คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำท้า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 105 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำท้าและการสาบานพยานหลังคู่ความถึงแก่กรรม
คำท้าของคู่ความในศาลนั้น แม้คู่ความฝ่ายหนึ่งตายก็ยังมีผลผูกพันคู่ความอีกฝ่ายอยู่ ฉะนั้น การสาบานของพยานคนกลางตามคำท้าของคู่ความนั้น แม้จะสาบานภายหลังที่คู่ความฝ่ายหนึ่งตาย และอยู่ในระหว่างที่ยังไม่มีผู้ใดร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนก็ตามจึงหาตกเป็นโมฆะไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อพิพาทที่ดินจากพยานร่วมและเอกสาร การพิพากษาตามคำท้าที่ตกลงกันไว้
คู่ความตกลงให้สืบพยานร่วม และถ้าพยานเบิกความอย่างหนึ่งโจทก์ยอมแพ้ ถ้าเบิกความอีกอย่างหนึ่งจำเลยยอมแพ้ ศาลย่อมวินิจฉัยคำพยานได้ว่าเบิกความสมข้างฝ่ายใด และพิพากษาคดีไปตามคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าพิสูจน์ลายเซ็น-ลายนิ้วมือในสัญญา: ผลไม่อาจปรับให้แพ้หากพิสูจน์ได้เพียงบางส่วน
เมื่อคู่ความตกลงท้ากันให้ผู้ชำนาญการพิเศษพิสูจน์ลายเซ็นชื่อและลายพิมพ์นิ้วมือจำเลยในหนังสือสัญญากู้เงิน ถ้าใช่ของจำเลย ๆ ยอมแพ้ ถ้าไม่ใช่ทั้งลายเซ็นและลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยแล้วโจทก์ยอมแพ้.เมื่อผลการพิสูจน์ปรากฏว่าลายเซ็นนั้นไม่ใช่แต่ลายพิมพ์นิ้วมือไม่สามารถพิสูจน์ได้เช่นนี้.ยังหาปรับให้โจทก์แพ้ตามคำท้าได้ไม่.จำต้องดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปเสมือนไม่มีคำท้า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าพิสูจน์ลายเซ็น-ลายนิ้วมือ: การพิสูจน์ไม่ครบถ้วนไม่ถือว่าฝ่ายใดแพ้ตามคำท้า
เมื่อคู่ความตกลงท้ากันให้ผู้ชำนาญการพิเศษพิสูจน์ลายเซ็นชื่อและลายพิมพ์นิ้วมือจำเลยในหนังสือสัญญากู้เงิน ถ้าใช่ของจำเลยจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่ใช่ทั้งลายเซ็นและลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยแล้วโจทก์ยอมแพ้เมื่อผลการพิสูจน์ปรากฏว่าลายเซ็นนั้นไม่ใช่แต่ลายพิมพ์นิ้วมือไม่สามารถพิสูจน์ได้เช่นนี้ยังหาปรับให้โจทก์แพ้ตามคำท้าได้ไม่จำต้องดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปเสมือนไม่มีคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อพิพาทเรื่องทางเดินต้องเป็นไปตามคำท้าของคู่ความ ศาลมิอาจนำเหตุอื่นมาวินิจฉัยได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดิน คู่ความท้ากันว่าให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาทถ้าเห็นว่าที่พิพาทมีลักษณะและสภาพเป็นทางเดินมาก่อนหรือไม่ ? ถ้าเป็นจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่เป็น โจทก์ยอมแพ้
เมื่อศาลไปตรวจและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่า "แนวทางเดินเท้าจากต้นมะลุมหมายอักษร ล.ในแผนที่กลางก็มาจบกับปลายทางเกวียน หมายอักษร ข." เพียงเท่านี้ไม่ชัดเจนพอจะเข้าใจได้ว่ามีลักษณะและสภาพเป็นทางคนเดินมาแต่ก่อนตรงกับที่คู่ความท้ากันไว้หรือไม่ ข.ฉนั้นการที่ศาลยกเอาเหตุอื่น ๆ (นอกจากเหตุที่ท้ากันไว้)มาวินิจฉัยประกอบ(บันทึกที่ไม่ชัดนั้น) เพื่อให้เห็นว่าคนซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ย่อมต้องใช้ทางนี้เป็นทางเข้าออกมาแต่เดิมด้วยแล้วบังคับให้จำเลยเปิดทางคนเดินนั้น เป็นเรื่องนอกคำท้าของคู่ความ เป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยคดีทางเดินต้องเป็นไปตามคำท้าของคู่ความ ศาลมิอาจใช้เหตุอื่นนอกเหนือจากที่ได้ท้ากันไว้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดิน คู่ความท้ากันว่าให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาทถ้าเห็นว่าที่พิพาทมีลักษณะและสภาพเป็นทางเดินมาก่อนหรือไม่ ถ้าเป็นจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่เป็นโจทก์ยอมแพ้
เมื่อศาลไปตรวจและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่า"แนวทางเดินเท้าจากต้นมะลุมหมายอักษร ล. ในแผนที่กลางก็มาจบกับปลายทางเกวียนหมายอักษร ข." เพียงเท่านี้ไม่ชัดเจนพอจะเข้าใจได้ว่ามีลักษณะและสภาพเป็นทางคนเดินมาแต่ก่อนตรงกับที่คู่ความท้ากันไว้หรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลยกเอาเหตุอื่นๆ(นอกจากเหตุที่ท้ากันไว้)มาวินิจฉัยประกอบ(บันทึกที่ไม่ชัดนั้น)เพื่อให้เห็นว่าคนซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ย่อมต้องใช้ทางนี้เป็นทางเข้าออกมาแต่เดิมด้วยแล้วบังคับให้จำเลยเปิดทางคนเดินนั้น เป็นเรื่องนอกคำท้าของคู่ความ เป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพาทเรื่องเขตที่ดิน การสืบพยานร่วมไม่สมบูรณ์โจทก์จึงต้องรับผิดชอบตามคำท้า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่ดิน จำเลยปฏิเสธแล้วโจทก์จำเลยท้ากันว่า ขอให้สืบนายประสงค์ นายเมืองเจ้าพนักงานแผนที่ถ้าปรากฏว่ามีการย้ายหลักเขตเข้าไปในที่โจทก์แล้ว จำเลยยอมแพ้ถ้าไม่ได้ความว่ามีการย้ายหลักเขตโจทก์ยอมแพ้เมื่อพยานที่ท้ากันเบิกความไม่แน่นอน ฟังไม่ได้ว่ามีการย้าย ดังนี้โจทก์ก็ต้องแพ้ตามคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินและบ้านเรือนเป็นเวลากว่า 10 ปีมีผลต่อกรรมสิทธิ์ตามคำท้า
คู่ความท้าอ้างนายกอนพยานปากเดียว คำท้ามีดังนี้'ถ้านายกอนให้การว่าโจทก์ปกครองที่ดินและเรือนรายพิพาทมากว่า 10 ปีแล้ว จำเลยยอมให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินและเรือนรายพิพาททั้งหมด ถ้านายกอนให้การว่าโจทก์ปกครองเรือนและที่ดินมาไม่กว่า 10 ปีแล้ว โจทก์ยอมยกที่ดินและเรือนให้จำเลยทั้งหมด' และนายกอนให้การได้ความว่าเดิมที่ดินบ้านเรือนเป็นของบิดามารดาโจทก์ เมื่อบิดามารดาโจทก์ตายแล้ว โจทก์จำเลยอยู่ในที่รายนี้ จำเลยเพิ่งออกจากบ้านไป 6 ปี ดังนี้ แสดงว่าตอนแรกโจทก์ปกครอง จึงสมข้างจำเลยจำเลยย่อมชนะคดีตามคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำท้าสืบพยานร่วม: การเบิกความไม่ตรงตามคำท้าทำให้คู่ความไม่ชนะคดีตามที่ตกลง
คำพะยานร่วมที่คู่ความท้ากันว่าหากเบิกความสมข้างฝ่ายใด ให้ผู้นั้นชนะคดี เมื่อพะยานที่ท้ากันเบิกความไม่สมข้างฝ่ายใด ก็ต้องดำเนินการพิจารณาต่อไป
คู่ความท้ากันว่า หากพะยานที่มาเบิกความนั้นเบิกความว่าจำนำกันก่อนผู้มีชื่อตาย โจทก์ยอมแพ้ หากจำนำภายหลังจำเลยยอมแพ้ หมายความว่าจำนำกันก่อนหรือหลัง ส่วนใครเป็นผู้จำนำไม่อยู่ในคำท้า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9367/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงื่อนไขคำท้าสาบาน การกระทำไม่สุจริตของคู่กรณี และผลตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 186
ในการท้ากันนั้น โจทก์และจำเลยไม่ได้ตกลงให้จำเลยดื่มน้ำสาบานและรับศีลห้าด้วย การดื่มน้ำสาบานและรับศีลห้าจึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคำท้า ส่วนการที่จำเลยต้องกล่าวคำสาบานให้โจทก์หรือผู้รับมอบอำนาจโจทก์ และผู้อำนวยการฯ ได้ยินด้วยนั้น เป็นเงื่อนไขส่วนหนึ่งของคำท้า เมื่อปรากฏว่าจำเลยกล่าวคำสาบานโดยผู้อำนวยการฯ ได้ยินถ้อยคำสาบานของจำเลยขณะอยู่ห่างจากจำเลยประมาณ 1 เมตร เมื่อผู้อำนวยการฯ แจ้งให้โจทก์เข้าไปใกล้จำเลยเพื่อจะได้ยินถ้อยคำสาบานของจำเลย ฝ่ายโจทก์กลับปฏิเสธว่าต้องการให้จำเลยพูดเสียงดังเพื่อให้ได้ยินทั่วกัน ถือว่าโจทก์ประสงค์จะให้บุคคลทั่วไปได้ยินถ้อยคำสาบานของจำเลยด้วย ซึ่งมิใช่เป็นข้อตกลงอันเป็นส่วนหนึ่งของคำท้า และก็ไม่ได้กำหนดให้จำเลยกล่าวสาบานผ่านเครื่องขยายเสียง อันจะแปลเจตนาของคำท้าได้ว่าจำเลยต้องกล่าวคำสาบานให้บุคคลทั่วไปได้ยิน โจทก์ย่อมสามารถเข้าไปใกล้จำเลยได้ แต่ฝ่ายโจทก์กลับไม่เข้าไปใกล้เพื่อให้ได้ยินเสียงถ้อยคำสาบาน จึงเป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นคู่กรณีฝ่ายเสียเปรียบกระทำการโดยไม่สุจริตจนเป็นเหตุให้เงื่อนไขที่ฝ่ายโจทก์ต้องได้ยินถ้อยคำสาบานของจำเลยด้วยนั้นไม่สำเร็จ ถือได้ว่าจำเลยสาบานตนตรงตามคำท้าครบถ้วน โจทก์จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี
of 11