พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5465/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาถูกยกฟ้องทั้งชั้นต้นและอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาขัดต่อหลักกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาร่วมกับพวกฆ่า ล. และร่วมกับพวกทำร้ายร่างกาย ช. ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองข้อหาเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดในข้อหาร่วมกับพวกทำร้ายร่างกายเพียงข้อหาเดียว ย่อมมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในข้อหาความผิดฐานร่วมกับพวกฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โจทก์จึงฎีกาในข้อหาความผิดนี้ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4802/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขบทลงโทษอาญาและคำสั่งชดใช้ค่าเสียหายในคดีชิงทรัพย์ ฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน
ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษจำเลยไม่ถูกต้อง กับไม่ได้สั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายตามที่โจทก์ฟ้องขอมาด้วยศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3620/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้จะอ้างป้องกันสิทธิ แต่มีพฤติการณ์บ่งชี้เจตนาเพื่อก่อเหตุ
จำเลยพาอาวุธปืนไปที่บ้านผู้นายเพื่อพบ อ. ซึ่งเคยมีสาเหตุกับจำเลยมาก่อนโดยจำเลยเล็งเห็นผลอยู่แล้วว่าจะมีเรื่องร้ายแรงถึงขาดที่ต้องใช้อาวุธปืนยิง จำเลยสามารถหลีกเลี่ยงมิให้เกิดเหตุขึ้นได้โดยไม่เข้าไปยังบริเวณดังกล่าว การที่จำเลยเข้าไปที่บ้านผู้ตายจึงแสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะก่อเหตุขึ้น ดังนั้น เมื่อต่อมาจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงอ้างไม่ได้ว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน แต่ได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2245/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานสนับสนุนการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น โดยมีพยานชี้ตัว รูปพรรณ และคำรับสารภาพ
บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงไฟส่องสว่างจากเวทีการแสดง ส.และ ม. เห็นจำเลยที่ 1 ในระยะใกล้ชิดย่อมจำจำเลยที่ 1 ได้แม่นยำ และเด็กชาย ว. เบิกความในขณะเกิดเหตุยืนอยู่บริเวณหน้าเวทีดนตรี เห็นชาย 2 คนชกต่อยกัน ดนตรีหยุดการแสดง และภาพยนตร์หยุดฉาย ขณะนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ทางด้านหลังแล้วเด็กชาย ว. ได้แถลงต่อศาลว่าไม่สามารถจะเบิกความต่อไปได้เพราะก่อนจะมาเบิกความได้มีคนมาขู่ว่าถ้าไปเป็นพยานจะถูกฆ่าทั้งโคตร ตามพฤติการณ์แห่งคดีที่เด็กชาย ว. แถลงให้ศาลทราบเช่นนั้น เชื่อว่าเด็กชาย ว. ต้องเห็นคนร้ายในขณะเกิดเหตุจริงขณะเบิกความเป็นพยานต่อศาลรู้สึกกลัวว่าอาจจะถูกทำร้ายตามคำขู่ จึงไม่กล้าที่จะเบิกความต่อไป เด็กชาย ว. ให้การในชั้นสอบสวนต่อพนักงานสอบสวนในระยะเวลาใกล้ชิดกับเวลาเกิดเหตุเกี่ยวกับรูปพรรณของจำเลยที่ 1 ว่าเป็นคนร้ายที่ใช้ปืนยิงผู้ตายโดยมีพนักงานสอบสวนมาเบิกความรับรองว่าเป็นผู้บันทึกปากคำเด็กชาย ว. ประกอบกับจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและนำเจ้าพนักงานไปชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ ดังนี้ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้ายใช้ปืนยิงผู้ตายจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน: พิจารณาจากพฤติการณ์และสภาพแวดล้อม
บ้านผู้ตายชั้นบนด้านหน้าเปิดโล่ง ไม่มีฝาผนัง รอบบ้านไม่มีรั้ว สามารถมองเห็นภายในบ้านได้ จากระยะไกล หากจำเลยต้องการทราบเพียงว่าโจทก์อยู่ในบ้านหรือไม่ ย่อมไม่จำเป็นต้อง ทำทีไปขอยาจาก อ. เมื่อ อ. เอายาให้จำเลย จำเลยขอน้ำดื่มกับยาด้วย กรณีอาจเป็นได้ ว่า ขณะที่จำเลยไปขอยานั้น จำเลยป่วยจริงและยังมิได้มีเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่ เมื่อพบผู้ตายอยู่ในบ้าน ความแค้นที่เคยมีต่อ ผู้ตายก็เกิดขึ้นมาอีกในทันทีทันใด จึงกลับไปเอาอาวุธปืนมายิงผู้ตาย พฤติการณ์ดังกล่าวยังถือ ไม่ได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดย ไตร่ตรอง ไว้ก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ แม้ถูกยิงก่อน แต่การตอบโต้ต้องอยู่ในขอบเขตที่สมเหตุสมผล
ผู้ตายมีอาการเมาสุรา เข้าไปก่อ เหตุ ด่า ว่าจำเลยถึง ในบ้านจำเลยด้วย ถ้อยคำหยาบคายและใช้ อาวุธปืนลูกซองยาวยิงจำเลยก่อน1 นัด แล้วต่าง ยื้อแย่งอาวุธปืนสั้น จำเลยใช้ อาวุธปืนที่แย่งได้ ยิงผู้ตายซึ่ง ไม่มีอาวุธใด อยู่ในมือ ขณะนั้นแม้ไม่มีภยันตรายซึ่ง เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงต่อ จำเลยอันจะทำให้จำเลยอ้างเหตุป้องกันตน โดย ชอบ ด้วยกฎหมายได้ แต่ จำเลยยิงผู้ตายเพราะเหตุผู้ตายกระทำการอันถือ ได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วย เหตุอันไม่ เป็นธรรมและจำเลยยิงผู้ตายในเวลาต่อเนื่องกัน ดังนี้ เป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา 72.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งเรื่องทรัพย์สินและคำพูดดูถูก มีพยานหลักฐานยืนยัน
ขณะเกิดเหตุ จำเลยกับผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางคนละคันมุ่งหน้าจะไปทางจังหวัด กำแพงเพชร โดย จำเลยลวงผู้ตายว่า มีผู้สนใจจะซื้อรถจักรยานยนต์ของกลาง เมื่อถึง บริเวณสถานที่ เกิด เหตุ จำเลยได้ ใช้ อาวุธปืนที่มีและพกพาติด ตัว ไปยิงผู้ตายในลักษณะจ่อยิงด้านหลังประชิดตัว ผู้ตาย แล้วลากศพผู้ตายไปทิ้งในป่า นำรถจักรยานยนต์ไปซ่อน ไว้ ปรากฏจากภาพถ่ายสภาพศพประกอบรายงานการชันสูตร พลิก ศพว่า มีรอยกระสุนปืนลูกซอง 1 นัดเข้าเป็นกลุ่มตรง บริเวณกลางหลังด้านขวาของผู้ตาย เป็นร่องรอยของการใช้ อาวุธปืนลูกซองยิงในระยะประชิดตัว ซึ่ง การยิงในลักษณะเช่นนี้ จำเลยจะต้อง มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับผู้ตาย ทั้งก่อนเกิดเหตุขณะที่อยู่บ้าน นาย ฉ. ก็ไม่ปรากฏว่า จำเลยมีปากเสียงทะเลาะเบาะแว้ง กับผู้ตายแต่ อย่างใดเลย เช่นนี้ จึงเชื่อ ได้ ว่าก่อนเกิดเหตุคดีนี้จำเลยได้ วางแผนตระเตรียมการที่จะฆ่าผู้ตายไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว สาเหตุเพราะผู้ตายแบ่งเงินจากการขายรถจักรยานยนต์ที่ลักมาให้จำเลยน้อยและพูดจาดูถูก จำเลยเสมอดัง ที่จำเลยให้การรับสารภาพไว้ต่อ ร้อยตำรวจโท ส. ตามบันทึกคำให้การของจำเลย คดีจึงรับฟังได้ ว่าจำเลยได้ ฆ่าผู้ตายโดย ไตร่ตรอง ไว้ก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยมีเหตุข่มเหงอย่างร้ายแรงตาม ป.อ.มาตรา 72 และการพิพากษาโทษสำหรับผู้กระทำผิดอายุ 16 ปี
การที่ผู้ตายเมาสุราและได้ บังคับขู่เข็ญโดยใช้ มือผลักอก จำเลยหลายครั้งเพื่อให้จำเลยไปดื่ม สุราด้วย และท้าทายให้ยิงกันพร้อมกับทำท่าล้วงอาวุธปืนเมื่อจำเลยวิ่งหนี ผู้ตายยังวิ่งไล่ตามไปอีก จำเลยจึงใช้ อาวุธปืนยิงทันที ถือ ได้ ว่าจำเลยกระทำไปเพราะถูก ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วย เหตุอันไม่ เป็นธรรม ตามป.อ. มาตรา 72 พนักงานอัยการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯมาตรา 772 และข้อหาฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 288 แม้ศาลจะอนุญาตให้ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีด้วย ก็หมายถึงอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ เฉพาะ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นเท่านั้นเพราะโจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายในข้อหาดังกล่าว ส่วนข้อหาความผิดต่อ พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย โจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหายจึงไม่อาจเข้าเป็นโจทก์ร่วมในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันทำร้ายจนถึงแก่ความตาย: การพิเคราะห์เจตนาและตัวการในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
จำเลยทั้งสองทราบดีว่า ส. กับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน วันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองกับ ส.เดินไปพบผู้ตายกับพวก ส. ชักมีดปลายแหลมไล่แทงทำร้ายผู้ตาย จำเลยทั้งสองได้วิ่งตาม ส.เข้าไปด้วยเมื่อส.แทงผู้ตายแล้ว จำเลยทั้งสองได้ช่วยกันกระทืบผู้ตายซ้ำแล้วจำเลยทั้งสองกับ ส. ก็ได้หลบหนีไปด้วยกัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยกับพวกที่จะร่วมกันแทงทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ได้แทงผู้ตาย เพียงแต่กระทืบผู้ตาย อันเป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจก็ตาม เมื่อการตายของผู้ตายเกิดจากการแทงทำร้ายของพวกจำเลยก็ย่อมถือว่าจำเลยทั้งสองเป็นตัวการในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วย.
จำเลยทั้งสองกับพวกมาพบผู้ตายโดยบังเอิญ แล้วได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายทันทียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกับพวกมีแผนการหรือไตร่ตรองไว้ก่อนในการที่จะฆ่าผู้ตาย.
จำเลยทั้งสองกับพวกมาพบผู้ตายโดยบังเอิญ แล้วได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายทันทียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกับพวกมีแผนการหรือไตร่ตรองไว้ก่อนในการที่จะฆ่าผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้ไม่ได้ลงมือแทงโดยตรง แต่มีส่วนร่วมทำร้ายและหลบหนี
จำเลยทั้งสองทราบดีว่า ส. กับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนวันเกิดเหตุ จำเลยทั้งสองกับ ส. เดินไปพบผู้ตายกับพวก ส. ชักมีดปลายแหลมไล่แทงทำร้ายผู้ตาย จำเลยทั้งสองได้วิ่งตาม ส. เข้าไปด้วยเมื่อ ส. แทงผู้ตายแล้ว จำเลยทั้งสองได้ช่วยกันกระทืบผู้ตายซ้ำ แล้วจำเลยทั้งสองกับ ส. ก็ได้หลบหนีไปด้วยกันแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยกับพวกที่จะร่วมกันแทงทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ได้แทงผู้ตาย เพียงแต่กระทืบผู้ตาย อันเป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจก็ตาม เมื่อการตายของผู้ตายเกิดจากการแทงทำร้ายของพวกจำเลยก็ย่อมถือว่าจำเลยทั้งสองเป็นตัวการในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วย จำเลยทั้งสองกับพวกมาพบผู้ตายโดยบังเอิญ แล้วได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายทันที ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกับพวกมีแผนการหรือไตร่ตรองไว้ก่อนในการที่จะฆ่าผู้ตาย.