พบผลลัพธ์ทั้งหมด 298 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5486/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งงดสืบพยานถือเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้น จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ได้ แม้ไม่โต้แย้งคำสั่ง
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไปโดยข้อกฎหมายนั้น เป็นการที่ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายซึ่งทำให้คดีเสร็จไป ทั้งเรื่องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 227 ดังนั้นแม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จำเลยก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งได้ จำเลยยื่นอุทธรณ์และฎีกาขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างพิจารณาใหม่มิได้ขอให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดี เป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตาราง 1 ข้อ 2(ข) ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาศาลละ200 บาท จำเลยเสียค่าขึ้นศาลทั้งสองศาลมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์จึงให้คืนส่วนที่เกินแก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4729/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งงดสืบพยานชอบด้วยกฎหมายเมื่อจำเลยให้การคลุมเครือ และการรับว่าเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คผูกพันตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิเคราะห์จากคำฟ้องและคำให้การแล้วยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยให้โจทก์ชนะคดี ไม่ใช่มีการสืบพยานแล้วฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 24,227 โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยผู้สั่งจ่ายรับผิดใช้เงินตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่าจำเลยออกเช็คเป็นประกันหนี้ของบุตรเขยเท่านั้นดังนี้ เมื่อจำเลยรับว่าเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คและเช็คมีมูลหนี้จากการที่จำเลยสั่งจ่ายประกันหนี้ของบุคคลอื่นแก่โจทก์จำเลยก็ย่อมต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์ โดยไม่จำต้องมีการสืบพยานรับฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานแต่อย่างใดอีก จำเลยให้การว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดถูกต้องตามกฎหมายและมี ก. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจริงหรือไม่จำเลยไม่ขอรับรอง ไม่ได้กล่าวให้ชัดว่าโจทก์ไม่ใช่นิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดด้วยเหตุอะไร ก. ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการด้วยเหตุอะไร จึงไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง ถือได้ว่าจำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธในข้อนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ตามฟ้องว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มี ก. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4725/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการงดสืบพยานจำเลยเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่จำเป็นและไม่มีประโยชน์ต่อการวินิจฉัยคดี
เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ศาลพิจารณาคำฟ้องและคำให้การจำเลยประกอบเอกสารที่โจทก์นำสืบแล้ว เห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะให้สืบพยานจำเลย ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งงดสืบพยานจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4442/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การ, เจตนาประวิงคดี, สิทธิในการเบิกความ, การงดสืบพยาน
เหตุตามคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยที่ว่า ทนายจำเลยติดธุระต้องเดินทางไปศาลจังหวัดอื่นเพื่อยื่นคำให้การในคดีแพ่งเรื่องอื่นซึ่งครบกำหนดยื่นคำให้การในวันนั้นพร้อมกับสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีดังกล่าวด้วย มิใช่เหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้
จำเลยขออนุญาตยื่นคำให้การหลังจากทราบว่าถูกฟ้องแล้วเกือบ1 ปี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต ดังนี้แม้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลมีคำสั่งว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยอาจสาบานตนให้การเป็นพยานเองและถามค้านพยานโจทก์ แต่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมเบิกความเนื่องจากไม่มีทนายความซักถาม ทั้งที่ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ในคดีจำเลยย่อมทราบดี และสามารถเบิกความตามความเป็นจริงได้ ตามรูปคดีแม้มีทนายซักถามก็ไม่ทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดี ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งงดสืบพยานจำเลยได้
จำเลยขออนุญาตยื่นคำให้การหลังจากทราบว่าถูกฟ้องแล้วเกือบ1 ปี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต ดังนี้แม้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลมีคำสั่งว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยอาจสาบานตนให้การเป็นพยานเองและถามค้านพยานโจทก์ แต่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมเบิกความเนื่องจากไม่มีทนายความซักถาม ทั้งที่ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ในคดีจำเลยย่อมทราบดี และสามารถเบิกความตามความเป็นจริงได้ ตามรูปคดีแม้มีทนายซักถามก็ไม่ทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดี ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งงดสืบพยานจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4442/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานจำเลยจากเจตนาประวิงคดีและการขาดนัดยื่นคำให้การ
เหตุตามคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยที่ว่า ทนายจำเลยติดธุระต้องเดินทางไปศาลจังหวัดอื่นเพื่อยื่นคำให้การในคดีแพ่งเรื่องอื่นซึ่งครบกำหนดยื่นคำให้การในวันนั้นพร้อมกับสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีดังกล่าวด้วย มิใช่เหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ จำเลยขออนุญาตยื่นคำให้การหลังจากทราบว่าถูกฟ้องแล้วเกือบ1 ปี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต ดังนี้แม้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลมีคำสั่งว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยอาจสาบานตนให้การเป็นพยานเองและถามค้านพยานโจทก์ แต่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมเบิกความเนื่องจากไม่มีทนายความซักถาม ทั้งที่ข้อเท็จจริงต่าง ๆในคดีจำเลยย่อมทราบดี และสามารถเบิกความตามความเป็นจริงได้ตามรูปคดีแม้มีทนายซักถามก็ไม่ทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดี ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งงดสืบพยานจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3382/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานก่อนยุติข้อเท็จจริงเรื่องราคาสินค้าเป็นวิธีพิจารณาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกามีอำนาจย้อนสำนวน
ศาลภาษีอากรกลางสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยแล้ววินิจฉัยว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดง-รายการการค้าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ทั้ง ๆที่ข้อเท็จจริงยังไม่เป็นที่ยุติว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดของสินค้าที่โจทก์นำเข้าคือราคาเท่าใด คำสั่งงดสืบพยานและคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์ให้ย้อนสำนวนก็ตาม แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่า กรณีไม่อาจพิพากษาให้จำเลยชนะคดีตามคำขอในอุทธรณ์ของจำเลยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง แล้วย้อนสำนวนไปให้ศาลภาษีอากรกลางดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2823/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาประวิงคดี: ศาลชอบธรรมที่ไม่อนุญาตเลื่อนคดีและงดสืบพยานเมื่อจำเลยมีพฤติการณ์ฉะเชิงเทียน
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยนัดแรก วันที่ 12 มิถุนายน 2530 ถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างเหตุทนายจำเลยป่วย ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีไปในวันที่ 29 กรกฎาคม 2530 ซึ่งจำเลยก็นำพยานมาสืบปากเดียวและเลื่อนไปสืบพยานจำเลยวันที่ 3 และ 24 กันยายน 2530วันดังกล่าวจำเลยนำพยานมาสืบวันละหนึ่งปาก และศาลชั้นต้นให้เลื่อนไปสืบพยานจำเลยวันที่ 5 และ 19 พฤศจิกายน 2530 วันที่ 5 พฤศจิกายน2530 จำเลยมีพยานมาสืบ 1 ปาก และเลื่อนไปสืบพยานวันที่ 19 พฤศจิกายน2530 ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนโดยกำชับให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จโดยไม่ให้เลื่อนคดีอีกถึงวันนัดจำเลยขอเลื่อนอ้างเหตุพยานป่วยเช่นนี้พฤติการณ์จำเลยแสดงว่ามีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา, การงดสืบพยาน, คำสั่งระหว่างพิจารณา, การอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ต้องโต้แย้ง
จำเลยแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวนว่า ส.ค.1 ของ ท.ซึ่งจำเลยเก็บรักษาไว้หายไป แล้วนำสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไปขอสำเนา ส.ค.1 ที่หายไป และนำไปยื่นเรื่องขอรังวัดที่ดินแปลงดังกล่าวเพื่อออกโฉนดเป็นที่ดินของจำเลยโดยอ้างว่า ท.มอบที่ดินให้จำเลยครอบครอง การกระทำของจำเลยอาจทำให้โจทก์เสียหาย เพราะเมื่อ ท. ถึงแก่กรรม ที่ดินตาม ส.ค.1 ย่อมเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์ทันที การกระทำของจำเลยย่อมกระทบกระเทือนต่อสิทธิครอบครองของโจทก์อาจทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้อง ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ได้ 2 นัด และสืบพยานโจทก์ได้ 3 ปากแล้วในนัดต่อมาทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วยจำเลยคัดค้านว่ามิได้ป่วยจริง ศาลชั้นต้นให้จ่าศาลไปตรวจสอบอาการของทนายโจทก์แต่ไม่พบ จึงมีคำสั่งยกคำร้องขอเลื่อนคดีและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ให้งดสืบพยานโจทก์แล้วนัดสืบพยานจำเลยมิใช่กรณีศาลมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166,181 เพราะเป็นเรื่องโจทก์ขอเลื่อนคดีแล้วศาลไม่ให้เลื่อนหาใช่โจทก์ไม่มาตามนัดศาลจึงยกฟ้องไม่ ส่วนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลยกฟ้องโจทก์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาในคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 196 ซึ่งมิได้บัญญัติให้คู่ความต้องโต้แย้งคำสั่งไว้แต่ประการใดไม่ จำเลยจึงอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นโดยไม่ต้องโต้แย้งไว้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3710/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานในคดีเช็ค: ศาลมีอำนาจหากข้อเท็จจริงเพียงพอ & การยกข้อต่อสู้ความผูกพันเฉพาะบุคคล
ถ้าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว ก็ไม่จำต้องนำสืบพยานหลักฐานใดอีก ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งงดสืบพยานได้ เพื่อให้คดี ดำเนินไปโดยรวดเร็วและยุติธรรม จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยนำเช็คตามฟ้องไปขอแลกเงินสดจากโจทก์และจำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ ทั้งจำเลยไม่เคยรับเงินใด ๆ จากโจทก์ โจทก์มิได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย ความจริงจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทแก่ผู้มีชื่อมิใช่โจทก์และได้ชำระเงินตามเช็คให้แก่ผู้มีชื่อเสร็จสิ้นแล้วคำให้การของจำเลยดังกล่าวไม่มีข้อความตอนใดที่กล่าวว่าโจทก์สมคบกับบุคคลใดฉ้อฉลจำเลย แม้พิเคราะห์คำให้การของจำเลยรวมกันทั้งหมดแล้ว ก็ไม่อาจแปลความหมายได้ว่าโจทก์สมคบกับบุคคลอื่นฉ้อฉลจำเลย จำเลยให้การว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ผู้มีชื่อมิใช่โจทก์ และได้ชำระเงินให้แก่ผู้มีชื่อเสร็จสิ้นแล้ว เท่ากับจำเลยยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 เมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่ได้ยกข้อต่อสู้ว่าโจทก์กับผู้ทรงคนก่อนคบคิดกันฉ้อฉลแล้วจำเลยย่อมถูกต้องห้ามมิให้นำสืบว่าตนไม่ต้องรับผิดตามเช็คพิพาท แม้ข้อเท็จจริงจะเป็นดังที่จำเลยให้การต่อสู้จำเลยก็ยังมีหน้าที่ต้องชำระตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ คำให้การจำเลยไม่ได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่า โจทก์ไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร เป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง จึงไม่เป็นประเด็นที่จะต้องนำสืบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2450/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดก: ผู้จัดการมรดกครอบครองทรัพย์แทนทายาท การงดสืบพยานไม่ชอบ
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกยื่นคำคัดค้าน เมื่อตามคำคัดค้านไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านครอบครองทรัพย์มรดกเพื่อตนเองในฐานะส่วนตัวจึงไม่มีประเด็นว่าผู้คัดค้านครอบครองทรัพย์มรดกเพื่อตนเองหรือไม่ ต้องถือว่าผู้คัดค้านยึดถือครอบครองมรดกไว้แทนทายาทของเจ้ามรดก การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกทั้งหมดตลอดมา ย่อมได้สิทธิครอบครองที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดก จึงเป็นการไม่ชอบ