พบผลลัพธ์ทั้งหมด 115 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: การใส่ความต่อบุคคลที่ 3 และการดูหมิ่นผู้พิพากษา
หนังสือใส่ความผู้อื่นนั้น แม้จะส่งไปถึงนายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว ก็ถือว่าใส่ความต่อบุคคลที่ 3 ตามมาตรา 326 แห่ง ประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา และได้ร่วมเป็นองค์คณะตัดสินคดีที่ทำให้จำเลยแพ้และจำเลยได้กล่าวข้อความซึ่งเป็นการดูหมิ่น โจทก์ในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ย่อมเป็นความผิดต่อมาตรา 198ประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา และได้ร่วมเป็นองค์คณะตัดสินคดีที่ทำให้จำเลยแพ้และจำเลยได้กล่าวข้อความซึ่งเป็นการดูหมิ่น โจทก์ในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ย่อมเป็นความผิดต่อมาตรา 198ประมวลกฎหมายอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 388/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวคำหยาบคายต่อหน้าธารกำนัล ไม่ถึงขั้นดูหมิ่น แต่เข้าข่ายทำให้เดือดร้อน
ถ้อยคำที่จำเลยร้องตะโกนกล่าววาจา แก่ผู้เสียหายซึ่งหน้าและต่อหน้าธารกำนัลในเวลากลางคืนว่า อ้ายชั้น มึงหากูความอาญาหรือ ลูกกะโปกกูไม่หด กูลูกนางจักร์ โว้ย ไม่ใช่ลูกบ้านน้ำเค็ม จะเอายังไงก็เอาชีวะ จะเอาอ้ายแจะติดคุกก็ได้ นั้น เป็นข้อความที่หยาบคายไม่สุภาพ แต่ไม่มีข้อความอันเป็นการดูหมิ่นนายชั้นผู้เสียหาย จึงไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา 393 แต่ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวประกอบกับวิธักล่าวและเวลาที่จำเลยกล่าวย่อมทำให้นายชั้นผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนรำคาญ จึงเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 388/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นซึ่งหน้า vs. ความเดือดร้อนรำคาญ: ถ้อยคำหยาบคายไม่ถึงดูหมิ่น แต่สร้างความเดือดร้อนได้
ถ้อยคำที่จำเลยร้องตะโกนกล่าววาจาแก่ผู้เสียหายซึ่งหน้าและต่อหน้าธารกำนัลในเวลากลางคืนว่า'อ้ายชั้นมึงหากูความอาญาหรือลูกกะโปกกูไม่หดกูลูกนางจักร์โว้ยไม่ใช่ลูกบ้านน้ำเค็มจะเอายังไงก็เอาซีวะจะเอาอ้ายแจะติดคุกก็ได้' นั้นเป็นข้อความที่หยาบคายไม่สุภาพ แต่ไม่มีข้อความอันเป็นการดูหมิ่นนายชั้นผู้เสียหาย จึงไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 แต่ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวประกอบกับวิธีกล่าวและเวลาที่จำเลยกล่าว ย่อมทำให้นายชั้นผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนรำคาญ จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา397 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 272-273/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นซึ่งหน้า: ถ้อยคำที่มีนัยยะทางเพศถือเป็นการดูหมิ่น แม้จะมีความผิดพลาดในการใช้คำ
จำเลยเป็นชายพูดต่อหน้าผู้เสียหายซึ่งเป็นภริยาผู้ใหญ่บ้านว่า เมียผู้ใหญ่บ้านนี้แต่งตัวสวยน่าอยากล่ำสักที ซึ่งหมายความว่า ผู้เสียหายแต่งตัวสวยอยากเย็ดสักทีนั้น คำที่จำเลยกล่าว และวิธีที่จำเลยกล่าว ฟังได้ว่า เป็นการดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งหน้าแล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 272-273/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นซึ่งหน้า: ถ้อยคำมีความหมายในเชิงชู้สาว แม้มีการสะกดผิดเล็กน้อย ก็ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
จำเลยเป็นชายพูดต่อหน้าผู้เสียหายซึ่งเป็นภริยาผู้ใหญ่บ้านว่า 'เมียผู้ใหญ่บ้านนี้แต่งตัวสวยน่าอยากล่ำสักที'ซึ่งหมายความว่าผู้เสียหายแต่งตัวสวยอยากเย็ดสักทีนั้นคำที่จำเลยกล่าว และวิธีที่จำเลยกล่าว ฟังได้ว่าเป็นการดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งหน้าแล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2505
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ด้วยถ้อยคำหยาบคายและเหยียดหยาม
การที่จำเลยไม่หลีกทางให้รถยนต์ ตำรวจซึ่งบีบแตรขอทางเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ทั้งยังกล่าวว่า "รถยนต์ตำรวจกลัวแม่มันหยัง" ซึ่งหมายความว่า รถยนต์ตำรวจกลัวแม่มันทำไม นั้น นอกจากจะเป็นคำหยาบคาย ไม่สมควรกล่าวต่อเจ้าพนักงานผู้กำลังกระทำตามหน้าที่แล้ว ยังเป็นถ้อยคำกล่าวเหยียดหยาบดูถูกดูหมิ่นโดยเกลียดชังเจ้าพนักงานขณะกำลังกระทำการตามหน้าที่ด้วย ย่อมเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นด้วยถ้อยคำข่มขู่ต่อสามเณร ถือเป็นการดูหมิ่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 393
ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อสามเณรสองรูป ซึ่งหน้าเพราะเหตุที่ใช้ไปขอเทียนจากพระภิกษุรูปหนึ่งไม่ได้ ว่า "ถ้าไม่ไปเดี๋ยวกูจะเตะลงกุฎิให้หมด" นั้น เป็นถ้อยคำที่จำเลยกล่าวแก่บุคคลที่ประชาชนทั่วไปถือว่าควรเคารพกว่าบุคคลธรรมดา ฉะนั้น จึงไม่แต่เพียงจะเป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพและข่มขู่เท่านั้น หากเป็นการดูหมิ่นตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 ด้วย
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2504
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นผู้อื่นโดยใช้ถ้อยคำข่มขู่ต่อผู้ที่ควรเคารพ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อสามเณรสองรูปซึ่งหน้า เพราะเหตุที่ใช้ไปขอเทียนจากพระภิกษุรูปหนึ่งไม่ได้ ว่า'ถ้าไม่ไปเดี๋ยวกูจะเตะลงกุฏิให้หมด' นั้นเป็นถ้อยคำที่จำเลยกล่าวแก่บุคคลที่ประชาชนทั่วไปถือว่าควรเคารพกว่าบุคคลธรรมดา ฉะนั้น จึงไม่แต่เพียงจะเป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพและข่มขู่เท่านั้น หากเป็นการดูหมิ่นตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ด้วย(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1183/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวหาเจ้าพนักงานลักทรัพย์โดยไม่เป็นความจริงเข้าข่ายดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
ตำรวจจับจำเลยขณะลักเล่นการพนัน จำเลยพูดว่า ตำรวจล้วงเอาเงินส่วนตัวในกระเป๋าของจำเลยไป พูดซ้ำกันหลายครั้ง โดยไม่เป็นความจริง ดังนี้เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือเพราะกระทำตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำขาดเจตนาดูหมิ่นธงชาติ แม้สวมใส่ถุงเท้าสีคล้ายธงชาติ ก็ไม่ถือว่าผิดตาม พ.ร.บ.ธง
จำเลยซื้อถุงเท้าซึ่งวางขายโดยมิได้นึกคิดว่าคล้ายสีธงชาติไทยสรวมปรากฎตัวในที่สาธารณะสถาน เพียงเท่านี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาดูหมิ่นต่อธงชาติไทยการกระทำของจำเลยขาดเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.43 จึงไม่เป็นผิดตาม พ.ร.บ. ธง