พบผลลัพธ์ทั้งหมด 176 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1677/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดเกินอำนาจ การกระทำไม่เป็นความผิด
ประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตาม พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรแต่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันรายได้ของเทศบาลและป้องกันสวัสดิภาพของประชาชนนั้นเป็นประกาศซึ่งปราศจากอำนาจและนอกเหนือกฎหมายผู้ฝ่าฝืนหามีความผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1677/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดขาดอำนาจหากมีวัตถุประสงค์เกินขอบเขตของ พรบ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร การกระทำจึงไม่เป็นความผิด
ประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตาม พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรแต่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันรายได้ของเทศบาลและป้องกันสวัสดิภาพของประชาชนนั้นเป็นประกาศซึ่งปราศจากอำนาจและนอกเหนือกฎหมายผู้ฝ่าฝืนหามีความผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคณะกรรมการส่วนจังหวัดในการออกประกาศห้ามขายเนื้อกระบือ: พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490
คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควร ไม่มีอำนาจออกประกาศโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 ห้ามมิให้ผู้ใดขายเนื้อกระบือโดยมิได้รับอนุญาต ( อ้างฎีกาที่ 1417/2493 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลบังคับของประกาศทางปกครองหลังข้าราชการผู้ลงนามย้าย: ประกาศยังใช้บังคับได้
แม้ข้าหลวงประจำจังหวัดผู้ลงชื่อในประกาศควบคุมฯ จะย้ายไปรับราชการที่อื่น ประกาศนั้นก็ไม่ยกเลิก ยังใช้บังคับได้อยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 735/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความประกาศสมุหเทศาภิบาลเทียบกับ พ.ร.บ.การประมง และการริบของกลางจากการประมงผิดกฎหมาย
คำว่า " ปลา" ก็ดี "วังหาดทรายสูง" ก็ดี ที่ปรากฎในประกาศสมุหเทศาภิบาลมณฑลอุบลราชธานีฉะบับลงวันที่ 20 กันยายน 2462 มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า "สัตว์น้ำ" และ "ที่จับสัตว์น้ำ" ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 และประกาศของสมุหเทศาภิบาลดังกล่าวยังใช้บังคับได้
ของกลางที่ใช้ในการจับสัตว์น้ำในที่รักษาพืชพันธุ์สัตว์น้ำ ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ.การประมงที่แก้ไขใหม่บังคับ ให้ริบเสียทั้งสิ้น.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2497)
ของกลางที่ใช้ในการจับสัตว์น้ำในที่รักษาพืชพันธุ์สัตว์น้ำ ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ.การประมงที่แก้ไขใหม่บังคับ ให้ริบเสียทั้งสิ้น.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฝ่าฝืนประกาศควบคุมราคาน้ำมัน แม้ขายไม่ถึงปริมาณที่กำหนด
ประกาศของคณะกรรมการฯ กำหนดไม่ให้ขายน้ำมันเบ็นซินเกินกว่าถังละ 32 บาท(ถังหนึ่งมี 20 ลิตร) แม้จำเลยขายน้ำมันเบ็นซินไม่ถึง 20 ลิตรก็ตาม แต่จำเลยขายไปเป็นปีบมีจำนวนน้ำมัน 19 ลิตรและขายไปในราคา 34 บาทดังนี้ ย่อมแสดงให้เห็นชัดว่าจำเลยมีเจตนาฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการฯลฯ จึงต้องมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 มาตรา 17
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521-1522/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลบังคับของกฎหมายป่าไม้: การประกาศและการคัดลอก
พระราชกฤษฎีกา หรือประกาศรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดขึ้นตามบทแห่ง พระราชบัญญัติป่าไม้นั้นต้องคัดสำเนาประกาศไว้ ณที่ว่าการอำเภอและที่ทำการกำนันหรือที่สาธารณสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องจึงจะมีผลบังคับได้ ถ้ามิได้มีการปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ดังกล่าวก็ไม่มีผลบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความข้อกำหนดในฟ้องและประกาศท้ายฟ้องเพื่อกำหนดความผิดฐานใช้เครื่องมือประมงที่ห้าม
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยทำการประมงโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยใช้เครื่องมือที่ห้ามเด็ดขาดตามประกาศท้ายฟ้อง แต่เมื่อปรากฎว่าตามประกาศท้ายฟ้องนั้นมิได้มีกำหนดห้ามเครื่องมือที่อ้างนั้น ว่าเป็นเครื่องมือที่ห้ามเด็ดขาด ดังนี้แม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง ก็จะฟังว่าจำเลยกระทำผิดฐานใช้เครื่องมือที่ห้ามโดยเด็ดขาดไม่ได้ เพราะต้องถือประกาศท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วยจำเลยจึงคงมีความผิดตาม พ.ร.บ.การประมง 2490 มาตรา 18-62 ไม่ใช่ผิดตามมาตรา 32-65 ฉะนั้นการริบเครื่องมือของกลางจึงอยู่ในดุลยพินิจของศาลตามมาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมงผิดกฎหมาย: ประกาศท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง การพิพากษาต้องอ้างอิงตามประกาศที่ถูกต้อง
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยทำการประมงโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยใช้เครื่องมือที่ห้ามเด็ดขาดตามประกาศท้ายฟ้อง แต่เมื่อปรากฏว่าตามประกาศท้ายฟ้องนั้นมิได้มีกำหนดห้ามเครื่องมือที่อ้างนั้น ว่าเป็นเครื่องมือที่ห้ามเด็ดขาดดังนี้แม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง ก็จะฟังว่าจำเลยกระทำผิดฐานใช้เครื่องมือที่ห้ามโดยเด็ดขาดไม่ได้ เพราะต้องถือประกาศท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วย จำเลยจึงคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติการประมง 2490 มาตรา 18,62 ไม่ใช่ผิดตามมาตรา 32,65 ฉะนั้นการริบเครื่องมือของกลางจึงอยู่ในดุลพินิจของศาลตามมาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เจตนาในความผิดฐานยักย้ายข้าว การที่จำเลยทราบประกาศห้ามขนย้ายเป็นองค์ความผิด โจทก์ต้องพิสูจน์
ความผิดฐานยักย้ายข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการสำรวจและกักกันข้าวนั้น การที่จำเลยได้ทราบประกาศของคณะกรรมการฯลฯหรือไม่ ย่อมเป็นองค์ความผิดอยู่ด้วย ฉะนั้นในฟ้องจะต้องกล่าวไว้ด้วยว่าจำเลยได้ทราบประกาศของคณะกรรมการฯลฯนั้นแล้วและได้ประพฤติฝ่าฝืนโดยประกาศใดมิฉะนั้นจะเป็นฟ้องที่ขาดองค์ความผิด ไม่ชอบด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158(5)
อนึ่งเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดและมิได้รับว่าได้ทราบประกาศนี้แล้ว เช่นนี้ ย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศดังแล้ว มิฉะนั้นจะเอาผิดแก่จำเลยไม่ได้ เพราะประกาศเช่นนี้แม้จะได้ประกาศในหนังสือราชกิจจาก็เป็นประกาศธรรมดา ไม่มีกฎหมายสนับสนุนหรือให้อำนาจให้มีผลเสมือนหนึ่งเป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึ่งปฏิเสธไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 1176/2492)
อนึ่งเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดและมิได้รับว่าได้ทราบประกาศนี้แล้ว เช่นนี้ ย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศดังแล้ว มิฉะนั้นจะเอาผิดแก่จำเลยไม่ได้ เพราะประกาศเช่นนี้แม้จะได้ประกาศในหนังสือราชกิจจาก็เป็นประกาศธรรมดา ไม่มีกฎหมายสนับสนุนหรือให้อำนาจให้มีผลเสมือนหนึ่งเป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึ่งปฏิเสธไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 1176/2492)