พบผลลัพธ์ทั้งหมด 195 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขับรถประมาท แข่งรถบนถนนสาธารณะ เสี่ยงอันตราย ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส
รถยนต์โดยสารสองคันแล่นตามกันมา คันหนึ่งขอทางจะแซงขึ้นหน้าอีกคันหนึ่งไม่ยอมกลับเร่งความเร็วขึ้นเพื่อแกล้งรถยนต์คันที่ขอทางรถยนต์ทั้งสองคันจึงได้แล่นแข่งกันมาด้วยความเร็วสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดในถนนซึ่งแคบและเป็นทางโค้ง เป็นการเสี่ยงต่ออันตราย รถยนต์คันขอทางเฉี่ยวกับรถยนต์บรรทุกคันหนึ่งซึ่งจอดแอบข้างทางแล้วเซไปปะทะกับรถยนต์คันที่แข่งกันมานั้นตกถนนพลิกคว่ำ คนโดยสารได้รับอันตรายถึงสาหัส ต้องถือว่า คนขับรถยนต์โดยสารทั้งสองคันนั้นกระทำโดยประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับเรือทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ การพิสูจน์ความรุนแรงของบาดแผลเพื่อลงโทษฐานทำร้ายร่างกายสาหัส
ประมาททำให้เขาแขนหักรักษาประมาณ 30 วันหายนั้น ยังไม่ถือเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
ฟ้องว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส กระดูกปลายแขนซ้ายหัก และทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20วัน แต่มิได้นำสืบ ให้ปรากฏว่าผู้เสียหายต้องทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วันอย่างไร ก็ลงโทษจำเลยฐานทำให้รับอันตรายสาหัสไม่ได้
ฟ้องว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส กระดูกปลายแขนซ้ายหัก และทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20วัน แต่มิได้นำสืบ ให้ปรากฏว่าผู้เสียหายต้องทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วันอย่างไร ก็ลงโทษจำเลยฐานทำให้รับอันตรายสาหัสไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถเร็วและการพิพากษาแก้โทษฐานประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถโดยประมาทโดยความเร็วสูงเกินอัตราที่กำหนดไว้ จนรถตกถนนพลิกหงายท้อง ทำให้คนโดยสารบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกและประมวลกฎหมายอาญา ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยขับรถเร็วเกินอัตราเท่านั้น พิพากษาลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกให้ปรับจำเลย 100 บาท ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำโดยประมาททำให้คนโดยสารบาดเจ็บด้วย พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ด้วย ให้จำคุก 1 ปี นอกนั้นคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ว่า การที่รถจำเลยตกถนนพลิกหงายท้องนั้น มิได้เกิดจากความประมาทของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถแซงบนสะพานแคบ ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ความตาย
จำเลยขับรถยนต์โดยสารซึ่งกว้างถึง 2 เมตรเศษ โดยไม่ใช้ความระมัดระวัง แซงขึ้นหน้ารถกะบะลากเข็นและรถจักรยานสองล้อบนสะพานซึ่งกว้างประมาณ 6 เมตรพอที่รถยนต์สองคันจะหลีกกันได้เท่านั้น เมื่อมีรถยนต์อื่นวิ่งสวนขึ้นสะพานมา จำเลยจึงเบนรถกลับเข้าไปโดนรถจักรยานสองล้อซึ่งผู้ตายขับขี่อยู่ล้มลง ผู้ตายบาดเจ็บและต่อมาถึงแก่ความตาย เช่นนี้ นับว่าจำเลยกระทำโดยประมาทตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตค่าสินไหมทดแทนในคดีละเมิด: ค่าเสียหายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบาดเจ็บและทรัพย์สินสูญหายเท่านั้น
ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในกรณีละเมิด(อุบัติเหตุทางรถยนต์โดยสาร)นั้น รวมถึงค่ารักษาพยาบาลบาดแผล ค่าประสาทพิการ ค่าสิ่งของที่สูญหายไประหว่างสลบ แต่ไม่รวมถึงค่าที่ต้องขาดการเรียนแล้วสอบไล่ตกและค่าเล่าเรียนที่เสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินความร้ายแรงของการบาดเจ็บเพื่อกำหนดความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
ผู้บาดเจ็บถูกฟันศีรษะ 1 ทีและถูกแทงหลัง 1 ที ต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 15 วัน แพทย์ก็ให้กลับและให้ไปโรงพยาบาลทุก 3 วัน เพราะประสาทยังไม่ปกติ ไปโรงพยาบาลอีก 3 ครั้ง แล้วขอยามารักษาที่บ้าน เพราะต้องเดินทางไกลสะเทือนสมอง เพียงเท่านี้ไม่ปรากฎอาการใดที่จะถือเป็นทุกขเวทนา เกินกว่า 20 วัน ถือว่ายังไม่เป็นอันตรายสาหัส
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้มีผู้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 3 จำเลยที่ 1 ผู้เดียวฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าบาดเจ็บนั้นไม่ถึงสาหัสจึงเป็นผิดเพียงตาม มาตรา 340 วรรค 2 ซึ่งมีโทษเบากว่า แม้จำเลยอื่นจะมิได้ฎีกา ก็เป็นเหตุในลักษณะคดี ย่อมมีผลตลอดถึงจำเลยอื่นด้วย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้มีผู้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 3 จำเลยที่ 1 ผู้เดียวฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าบาดเจ็บนั้นไม่ถึงสาหัสจึงเป็นผิดเพียงตาม มาตรา 340 วรรค 2 ซึ่งมีโทษเบากว่า แม้จำเลยอื่นจะมิได้ฎีกา ก็เป็นเหตุในลักษณะคดี ย่อมมีผลตลอดถึงจำเลยอื่นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายด้วยอาวุธจนถึงแก่ความตาย ถือเป็นเจตนาฆ่า
ไม้ที่จำเลยตีผู้เสียหาย ยาว 5 ฟุต โคนโต 10 นิ้วตอนกลางและปลายโต 8 นิ้วครึ่ง อันเป็นอาวุธอาจใช้ทำร้ายถึงตายได้แม้จำเลยจะตีเพียงทีเดียวก็ตีอย่างแรงจนกระโหลกศีรษะแตก ผู้เสียหายล้มลงไม่ได้สติ พูดไม่ได้ ลุกไม่ขึ้นต่อมา 2 วันผู้เสียหายตายเพราะบาดแผลที่ถูกตี ต้องถือว่าจำเลยฆ่าผู้เสียหายตายโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเปรียบเทียบของพนักงานสอบสวนในคดีทำร้ายร่างกาย: ประเด็นบาดแผลถึงบาดเจ็บและการยินยอม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ถึงบาดเจ็บ แต่พนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบปรับจำเลยโดยไม่มีอำนาจทำได้ เพราะบาดแผลของโจทก์ถึงบาดเจ็บ จำเลยต่อสู้ว่า บาดแผลของโจทก์ไม่ถึงบาดเจ็บ พนักงานสอบสวนมีอำนาจเปรียบเทียบได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปแล้ว ดังนี้ ประเด็นเรื่องการสอบสวนจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อยู่ที่บาดแผลของโจทก์ถึงบาดเจ็บหรือไม่ ถ้าบาดแผลของโจทก์ถึงบาดเจ็บเป็นความผิดตามมาตรา 254 พนักงานสอบสวนก็ไม่มีอำนาจเปรียบเทียบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า บาดแผลของโจทก์ไม่ถึงบาดเจ็บ การเปรียบเทียบชอบด้วยกฎหมายแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์กลับไปวินิจฉัยว่า ผู้เสียหายและผู้ต้องหาไม่ได้ให้ความยินยอมในการเปรียบเทียบ ๆ จึงใช้ไม่ได้ ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า บาดแผลของโจทก์ไม่ถึงบาดเจ็บ การเปรียบเทียบชอบด้วยกฎหมายแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์กลับไปวินิจฉัยว่า ผู้เสียหายและผู้ต้องหาไม่ได้ให้ความยินยอมในการเปรียบเทียบ ๆ จึงใช้ไม่ได้ ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเปรียบเทียบความผิดทำร้ายร่างกายขึ้นอยู่กับบาดแผลถึงขั้นบาดเจ็บหรือไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ถึงบาดเจ็บ แต่พนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบปรับจำเลยโดยไม่มีอำนาจทำได้เพราะบาดแผลของโจทก์ถึงบาดเจ็บจำเลยต่อสู้ว่า บาดแผลของโจทก์ไม่ถึงบาดเจ็บ พนักงานสอบสวนมีอำนาจเปรียบเทียบได้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปแล้วดังนี้ ประเด็นเรื่องการสอบสวนจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อยู่ที่บาดแผลของโจทก์ถึงบาดเจ็บหรือไม่ ถ้าบาดแผลของโจทก์ถึงบาดเจ็บเป็นความผิดตามมาตรา 254 พนักงานสอบสวนก็ไม่มีอำนาจเปรียบเทียบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า บาดแผลของโจทก์ไม่ถึงบาดเจ็บ การเปรียบเทียบชอบด้วยกฎหมายแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปแล้วแต่ศาลอุทธรณ์กลับไปวินิจฉัยว่าผู้เสียหายและผู้ต้องหาไม่ได้ให้ความยินยอมในการเปรียบเทียบ การเปรียบเทียบจึงใช้ไม่ได้ ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า บาดแผลของโจทก์ไม่ถึงบาดเจ็บ การเปรียบเทียบชอบด้วยกฎหมายแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปแล้วแต่ศาลอุทธรณ์กลับไปวินิจฉัยว่าผู้เสียหายและผู้ต้องหาไม่ได้ให้ความยินยอมในการเปรียบเทียบ การเปรียบเทียบจึงใช้ไม่ได้ ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลสาหัสจากการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาโทษฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต
ได้ความว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายถึง 2 แห่งคือที่แขนและที่น่าอก บาดแผลทั้ง 2 แห่งนี้ปรากฏว่าระยะการรักษาเพียง 15 วันแผลตกนะเก็ดลุกขึ้นลงเรือนได้ แต่ได้ความว่าบาดแผลนี้รักษาอยู่ 23 วันยังไม่หายดี ระหว่างรักษาตัวทำการงานอะไรไม่ได้ เมื่อเบิกความเป็นพยานครั้งหลังจากเกิดเหตุ 2 เดือน 4 วัน หายใจรู้สึกเสียวที่น่าอกยังทำการงานอะไรไม่ได้ เช่นนี้ถือว่าเป็นบาดแผลสาหัสต้องตาม ม.256 ก.ม.อาญา ไม่ใช่บาดเจ็บธรรมดาตาม ม.254 ก.ม.อาญา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยพยายามฆ่าคนโดยเจตนา ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตาม ม.254 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าหรือทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ดังนี้เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าบาดแผลถึงสาหัสและฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าก็ย่อมจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายบาดเจ็บสาหัสตาม ม.256 ได้.
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยพยายามฆ่าคนโดยเจตนา ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตาม ม.254 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าหรือทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ดังนี้เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าบาดแผลถึงสาหัสและฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าก็ย่อมจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายบาดเจ็บสาหัสตาม ม.256 ได้.