้สงสัย
ผู้เสียหายและ ส. พยานโจทก์เบิกความขัดกันในสาระสำคัญหลายประการและขัดกับคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายเองด้วยทำให้น่าสงสัยและที่ผู้เสียหายเบิกความว่า จำเลยพาผู้เสียหายไปโดยการขู่เข็ญ บังคับโดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปกับจำเลย จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยจับมือทั้งสองของผู้เสียหายและเหวี่ยงบังคับกดลงกับพื้น จำเลยกดทับตัวผู้เสียหาย ผู้เสียหายรู้สึกเจ็บที่อวัยวะเพศและพบว่ามีเลือดไหลออกมามากจนเปรอะเปื้อนพื้นกระดาน จำเลยเอาน้ำจากห้องน้ำมาล้าง ส่วนผู้เสียหายลุก ไม่ไหวจนกระทั่งรุ่งเช้าผู้เสียหายลุกขึ้นยังเดินเซ จะเข้าห้องน้ำจนจำเลยต้องช่วยประคอง นั้น พยานโจทก์ซึ่งเป็นแพทย์ก็เบิกความว่าได้ตรวจร่างกายผู้เสียหายหลังจากถูกข่มขืนเพียง 5 วัน ไม่พบรอยฉีก ขาดหรือฟกช้ำ รูปคดีจึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานในคดีอาญา: การพิสูจน์ความผิดต้องชัดเจนและปราศจากข้อสงสัย
ผู้ตายก่อนตายมีสติสัมปชัญญะไม่ดี มีอาการหนักพูดไม่ค่อยเต็มปาก พูดถึงคนยิงว่าสงสัยจะเป็นนาย วิน โดยไม่ได้บอกว่าเป็นนาย วิน คนไหน นามสกุลอะไรในหมู่บ้านเกิดเหตุมีคนชื่อนาย วิน ถึง 3 คน เมื่อโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นขณะที่ผู้ตายถูกคนร้ายยิง จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่กระทำผิดดังที่โจทก์ฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชั่งน้ำหนักพยานในคดีแพ่ง: ภาระการพิสูจน์และความน่าเชื่อถือของพยาน
การชั่งน้ำหนักคำพยานในคดีแพ่งนั้น หาใช่หมายถึง จะต้องชั่งน้ำหนักคำพยานอันเกิดจากการนำสืบของคู่ความทั้งสองฝ่ายเสมอไปไม่ ถ้า ปรากฏว่าฝ่ายใดมีภาระการพิสูจน์ก่อนแต่ คำพยานไม่น่าเชื่อถือ นำสืบไม่สมข้ออ้าง แม้เป็นการนำสืบฝ่ายเดียวโดยคู่ความอีกฝ่ายไม่มีพยานมาสืบก็ต้อง แพ้คดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3935/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยสายโลหิตและการรับบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือ
จำเลยไม่เคยยอมรับว่าได้เสียกับมารดาโจทก์ ทั้งพยานโจทก์ที่นำสืบมายังมีข้อระแวงสงสัยและไม่มีผู้ใดรู้เห็นเหตุการณ์ว่าจำเลยได้ร่วมประเวณีกับมารดาโจทก์ในระยะเวลาที่อาจตั้งครรภ์ได้ เพียงแต่ฟังคำเล่าลือของชาวบ้านว่ามารดาโจทก์กับจำเลยได้เสียกันจนมีบุตรเท่านั้น ส่วนรายงานตรวจโลหิตที่ปรากฏว่ามารดาโจทก์โลหิตหมู่โอ จำเลยโลหิตหมู่บีโจทก์โลหิตหมู่บีสามีของมารดาโจทก์โลหิตหมู่โอบีนั้น เนื่องจากคนไทยจะมีโลหิตหมู่โอ มากที่สุด รองลงมาได้แก่หมู่บีเอและเอบี ตามลำดับ ในภาคอีสานที่เหตุคดีนี้เกิดขึ้นนั้นจะเป็นหมู่บีมากกว่าหมู่โอ เล็กน้อย ผลการตรวจโลหิตดังกล่าวจึงชี้ไม่ได้ว่าโจทก์เป็นบุตรจำเลย ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ร่วมประเวณีกับมารดาโจทก์ในระยะเวลาที่อาจตั้งครรภ์ โจทก์จึงไม่อาจบังคับให้จำเลยรับโจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3785/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานบอกเล่าที่ไม่สามารถซักค้านได้ และความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานในคดีอาญา
คำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายเป็นเพียงพยานบอกเล่าซึ่งจำเลยไม่มีโอกาสซักค้าน จึงนำมารับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังคำสารภาพและพยานหลักฐานประกอบในคดีอาญา แม้พยานมีส่วนเกี่ยวข้อง
แม้ ส. จะมีพฤติการณ์ที่ส่อแสดงว่าได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับจำเลยในการกระทำผิดมาแต่ต้น แต่เมื่อ ส. ไม่เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ คำเบิกความของ ส. มิใช่จะรับฟังไม่ได้เสียเลย ถ้าโจทก์มีพยานอื่นประกอบก็รับฟังลงโทษจำเลยได้
of 21