คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ตัวแทน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,182 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9496/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิส่งออกกับการรับผิดในค่าขนส่ง: จำเลยที่ 1 เป็นคู่สัญญาโดยตรง ไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยที่ 4
สินค้าที่โจทก์ขนส่งไปประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 เป็นผู้ติดต่อตกลงในการขนส่งกับโจทก์ จำเลยที่ 1 จึงเป็นคู่สัญญากับโจทก์ การที่จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุมัติโควตามอบโควตาให้จำเลยที่ 1 ส่งสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปออกไปประเทศสหรัฐอเมริกา อีกต่อหนึ่ง เป็นการโอนสิทธิในการส่งออกให้จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ เป็นการตั้งให้จำเลยที่ 1 มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 4 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797 วรรคหนึ่ง จำเลยที่ 1จึงไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยที่ 4 จำเลยที่ 4 ไม่ต้องรับผิดในค่าขนส่ง ต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8831/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีรับขนของทางทะเล, การเป็นตัวแทนรับขน, และการฟ้องผิดสัญญากับมูลละเมิด
โจทก์สั่งซื้อเครื่องตกแต่งหินแกรนิต จำนวน 2 ชุด จากบริษัทซ.ประเทศอิตาลี โจทก์ว่าจ้างจำเลยติดต่อขนส่งสินค้าดังกล่าวมาประเทศไทย จำเลยติดต่อบริษัทอินเตอร์ คอสเพ็ด จำกัด ประเทศอิตาลี บริษัทอินเตอร์ คอสเพ็ด จำกัดประเทศอิตาลี จ้างจำเลยร่วม ขนส่งสินค้าที่โจทก์สั่งซื้อจากประเทศอิตาลีมาประเทศไทยปรากฏว่าสินค้าของโจทก์ได้รับความเสียหายเมื่อปรากฏว่า จำเลยประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนหรือนายหน้าในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจำเลยมิได้ประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเอง จำเลยได้ยื่นจดทะเบียนเสียภาษีเป็นตัวแทนนายหน้ากับกรมสรรพากร บริษัทตัวแทนจะมีหน้าที่ในการติดต่อผู้ซื้อและผู้ขาย เพื่อนำสินค้าส่งต่อให้แก่ผู้ขนส่ง ในการรับสินค้าทางบริษัทตัวแทนจะออกใบเฮ้าส์บิล ออฟเลดดิ้ง เพื่อแสดงว่าได้รับสินค้าตามจำนวนและส่งให้แก่ผู้ขนส่งและผู้ขนส่งจะออกหลักฐานเป็นบิลออฟเลดดิ้ง หรือใบตราส่ง จำเลยจึงเป็นตัวแทนผู้ส่ง ไม่ใช่ผู้ขนส่งหรือผู้ร่วมขนส่งเรือ พ.ของจำเลยร่วมที่ 2 เดินทางมาถึงท่าเรือบริษัท ด. ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์2535 โจทก์ได้รับมอบสินค้าเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2535 ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่ พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 ใช้บังคับจึงต้องนำ ป.พ.พ.มาตรา 624มาใช้บังคับตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ.มาตรา 4 วรรคสอง ปรากฏว่าจำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยร่วมทั้งสองเข้ามาเป็นคู่ความในคดีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2536ซึ่งเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี นับแต่วันส่งมอบสินค้าคดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามป.พ.พ.มาตรา 624
โจทก์ฎีกาว่า สินค้าของโจทก์ได้รับความเสียหายอันเนื่องมาจากความประมาทปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในมูลละเมิด เมื่อจำเลยร่วมทั้งสองถูกเรียกเข้ามาเป็นคู่ความ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2536 ต้องถือว่าโจทก์ทราบถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่ 25 มีนาคม 2536คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยยกข้ออ้างอันเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงข้อเดียวว่า จำเลยต้องรับผิดในมูลหนี้ผิดสัญญารับขนของ หาได้ใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดแต่อย่างใดไม่ ฎีกาของโจทก์ข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8831/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีรับขนของทางทะเล, การเป็นตัวแทนรับขน และขอบเขตการฎีกา
โจทก์สั่งซื้อเครื่องตกแต่งหินแกรนิต จำนวน 2 ชุด จากบริษัท ซ. ประเทศอิตาลี โจทก์ว่าจ้างจำเลยติดต่อขนส่งสินค้าดังกล่าวมาประเทศไทยจำเลยติดต่อบริษัทอินเตอร์คอสเพ็ด จำกัด ประเทศอิตาลี บริษัทอินเตอร์คอสเพ็ด จำกัด ประเทศอิตาลี จ้างจำเลยร่วม ขนส่งสินค้า ที่โจทก์สั่งซื้อจากประเทศอิตาลีมาประเทศไทย ปรากฏว่าสินค้า ของโจทก์ได้รับความเสียหาย เมื่อปรากฏว่าจำเลยประกอบธุรกิจ เป็นตัวแทนหรือนายหน้าในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ จำเลย มิได้ประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเอง จำเลยได้ยื่น จดทะเบียนเสียภาษีเป็นตัวแทนนายหน้ากับกรมสรรพากร บริษัทตัวแทนจะมีหน้าที่ในการติดต่อผู้ซื้อและผู้ขายเพื่อนำสินค้าส่งต่อให้แก่ ผู้ขนส่ง ในการรับสินค้าทางบริษัทตัวแทนจะออกใบเฮ้าส์บิลออฟเลดดิ้งเพื่อแสดงว่าได้รับสินค้าตามจำนวนและส่งให้แก่ผู้ขนส่งและผู้ขนส่ง จะออกหลักฐานเป็นบิลออฟเลดดิ้ง หรือใบตราส่ง จำเลยจึงเป็น ตัวแทนผู้ส่ง ไม่ใช่ผู้ขนส่งหรือผู้ร่วมขนส่ง
เรือ พ. ของจำเลยร่วมที่ 2 เดินทางมาถึงท่าเรือบริษัท ด. ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2535 โจทก์ได้รับมอบสินค้าเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์2535 ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่พระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534ใช้บังคับจึงต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624มาใช้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 4 วรรคสอง จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยร่วมทั้งสอง เข้ามาเป็นคู่ความในคดีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2536 ซึ่งเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี นับแต่วันส่งมอบสินค้า คดีของโจทก์จึงขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624
ที่โจทก์ฎีกาว่า สินค้าของโจทก์ได้รับความเสียหายอันเนื่องมาจากความประมาทปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในมูลละเมิด เมื่อจำเลยร่วมทั้งสองถูกเรียกเข้ามาเป็นคู่ความเมื่อวันที่ 25มีนาคม 2536 ต้องถือว่าโจทก์ทราบถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่ 25 มีนาคม 2536 คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความนั้น คดีนี้โจทก์ฟ้องโดยยกข้ออ้างอันเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงข้อเดียวว่าจำเลยต้องรับผิดในมูลหนี้ผิดสัญญารับขนของ หาได้ใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดแต่อย่างใดไม่ ฎีกาของโจทก์จึงเป็น ข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7854/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับเช็คในฐานะตัวแทน โจทก์ยังเป็นผู้ทรงโดยชอบตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาท เป็นเช็คขีดคร่อมเฉพาะระบุชื่อ ช.เป็นผู้รับเงินเพื่อเป็นการชำระหนี้ค่าเสียหายแก่โจทก์โดยมีจำเลยที่ 2เป็นผู้สลักหลังการที่ ช. นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีเงินฝากของ ช. เพื่อเรียกเก็บเงินแทนโจทก์เพราะโจทก์ไม่มีบัญชีเงินฝาก เป็นการที่ ช.ยึดถือเช็คพิพาทแทนโจทก์เท่านั้น เมื่อโจทก์เป็นผู้มีเช็คพิพาทไว้ในครอบครองโดยโจทก์เป็นผู้มีสิทธิรับเงินตามเช็คพิพาทโจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7168/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมการบริษัทร่วมรับผิดในหนี้จากการทำสัญญา แม้จะอ้างเป็นเพียงตัวแทน
แม้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จะเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยที่ 1 ก็มิได้หมายความว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จะทำนิติกรรมใด ๆ เป็นส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ 1 ไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันจ้างโจทก์ผลิตเครื่องปรับอากาศ ชิ้นส่วนอะไหล่ของเครื่องปรับอากาศ แล้วผิดสัญญาไม่ชำระค่าจ้าง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระค่าจ้างแก่โจทก์ แม้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จะให้การว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 เป็นเพียงกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวแต่ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ทนายจำเลยทั้งสี่แถลงรับข้อเท็จจริงว่าเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องจริง คำแถลงของทนายจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวเป็นการสละข้อต่อสู้ในคำให้การ โดยรับข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสี่เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันจ้างโจทก์ผลิตเครื่องปรับอากาศ ชิ้นส่วนอะไหล่ของเครื่องปรับอากาศ และยังค้างชำระค่าจ้างจำนวนตามฟ้อง จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6631/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของตัวแทนและตัวการต่างประเทศในการขนส่งทางทะเล และการประเมินค่าเสียหายจากสินค้าที่ส่งมอบล่าช้า
ป.พ.พ. มาตรา 824พ.ร.บ. การขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 มาตรา 41(2), 48, 52(13),
58, 60

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5545/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของตัวการและตัวแทน กรณีรถกอล์ฟชนผู้เล่น
จำเลยที่ 1 ทำงานเป็นแคดดี้อยู่ในสนามกอล์ฟของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ได้ขับรถกอล์ฟบรรทุกผู้เล่นกอล์ฟชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บที่เข่าซ้ายและหลังเท้าซ้ายจำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ดูแลครอบครอง เพราะการใช้รถคันเกิดเหตุจะต้องผ่านการซื้อบัตรรถกอล์ฟโดยตรงจากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงได้รับประโยชน์ส่วนแบ่งเป็นค่าเช่าจากผู้เล่นกอล์ฟ และแม้การที่จำเลยที่ 1 ขับรถคันเกิดเหตุจะมิใช่หน้าที่โดยตรงของจำเลยที่ 1 แต่ก็ถือได้ว่าเป็นหน้าที่ส่วนหนึ่งที่จำเลยที่ 2 มอบหมายให้ทำ จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทน ของจำเลยที่ 2 ในด้านบริการแก่ผู้เล่นกอล์ฟ จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวการจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5133/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัยต้องมีเจตนาตรงกันและตัวแทนต้องมีอำนาจ การรับคำขอประกันภัยเบื้องต้นยังไม่ถือเป็นสัญญา
สัญญาประกันภัยนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคแรกกฎหมายมิได้กำหนดแบบแห่งนิติกรรมไว้ เพียงแต่บังคับให้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือตัวแทนเป็นสำคัญ มิฉะนั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีมิได้สัญญาประกันภัยจึงเกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงเจตนาทำคำเสนอคำสนองถูกต้องตรงกัน
ส. ผู้จัดการสาขาของจำเลยมิใช่เป็นตัวแทนผู้มีอำนาจทำสัญญาประกันภัยแทนจำเลย ไม่มีอำนาจรับประกันภัย แต่ ส. ต้องส่งเรื่องไปให้บริษัทจำเลยสำนักงานใหญ่เพื่อให้บริษัทรับการประกันภัยและคุ้มครองรถ ฝ่ายรับประกันภัยของบริษัทก็มีหน้าที่ตรวจดูเอกสารต่าง ๆ ว่าเข้าเงื่อนไขในการรับประกันภัยหรือไม่ หากถูกต้องก็จะออกกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยต่อไป คำขอเอาประกันภัยรถยนต์เป็นเพียงคำเสนอขอเอาประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันพิพาทที่โจทก์เสนอต่อจำเลยเท่านั้น
การที่ ส. ผู้จัดการสาขาจำเลย รับคำขอเอาประกันภัยดังกล่าวไว้จากโจทก์ผู้เอาประกันภัยก็เพียงแต่เพื่อส่งให้แก่บริษัทจำเลย สำนักงานใหญ่ พิจารณาว่า จะรับประกันภัยได้หรือไม่เท่านั้น หากพิจารณาแล้วรับประกันภัยได้ บริษัทจำเลยสำนักงานใหญ่ก็จะออกกรมธรรม์ประกันภัยให้ผู้เอาประกันภัยต่อไป การที่ ส. รับคำขอเอาประกันภัยของโจทก์ไว้เพื่อส่งให้แก่บริษัทจำเลย สำนักงานใหญ่ จึงมิใช่เป็นคำสนองรับประกันภัยของจำเลย เมื่อคำเสนอดังกล่าว บริษัทจำเลยสำนักงานใหญ่ เพิ่งได้รับเมื่อเวลาหลังจากที่รถยนต์บรรทุกคันพิพาทได้เกิดเหตุไปแล้ว ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้มีคำสนองตอบรับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันพิพาทเมื่อใด จึงฟังไม่ได้ว่า ขณะที่รถยนต์บรรทุกคันพิพาทเกิดอุบัติเหตุ จำเลยได้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้แล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5011/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนโรงงานแปรรูปไม้: ความรับผิดชอบในการจัดทำบัญชีและการดูแลกิจการตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนดที่ไม่จัดทำบัญชีรับและจำหน่ายไม้แปรรูป บัญชีรับและจำหน่ายสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามให้ถูกต้องตามความจริงอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 58 ประกอบด้วยมาตรา 73 ทวิ เป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษสำหรับผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือผู้รับใบอนุญาตให้ค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้าม จำเลยเป็นเพียงตัวแทนดูแลกิจการโรงงานแปรรูปไม้ที่เกิดขึ้นของผู้รับอนุญาต จำเลยจึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือผู้รับใบอนุญาตให้ค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใด บรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามประการหนึ่ง กับเมื่อผู้รับอนุญาตซึ่งเป็นตัวการได้มอบอำนาจให้จำเลยตัวแทนมีอำนาจเฉพาะสั่งให้คนงานหรือผู้รับจ้างหยุดทำการแปรรูปไม้ หยุดขนหรือเคลื่อนย้ายไม้เมื่อได้รับคำสั่งจากพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ อำนวยความสะดวก ตอบข้อซักถาม และรับทราบคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ทำการตรวจสอบกิจการที่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ ลงนามในหนังสือกำกับไม้แปรรูปและลงนามในคำขอใบเบิกทางเพื่อขอนำไม้เคลื่อนที่ และลงนามในหนังสือกำกับสิ่งประดิษฐ์และลงนามในคำขอประทับรอยตราประจำต่อหนังสือกำกับสิ่งประดิษฐ์ติดต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้กับโรงงานแปรรูปไม้ ตามที่ระบุไว้ในหนังสือตั้งตัวแทนเท่านั้นอันมีลักษณะเป็นกรณีที่จำเลยตัวแทนได้รับมอบอำนาจแต่เฉพาะการ จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชีรับและจำหน่ายไม้แปรรูป บัญชีรับและจำหน่ายสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใด บรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนดดังนี้ แม้จำเลยไม่ได้จัดทำบัญชีดังกล่าว จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนดอันเป็นความผิดตามมาตรา 58 ประกอบด้วยมาตรา 73 ทวิ และตามข้อกำหนดฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2532) ออกตามความในพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ว่าด้วยการควบคุมการแปรรูปไม้ ข้อ 14 ระบุว่า ผู้รับอนุญาตต้องอยู่ดูแลกิจการแปรรูปไม้ด้วยตนเอง หากไม่อาจอยู่ดูแลกิจการด้วยตนเองได้ต้องจัดให้มีตัวแทนเป็นลายลักษณ์อักษรตามแบบที่อธิบดีกรมป่าไม้กำหนด เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบคำถามแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ และวรรคสามระบุว่า หากฝ่าฝืนให้สั่งพักใช้ใบอนุญาต ตามข้อกำหนดดังกล่าวมีความหมายเพียงว่า ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตไม่อาจอยู่ดูแลกิจการแปรรูปไม้ด้วยตนเองได้ ต้องจัดให้มีตัวแทนเพื่ออำนวยความสะดวกและตอบคำถามแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หากผู้รับอนุญาตฝ่าฝืนไม่จัดให้มีตัวแทนเพื่อการดังกล่าวไว้ก็ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งพักใช้ใบอนุญาตของผู้รับอนุญาตได้เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5011/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนโรงงานแปรรูปไม้ไม่มีหน้าที่จัดทำบัญชีตามกฎหมาย ผู้รับอนุญาตต่างหากที่มีหน้าที่
ความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนดที่ไม่จัดทำบัญชีรับและจำหน่ายไม้แปรรูป บัญชีรับและจำหน่ายสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามให้ถูกต้องตามความจริงอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 58 ประกอบด้วยมาตรา 73 ทวิ เป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษสำหรับผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือผู้รับใบอนุญาตให้ค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้าม จำเลยเป็นเพียงตัวแทนดูแลกิจการโรงงานแปรรูปไม้ที่เกิดขึ้นของผู้รับอนุญาต จำเลยจึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือผู้รับใบอนุญาตให้ค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใด บรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามประการหนึ่ง กับเมื่อผู้รับอนุญาตซึ่งเป็นตัวการได้มอบอำนาจให้จำเลยตัวแทนมีอำนาจเฉพาะสั่งให้คนงานหรือผู้รับจ้างหยุดทำการแปรรูปไม้หยุดขนหรือเคลื่อนย้ายไม้เมื่อได้รับคำสั่งจากพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ อำนวยความสะดวก ตอบข้อซักถาม และรับทราบคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ทำการตรวจสอบกิจการที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ลงนามในหนังสือกำกับไม้แปรรูปและลงนามในคำขอใบเบิกทางเพื่อขอนำไม้เคลื่อนที่ และลงนามในหนังสือกำกับสิ่งประดิษฐ์และลงนามในคำขอประทับรอยตราประจำต่อหนังสือกำกับสิ่งประดิษฐ์ติดต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้กับโรงงานแปรรูปไม้ ตามที่ระบุไว้ในหนังสือตั้งตัวแทนเท่านั้น อันมีลักษณะเป็นกรณีที่จำเลยตัวแทนได้รับมอบอำนาจแต่เฉพาะการ จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชีรับและจำหน่ายไม้แปรรูป บัญชีรับและจำหน่ายสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใด บรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนดดังนี้ แม้จำเลยไม่ได้จัดทำบัญชีดังกล่าว จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนดอันเป็นความผิดตามมาตรา 58ประกอบด้วยมาตรา 73 ทวิ และตามข้อกำหนดฉบับที่ 18(พ.ศ.2532) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ว่าด้วยการควบคุมการแปรรูปไม้ ข้อ 14 ระบุว่า ผู้รับอนุญาตต้องอยู่ดูแลกิจการแปรรูปไม้ด้วยตนเอง หากไม่อาจอยู่ดูแลกิจการด้วยตนเองได้ต้องจัดให้มีตัวแทนเป็นลายลักษณ์อักษรตามแบบที่อธิบดีกรมป่าไม้กำหนด เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบคำถามแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ และวรรคสามระบุว่า หากฝ่าฝืนให้สั่งพักใช้ใบอนุญาต ตามข้อกำหนดดังกล่าวมีความหมายเพียงว่า ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตไม่อาจอยู่ดูแลกิจการแปรรูปไม้ด้วยตนเองได้ ต้องจัดให้มีตัวแทนเพื่ออำนวยความสะดวกและตอบคำถามแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หากผู้รับอนุญาตฝ่าฝืนไม่จัดให้มีตัวแทนเพื่อการดังกล่าวไว้ก็ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งพักใช้ใบอนุญาตของผู้รับอนุญาตได้เท่านั้น
of 119