พบผลลัพธ์ทั้งหมด 195 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาในการกระทำเพื่อตัดสินฐานความผิด
จำเลยกับผู้ตายโต้เถียงทะเลาะกันจำเลยหยิบไม้ได้ในที่แถวนั้น เป็นไม้ฟืนผ่าซีกแบนขนาด 2 นิ้ว ยาว 27 นิ้วครึ่ง ตีผู้ตายถูกกลางศีรษะ 1 ที บาดแผลบวน กว้างยาว 10 เซ็นติเมตรา นูนสูง 3 เซ็นติเมตร ตรงกลางมีรอยแตก 2 เซ็นติเมตร โลหิตไหลซึม รุ่งขึ้นผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2504
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาที่บรรยายทั้งฐานลักทรัพย์และรับของโจร ศาลฎีกาเห็นว่าไม่เคลือบคลุม หากได้ใจความว่าโจทก์ไม่แน่ใจฐานความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องตอนต้นว่า จำเลยลักทรัพย์ ในตอนต่อมาบรรยายว่าจับทรัพย์ได้ที่จำเลย จำเลยจึงลักทรัพย์หรือรับของโจร ทรัพย์รายเดียวกันดังนี้ เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องฐานความผิดไม่ตรงกับพยานหลักฐาน ศาลต้องยกฟ้องแม้จำเลยกระทำผิดจริง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยเรียกเงินจากบุคคลอื่นเพื่อนำมอบให้แก่ตำรวจผู้จะจับเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจตำรวจไม่ให้จับบุคคลอื่น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องตำรวจผู้จะจับใช้จำเลยไปเรียกเงินจากบุคคลอื่น เพื่อจะงดเว้นการจับกุม เมื่อจำเลยไปเรียกเงินก็เป็นผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 เมื่อโจทก์ไม่บรรยายฟ้องฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานทุจริตมา ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะจำเลยเป็นลูกจ้างโรงงานสุรา ไม่ใช่เจ้าพนักงาน ทำให้ไม่อาจลงโทษฐานทุจริตต่อหน้าที่ได้
จำเลยได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติงานในโรงงานสุราสังกัดกรมโรงงานอุตสาหกรรมตามระเบียบข้อบังคับของโรงงานสุรา แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จะเป็นผู้บรรจุแต่งตั้งก็ตาม ไม่ต้องผ่านการสอบคัดเลือก ไม่ต้องรับอนุมัติจาก ก.พ. การถอดถอนหรือให้ออกจากตำแหน่งเป็นไปตามข้อบังคับของโรงงานสุรา ไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการ จำเลยได้รับเงินเดือนจากรายได้ ของโรงงานสุราไม่ได้รับจากงบประมาณแผ่นดิน เมื่อจะออกจากงานก็ไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญ จำเลยทำงานอยู่ในโรงงานสุราโดยมีค่าจ้าง ฐานะของจำเลยเป็นเพียงลูกจ้างของโรงงานสุราเท่านั้น ถือว่า จำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ เมื่อได้ความตามทางพิจารณาในเบื้องต้นว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย และถ้าตามฟ้องก็ไม่อาจจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานอื่นได้เช่นนี้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้เลยทีเดียว ไม่จำเป็นที่จะให้สืบพยานที่เหลือกันต่อไป เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ เมื่อได้ความตามทางพิจารณาในเบื้องต้นว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย และถ้าตามฟ้องก็ไม่อาจจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานอื่นได้เช่นนี้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้เลยทีเดียว ไม่จำเป็นที่จะให้สืบพยานที่เหลือกันต่อไป เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากยักยอกทรัพย์ (มาตรา 353) เป็นเอาทรัพย์ (มาตรา 314) ทำให้การฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้าม
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานยักยอกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 จำเลยยักยอกเงิน 2 ครั้ง ต่างกรรมต่างวาระกัน จำคุกจำเลยกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวม 2 กระทง 5 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานยักยอกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314 ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี
ดังนี้ถือว่าแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2503) (ควรเทียบดูฎีกาที่ 619/2499)
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานยักยอกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314 ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี
ดังนี้ถือว่าแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2503) (ควรเทียบดูฎีกาที่ 619/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาลงโทษฐานบุกรุกและพยายามลักทรัพย์: ศาลต้องพิจารณาจากฟ้องของโจทก์ว่าประสงค์จะลงโทษฐานใด
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหะสถานและพยายามลักทรัพย์ด้วย ดังนี้ จะลงโทษฐานบุกรุกและพยายามลักทรัพย์ได้หรือไม่ ต้องพิจารณาฟ้องของโจทก์เป็นสำคัญว่า โจทก์มีความประสงค์จะขอให้ลงโทษฐานพยายามลักทรัพย์ฐานเดียวหรือฐานบุกรุกด้วย.
อัตราโทษจำคุกอย่างสูงฐานบุกรุกตามมาตรา 365 ย่อมมีโทษหนักกว่าอัตราโทษอย่างสูงฐานพยายามลักทรัพย์ตามมาตรา 335 วรรค 2 ประกอบด้วยมาตรา 80.
อัตราโทษจำคุกอย่างสูงฐานบุกรุกตามมาตรา 365 ย่อมมีโทษหนักกว่าอัตราโทษอย่างสูงฐานพยายามลักทรัพย์ตามมาตรา 335 วรรค 2 ประกอบด้วยมาตรา 80.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานบุกรุกและพยายามลักทรัพย์: ศาลต้องพิจารณาจากฟ้องของโจทก์เพื่อลงโทษฐานใดฐานหนึ่ง
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหะสถานและพยายามลักทรัพย์ด้วยดังนี้ จะลงโทษฐานบุกรุกและพยายามลักทรัพย์ได้หรือไม่ต้องพิจารณาฟ้องของโจทก์เป็นสำคัญว่า โจทก์มีความประสงค์จะขอให้ลงโทษฐานพยายามลักทรัพย์ฐานเดียวหรือฐานบุกรุกด้วย
อัตราโทษจำคุกอย่างสูงฐานบุกรุกตามมาตรา 365 ย่อมมีโทษหนักกว่าอัตราโทษอย่างสูงฐานพยายามลักทรัพย์ตามมาตรา 335 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 80
อัตราโทษจำคุกอย่างสูงฐานบุกรุกตามมาตรา 365 ย่อมมีโทษหนักกว่าอัตราโทษอย่างสูงฐานพยายามลักทรัพย์ตามมาตรา 335 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานกรรโชก: การข่มขู่ให้ผู้อื่นให้เงิน ถือเป็นความผิดสำเร็จ แม้ยังไม่ได้รับเงิน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันและพิพากษาลงโทษจำเลยฐานกรรโชก จำเลยฎีกาว่า ตามข้อเท็จจริงเช่นว่านั้น ต้องเป็นผิดฐานชิงทรัพย์ ไม่ใช่ฐานกรรโชกดังโจทก์ฟ้อง ต้องยกฟ้องเพราะทางพิจารณาต่างกับฟ้อง แม้จำเลยจะไม่ได้ยกข้อกฎหมายที่ว่านี้ขึ้นในชั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ก็ไม่ต้องห้ามฎีกา เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ผู้เสียหายถูกจำเลยขู่จนยอมรับจะให้เงินตามที่จำเลยข่มขืนใจเอาแล้ว ย่อมครบองค์แห่งความผิดฐานกรรโชกแล้วทุกประการ จำเลยจะได้รับเงินตามที่ผู้เสียหายรับปากให้แล้วหรือยัง หาใช่สาระขององค์ความผิดฐานนี้ไม่ และการที่จำเลยถูกตำรวจจับเสียก่อนที่จะได้รับเงินจากผู้เสียหายก็ไม่เป็นเหตุให้การกระทำของจำเลยกลายเป็นอยู่ในขั้นพยายามกระทำผิดไปได้
ผู้เสียหายถูกจำเลยขู่จนยอมรับจะให้เงินตามที่จำเลยข่มขืนใจเอาแล้ว ย่อมครบองค์แห่งความผิดฐานกรรโชกแล้วทุกประการ จำเลยจะได้รับเงินตามที่ผู้เสียหายรับปากให้แล้วหรือยัง หาใช่สาระขององค์ความผิดฐานนี้ไม่ และการที่จำเลยถูกตำรวจจับเสียก่อนที่จะได้รับเงินจากผู้เสียหายก็ไม่เป็นเหตุให้การกระทำของจำเลยกลายเป็นอยู่ในขั้นพยายามกระทำผิดไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1190/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากเด็กจากผู้ปกครอง: จำเลยในฐานะลูกจ้างนำเด็กไปฝากบุคคลอื่นโดยอ้างว่าเป็นบุตรตนเองเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 317
จำเลยเป็นลูกจ้าง มีหน้าที่เป็นคนครัวซักเสื้อผ้าและอื่นๆ ภายในบ้าน ถ้ามีเวลาว่างจึงช่วยดูแลเด็ก จำเลยได้นำเด็กอายุ10 เดือน ซึ่งเป็นลูกของนายจ้างไปฝากผู้มีชื่อไว้โดยจำเลยอ้างว่าเป็นบุตรของจำเลยเอง เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการพรากเด็กไปเสียจากผู้ปกครองตามมาตรา 317 ส่วน มาตรา 306,307 เป็นเรื่องทอดทิ้งเด็กไว้ ไม่ใช่การพาไปหรือพรากไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากปล้นทรัพย์เป็นชิงทรัพย์เมื่อจำนวนผู้กระทำผิดไม่ตรงตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลย(สองคน) สมคบกันปล้นโคของเจ้าทรัพย์ไป ทางพิจารณาได้ความว่า ผู้ร้าย 3 คน ร่วมกันกระทำผิดรายนี้ ก็ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ไม่ได้ ต้องลงโทษฐานชิงทรัพย์ ตาม มาตรา 339