คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บังคับจำนอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 247 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7279/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับจำนองกรณีผู้รับโอนที่ดินพิพาทโดยไม่ทราบการจำนองเดิม โจทก์ไม่ต้องบอกกล่าว
ผู้ร้องรับโอนที่พิพาทโดยเข้าครอบครองทำประโยชน์และรับโอนทางทะเบียนตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)ซึ่งออกทับที่พิพาทซ้ำกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับที่โจทก์รับจำนองและยึดถือไว้ โดยโจทก์ไม่ทราบมาก่อน จึงไม่มีทางที่โจทก์จะมีจดหมายบอกกล่าวแก่ผู้ร้องล่วงหน้าก่อนบังคับจำนองได้ การที่ผู้ร้องรับโอนที่พิพาทมาในลักษณะดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นผู้รับโอนทรัพย์ซึ่งจำนองตามความมุ่งหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 735 โจทก์จึงไม่ต้องบอกกล่าวแก่ผู้ร้องล่วงหน้าก่อนบังคับจำนอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7279/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับจำนองและการบอกกล่าวผู้รับโอนทรัพย์สิน: ผู้รับโอนที่ดินโดยเข้าครอบครองทำประโยชน์ ไม่ถือเป็นผู้รับโอนตามประมวลกฎหมายแพ่ง
ผู้ร้องรับโอนที่พิพาทโดยเข้าครอบครองทำประโยชน์และรับโอนทางทะเบียนตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ซึ่งออกทับที่พิพาทซ้ำกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับที่โจทก์รับจำนองและยึดถือไว้ โดยโจทก์ไม่ทราบมาก่อนจึงไม่มีทางที่โจทก์จะมีจดหมายบอกกล่าวแก่ผู้ร้องล่วงหน้าก่อนบังคับจำนองได้ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองตามความมุ่งหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 735 โจทก์จึงไม่ต้องบอกกล่าวแก่ผู้ร้องล่วงหน้าก่อนบังคับจำนอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7203/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี ต่ออายุสัญญา การบอกกล่าวบังคับจำนอง ดอกเบี้ยทบต้น และฟ้องไม่เคลือบคลุม
คำฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์ 3 ครั้ง แต่ละครั้งกำหนดวงเงิน อัตราดอกเบี้ย วิธีคิดดอกเบี้ยจากเงินที่ค้างชำระ ซึ่งมีการเดินสะพัดทางบัญชีตลอดมาจนพ้นกำหนดเวลาถึงวันฟ้อง มียอดหนี้ที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระแก่โจทก์คำฟ้องจึงไม่เคลือบคลุม ส่วนยอดเงินมีความเป็นมาอย่างไรดอกเบี้ยอัตราเท่าไร และคิดดอกเบี้ยแบบไหนเป็นรายละเอียดซึ่งนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความว่า โจทก์ไม่ประสงค์ที่จะให้จำเลยที่ 1 เดินสะพัดทางบัญชีอีกต่อไป จึงได้ให้ทนายความมีหนังสือบอกเลิกสัญญาและบอกกล่าวบังคับจำนอง แสดงว่าโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองตามหนังสือบอกกล่าวของทนายความเป็นการบอกกล่าวในนามของโจทก์ ถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 โจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองโดยชอบแล้ว เมื่อสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีครบกำหนด จำเลยที่ 1 ยังคงเบิกเงินเกินบัญชีและนำเงินเข้าฝากหักทอนบัญชี จึงถือว่ามีการต่ออายุสัญญาออกไปโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาจนกว่าโจทก์หรือจำเลยที่ 1จะบอกเลิกสัญญา โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นจนถึงวันเลิกสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3532/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกกล่าวบังคับจำนองชอบด้วยกฎหมายแม้ผู้รับแจ้งย้ายที่อยู่และไม่มีหลักฐานที่อยู่ใหม่
โจทก์ส่งคำบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังบ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 5 ที่ 6 ตามที่ปรากฏในสัญญาจำนอง สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านทางไปรษณีย์ แต่ไม่มีผู้รับตามจ่าหน้า ส.ทนายโจทก์ขอคัดสำเนาทะเบียนบ้าน ปรากฏว่าจำเลยที่ 5 ที่ 6 แจ้งย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 35ถนนราชวิถี แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เมื่อ ส.ขอคัดสำเนาทะเบียน-บ้านเลขที่ 35 เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนเขตดุสิตแจ้งว่าไม่มีบ้านเลขที่ดังกล่าว แม้ส.จะยื่นคำร้องขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 35 หลังจากโจทก์ประกาศบอกกล่าวบังคับจำนองทางหนังสือพิมพ์ก็เข้าใจได้แล้วว่าในช่วงระหว่างวันที่จำเลยที่ 5 ที่ 6แจ้งย้ายออกจากบ้านภูมิลำเนาเดิมถึงวันที่ ส. ยื่นคำร้องไม่มีบ้านเลขที่ 35 ตั้งอยู่บนถนนราชวิถี แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร การบอกกล่าวบังคับจำนองโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3532/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกกล่าวบังคับจำนองชอบด้วยกฎหมายแม้จำเลยย้ายที่อยู่และไม่สามารถส่งถึงได้ โดยการประกาศทางหนังสือพิมพ์
โจทก์ส่งคำบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังบ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 5 ที่ 6 ตามที่ปรากฏในสัญญาจำนองสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านทางไปรษณีย์แต่ไม่มีผู้รับตามจ่าหน้า ส.ทนายโจทก์ขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านปรากฏว่าจำเลยที่ 5 ที่ 6 แจ้งย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 35 ถนนราชวิถีแขวงจิตรลดาเขตดุสิตกรุงเทพมหานครเมื่อส.ขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 35 เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนเขตดุสิตแจ้งว่าไม่มีบ้านเลขที่ดังกล่าว แม้ส.จะยื่นคำร้องขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 35 หลังจากโจทก์ประกาศบอกกล่าวบังคับจำนองทางหนังสือพิมพ์ก็เข้าใจได้แล้วว่าในช่วงระหว่างวันที่จำเลยที่ 5ที่ 6 แจ้งย้ายออกจากบ้านภูมิลำเนาเดิมถึงวันที่ ส. ยื่นคำร้องไม่มีบ้านเลขที่ 35 ตั้งอยู่บนถนนราชวิถีแขวงจิตรลดาเขตดุสิตกรุงเทพมหานคร การบอกกล่าวบังคับจำนองโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับจำนองต้องฟ้องผู้รับโอนทรัพย์สิน ผู้รับโอนไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ไม่มีสิทธิยึด
ผู้ร้องเป็นผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองมาก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ การที่โจทก์เพียงแต่บอกกล่าวบังคับจำนองไปยังผู้ร้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 735 โดยมิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วยนั้น จึงไม่ใช่เป็นการบังคับจำนองที่ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ในป.พ.พ. มาตรา 728 เมื่อผู้ร้องไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงไม่มีสิทธิยึดที่ดินของผู้ร้องได้ เพราะการบังคับคดีตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 278 นั้น จะต้องเป็นกรณีที่โจทก์อ้างว่าทรัพย์ที่จะบังคับคดีเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อโจทก์รับว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นของผู้ร้องมิใช่ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเช่นนี้ จึงต้องปล่อยทรัพย์พิพาทที่ยึดไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4250/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกกล่าวบังคับจำนองโดยชอบตามกฎหมาย: ภูมิลำเนา, การส่งทางไปรษณีย์, และการให้สัตยาบัน
โจทก์มิได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยทางหนังสือพิมพ์แต่เพียงอย่างเดียว แต่โจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับก่อนแล้ว การบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับนั้น โดยส่งไปยังจำเลยที่บ้านเลขที่ 10/82 แขวงบางแคเหนือ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามที่ปรากฏในหนังสือสัญญาจำนองที่ดินและสัญญากู้เงินที่จำเลยให้ไว้แก่โจทก์การที่จำเลยย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 126/59 แขวงบางขุนเทียน เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2530 นั้น จำเลยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบแต่อย่างใด ทั้งเป็นการย้ายไปภายหลังที่โจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแล้ว บ้านเลขที่ 10/82จึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลยในขณะโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองเมื่อโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ แต่พนักงานไปรษณีย์ส่งให้ไม่ได้จึงทำใบแจ้งสั่งให้จำเลยไปรับไว้ และครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ไปรับ อันเป็นการส่งตามทางการถือว่าจำเลยได้รับคำบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว การที่โจทก์มอบอำนาจให้ ธ.ทนายความบอกกล่าวบังคับจำนองมิได้ทำเป็นหนังสือ เมื่อ ธ. ได้บอกกล่าวบังคับจำนองไปในนามของโจทก์ และโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองดังกล่าวแล้วย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 823 วรรคหนึ่ง และถือได้ว่าโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3855/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับจำนองจากผู้จำนองที่ดินเพื่อประกันการทำงานของลูกหนี้ แม้หนี้ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องบังคับจำนองแก่จำเลยที่ 2 ผู้จำนองที่ดินไว้กับโจทก์เพื่อเป็นประกันความเสียหายอันเกิดขึ้นแก่โจทก์ผู้รับจำนองจากการกระทำของจำเลยที่ 1 คดีจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยในศาลชั้นต้นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องคือมีสิทธิบังคับจำนองแก่จำเลยที่ 2 ได้หรือไม่การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า แม้ฟ้องโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่งแต่ก็หาตัดสิทธิโจทก์ในฐานะผู้รับจำนองที่จะบังคับชำระหนี้อันเกิดจากความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นตามสัญญาจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 189(เดิม) และมาตรา 745ไม่นั้น เป็นการวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิบังคับจำเลยแก่จำเลยที่ 2ได้ จึงไม่เป็นการวินิจฉัยในประเด็นที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นแต่อย่างใด จำเลยที่ 2 ได้นำที่ดินตามฟ้องของจำเลยที่ 2 มาจำนองเป็นประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ไว้แก่โจทก์ตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดินและสัญญาว่าหากจำเลยที่ 1 ก่อความเสียหายขึ้นแก่โจทก์ จำเลยที่ 2ยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ในวงเงินไม่เกิน 60,000 บาทจำเลยที่ 2 จึงมิใช่มีฐานะเป็นเพียงผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 เท่านั้นแต่เป็นผู้จำนองที่ดินตามฟ้องไว้แก่โจทก์เพื่อประกันหนี้ที่จำเลยที่ 1 อาจก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์ด้วย ดังนั้นโจทก์ในฐานะผู้รับจำนองจึงมีสิทธิที่จะบังคับชำระหนี้นั้นจากทรัพย์สินที่จำนอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 189(เดิม)(มาตรา 193/27 ใหม่)และมาตรา 745 ได้ไม่ว่าหนี้ที่ค้ำประกันนั้นจะขาดอายุความหรือไม่ จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า โจทก์ยอมผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1ด้วยการทำสัญญารับสภาพหนี้โดยจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมรู้เห็นยินยอมด้วย จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700 ทั้งถือได้ว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้แปลงหนี้ใหม่ โดยจำเลยที่ 2 ไม่รู้เห็นหรือยินยอมด้วยจำเลยที่ 2 จึงหลุดพ้นความรับผิด ฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 977/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักบัญชีนอกเงื่อนไขสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี, วงเงินค้ำประกัน, และการบอกกล่าวบังคับจำนอง
การบอกกล่าวบังคับจำนองตาม ป.พ.พ. มาตรา 728 นั้น ไม่จำต้องบอกกล่าววิธีบังคับจำนองไปในคำบอกกล่าวด้วย คำขอเปิดบัญชีของจำเลยที่ 1 มีข้อความว่า "ถ้าข้าพเจ้า บริษัทมีหนี้สินความรับผิดชอบต่อธนาคารไม่ว่าจะเป็นหนี้สินความรับผิดชอบประเภทใด ธนาคารมีสิทธิหักบัญชีของข้าพเจ้า/บริษัท ได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า" ถือได้ว่าตามข้อตกลงนี้ จำเลยที่ 1 ยอมให้โจทก์หักบัญชีมิใช่เฉพาะแต่เงินในบัญชีเท่านั้นดังนั้นแม้ในบัญชีของจำเลยที่ 1 จะไม่มีเงิน โจทก์อาจนำหนี้สินอื่นมาหักจากบัญชีของจำเลยที่ 1 ได้ สัญญาค้ำประกัน ข้อ 1 มีว่า "เนื่องในการที่ธนาคาร ยอมให้ผู้เบิกเงินเกินบัญชีเบิกเงินจากธนาคารตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเป็นจำนวน 2,000,000 บาท นั้น ผู้ค้ำประกันยอมเข้าค้ำประกันการชำระหนี้รวมทั้งดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีที่กล่าวแล้วจนกว่าธนาคารจะได้รับชำระหนี้โดยสิ้นเชิง และทั้งนี้ผู้ค้ำประกันตกลงผูกพันชำระหนี้ของลูกหนี้ที่มีอยู่แล้วต่อธนาคารก่อนสัญญานี้ด้วย" ข้อความดังกล่าวนี้แจ้งชัดว่า จำเลยที่ 2ถึงที่ 6 มิได้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ในวงเงินจำกัดเพียง 2,000,000บาท เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 977/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม, หักบัญชีเกินวงเงิน, สัญญาค้ำประกัน, บังคับจำนอง: ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
การพิจารณาว่าฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ ต้องพิจารณาจากการบรรยายฟ้องเท่านั้น ไม่ต้องเอาทางนำสืบมาพิจารณาด้วย คำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 1 ระบุให้โจทก์นำหนี้สินความรับผิดชอบไม่ว่าประเภทใด ๆ มาหักบัญชีได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เป็นข้อตกลงที่จำเลยที่ 1ยอมให้โจทก์หักบัญชีมิใช่เฉพาะแต่เงินในบัญชีเท่านั้น ถึงแม้ในบัญชีของจำเลยที่ 1 ไม่มีเงิน โจทก์ก็อาจนำหนี้สินอื่นมาหักจากบัญชีได้ ปัญหาว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 เพียงใด เป็นการบังคับตามสัญญาค้ำประกันที่โจทก์กล่าวอ้างและนำสืบ แม้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 จะไม่ยกขึ้นว่ากล่าวต่อสู้ ศาลก็จะต้องยกขึ้นวินิจฉัยให้อยู่แล้ว และถึงแม้ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้โดยไม่ย้อนสำนวน คำบอกกล่าวบังคับจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 728 ไม่จำต้องบอกกล่าววิธีบังคับจำนองไปในคำบอกกล่าวด้วย คำแก้ฎีกาจะขอให้ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กำหนดให้ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนน้อยเกินไปไม่ได้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 25