คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คู่ความ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 557 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1015/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาต่อหน้าคู่ความ และการแจ้งวันนัดให้ทนายจำเลยทราบ
ป.วิ.อ. มาตรา 182 วรรคสอง และวรรคสาม บัญญัติให้ศาลอ่านคำพิพากษาในศาลต่อหน้าคู่ความโดยเปิดเผย เมื่ออ่านแล้วให้คู่ความลงลายมือชื่อไว้ และมาตรา 2 (15) ได้ให้คำจำกัดความของคำว่า "คู่ความ"ไว้ว่าหมายถึงโจทก์ฝ่ายหนึ่งและจำเลยอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมาตรา 2 (3) บัญญัติคำว่า"จำเลย" หมายถึงบุคคลซึ่งถูกฟ้องยังศาลแล้ว โดยข้อหาว่าได้กระทำความผิดฉะนั้นทนายจำเลยจึงมิได้เป็นจำเลยหรือเป็นคู่ความตามความหมายดังกล่าวแต่อย่างใด เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีฟัง โดยมีล่ามแปลให้จำเลยเข้าใจผลแห่งคำพิพากษานั้น และให้จำเลยลงลายมือชื่อไว้แล้วเช่นนี้ เป็นการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการอ่านคำพิพากษาโดยชอบแล้ว ส่วนการที่ศาลชั้นต้นมิได้แจ้งวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ทนายจำเลยทราบ จะขัดต่อระเบียบหรือวิธีปฏิบัติหรือไม่อย่างไร ก็หาเป็นเหตุให้การอ่านคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายกลับกลายเป็นไม่ชอบไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1015/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาต่อหน้าคู่ความ: จำเลยต้องเป็นผู้รับทราบ ไม่ใช่ทนายความ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182 วรรคสองและวรรคสาม บัญญัติให้ศาลอ่านคำพิพากษาในศาลต่อหน้าคู่ความโดยเปิดเผย เมื่ออ่านแล้วให้คู่ความลงลายมือชื่อไว้ และมาตรา 2(15) ได้ให้คำจำกัดความของคำว่า "คู่ความ"ไว้ว่าหมายถึงโจทก์ฝ่ายหนึ่งและจำเลยอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งมาตรา 2(3) บัญญัติคำว่า "จำเลย"หมายถึงบุคคลซึ่งถูกฟ้องยังศาลแล้ว โดยข้อหาว่าได้กระทำความผิด ฉะนั้นทนายจำเลยจึงมิได้เป็นจำเลยหรือเป็นคู่ความตามความหมายดังกล่าวแต่อย่างใด เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีฟัง โดยมีล่ามแปลให้จำเลยเข้าใจผลแห่งคำพิพากษานั้น และให้จำเลยลงลายมือชื่อไว้แล้วเช่นนี้ เป็นการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการอ่านคำพิพากษาโดยชอบแล้ว ส่วนการที่ศาลชั้นต้นมิได้แจ้งวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ทนายจำเลยทราบจะขัดต่อระเบียบหรือวิธีปฏิบัติหรือไม่อย่างไร ก็หาเป็นเหตุให้การอ่านคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายกลับกลายเป็นไม่ชอบไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8407/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอพิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 207 ว.พ.พ. ต้องเป็นคู่ความที่ถูกศาลสั่งให้แพ้คดีและถูกสั่งขาดนัด
ผู้ที่จะมีสิทธิร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 นั้น นอกจากจะต้องเป็นคู่ความฝ่ายที่ถูกศาลสั่งว่าขาดนัดพิจารณาแล้ว จะต้องปรากฏว่าศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นข้อพิพาทด้วย คดีนี้ผู้คัดค้านนำคำคัดค้านและขอเลื่อนคดีมายื่นต่อศาลชั้นต้นหลังจากที่ศาลได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบุตรชายด้วย กฎหมายของผู้ตายเสร็จสิ้นไปก่อนแล้ว การที่ศาลมีคำสั่งไม่รับคำคัดค้านและไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี คดีนี้จึงยังคงเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทและไม่มีประเด็นข้อพิพาท เมื่อผู้คัดค้านมิได้ถูกศาลสั่งว่าขาดนัดพิจารณา และศาลมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้คัดค้านแพ้คดีในประเด็นข้อพิพาท ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 207

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8337/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้ซื้อทรัพย์ในการคัดค้านการขายทอดตลาดและการบังคับชำระค่าทนายความ
จำเลยยื่นคำร้องอ้างว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบผู้ซื้อทรัพย์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียย่อมมีสิทธิร้องคัดค้านว่าการขายทอดตลาดชอบแล้ว และในกรณีเช่นนี้ผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ที่ถูกร้องต่อศาล จึงเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(11) ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจสั่งให้จำเลยซึ่งเป็นผู้แพ้คดีในชั้นอุทธรณ์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนผู้ซื้อทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161ประกอบมาตรา 246

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6985/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีจากสารบบเนื่องจากการถอนฟ้องและไม่มีคู่ความร่วม
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เมื่อปรากฏว่าคดีแพ่งเรื่องนี้โจทก์ขอถอนฟ้อง จำเลยไม่ค้าน และศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความแล้วเช่นนี้ ไม่มีคู่ความที่ผู้ร้องสอดจะขอเข้าเป็นคู่ความร่วมอยู่อีกต่อไปแล้ว จึงไม่มีประโยชน์แก่คดีที่จะพิจารณาฎีกาของผู้ร้องสอดต่อไป ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีจากสารความของศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6985/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ถอนฟ้องและไม่มีคู่ความอื่นที่ผู้ร้องสอดจะร่วมด้วย
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เมื่อปรากฏว่าคดีแพ่งเรื่องนี้โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยไม่ค้าน และศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความแล้วเช่นนี้ ไม่มีคู่ความที่ผู้ร้องสอดจะขอเข้าเป็นคู่ความร่วมอยู่อีกต่อไปแล้วจึงไม่มีประโยชน์แก่คดีที่จะพิจารณาฎีกาของผู้ร้องสอดต่อไป ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินจากการพิพากษาถึงที่สุด ผลผูกพันคู่ความ
ในคดีที่ผู้คัดค้านเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ผู้ร้องนั้น ศาลได้พิพากษาถึงที่สุดแล้ว โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382 คำพิพากษาดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันผู้ร้องและผู้คัดค้าน ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 145 วรรคหนึ่ง เมื่อคู่ความแถลงรับว่า ที่ดินพิพาทในคดีนี้และคดีก่อนเป็นที่ดินแปลงเดียวกันและมีจำนวนเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ เท่ากัน ดังนั้น ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6757/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการครอบครองปรปักษ์ไม่เกี่ยวข้องกับคดีขับไล่ ผู้ร้องสอดไม่ใช่คู่ความ
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทของโจทก์เนื่องจากจำเลยผิดสัญญาเช่าและโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว แม้จำเลยจะให้การต่อสู้ไว้ประการหนึ่งว่าโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท แต่จำเลยก็ไม่ได้ต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยกล่าวอ้างเป็นของจำเลยหรือบุคคลอื่นใด คำร้องของผู้ร้องสอดอ้างเพียงว่า ผู้ร้องสอดครอบครองที่ดินพิพาทบางส่วนโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว และผู้ร้องสอดได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทบางส่วนดังกล่าวโดยการครอบครองปรปักษ์ขอให้ศาลพิพากษาว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทที่ครอบครองแต่ตามคำร้องสอดมิได้กล่าวอ้างเลยว่า ผู้ร้องสอดมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสียกับจำเลยแต่อย่างใด ข้ออ้างของผู้ร้องสอดดังกล่าวเป็นกรณีที่ผู้ร้องสอดตั้งข้อพิพาทโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทกับโจทก์ทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับคดีนี้ ผู้ร้องสอดมีสิทธิในที่ดินพิพาทอยู่เพียงใดคงมีอยู่อย่างนั้น หากศาลพิพากษาขับไล่จำเลยย่อมไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้ร้องสอด ผู้ร้องสอดจึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในมูลความแห่งคดีนี้ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องร้องสอดเข้ามาเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิที่มีอยู่ คำร้องของผู้ร้องสอดย่อมไม่ต้องด้วยบทบัญญัติตาม ป.วิ.พ.มาตรา 57 (1) จึงไม่มีสิทธิร้องเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นการอุทธรณ์คดีขับไล่: ข้อจำกัดด้านค่าเช่า และการบังคับใช้กับคู่ความทั้งสองฝ่าย
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคสองนั้นเป็นการบัญญัติถึงข้อยกเว้นในการอุทธรณ์หรือห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเฉพาะที่เกี่ยวกับประเภทหรือลักษณะของคดีที่ฟ้องร้องกันเท่านั้นหาได้บัญญัติเป็นข้อยกเว้นเกี่ยวกับตัวบุคคลผู้ฟ้องคดีหรือผู้ถูกฟ้องคดีเป็นผู้อุทธรณ์ด้วยแต่อย่างใดไม่ทั้งบทบัญญัติดังกล่าวก็มิได้มีข้อความตอนใดที่บัญญัติให้ใช้บังคับเฉพาะกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคือจำเลยเป็นผู้อุทธรณ์เท่านั้นจึงต้องใช้บังคับแก่ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีด้วยเมื่อที่ดินพิพาทมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นฟ้องเพียงเดือนละ500บาทจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6445/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องสอดต้องมีสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับชัดเจน จึงจะรับไว้พิจารณาได้
คำร้องสอดตาม ป.วิ.พ.มาตรา 57 (1) มีลักษณะเป็นคำฟ้องตามมาตรา 1 (3) จึงต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นตามมาตรา 172 วรรคสอง และเมื่อผู้ร้องสอดได้เข้ามาเป็นคู่ความตามมาตรา 57 (1) แล้วย่อมมีสิทธิเสมือนหนึ่งว่าตนได้ฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ตามมาตรา 58 เมื่อคำร้องสอดของผู้ร้องไม่มีคำขอบังคับ จึงไม่อาจทราบได้ว่าผู้ร้องสอดจะขอเข้ามาเป็นโจทก์หรือจำเลยคำร้องสอดของผู้ร้องสอดเพียงแต่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาเท่านั้น แต่ไม่มีคำขอบังคับโดยชัดแจ้งหรือมีคำขอบังคับอยู่ในตัวว่าอย่างไร จึงเป็นคำร้องสอดที่ไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณา
of 56