พบผลลัพธ์ทั้งหมด 257 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1183/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมและการใช้ดุลพินิจศาลในการรับฟังพยานหลักฐาน
โจทก์ทั้งสามยื่นบัญชีระบุพยานครั้งแรกก่อนวันสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อนไม่น้อยกว่า 3 วันแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่ง ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะฟ้องคดีนี้ โจทก์ทั้งสามชอบที่จะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมก่อนเสร็จการสืบพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์ได้เสมอตามมาตรา 88 วรรคสอง ศาลชั้นต้นจะใช้ดุลพินิจไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมซึ่งยื่นภายในกำหนดเวลาดังกล่าวไม่ได้ บทบัญญัติมาตรา 86 วรรคหนึ่ง ที่ให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับพยานหลักฐานที่รับฟังไม่ได้หรือที่รับฟังได้แต่ได้ยื่นฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เป็นคนละกรณีกับการยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ทั้งสาม ส่วนบทบัญญัติมาตรา 86 วรรคสองที่ให้ศาลมีอำนาจงดการสืบพยานหลักฐานที่ศาลเห็นว่าฟุ่มเฟือยเกินสมควรหรือประวิงให้ชักช้าหรือไม่เกี่ยวกับประเด็น เป็นขั้นตอนภายหลังที่คู่ความได้ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานเช่นว่านั้นโดยชอบแล้ว จึงเป็นคนละกรณีกับการยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ทั้งสามอีกเช่นกัน และเมื่อศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ทั้งสาม ก็ไม่ชอบที่ศาลชั้นต้นจะก้าวล่วงไปวินิจฉัยประเด็นที่ว่าโจทก์ทั้งสามมีพฤติการณ์ประวิงคดีให้ชักช้าหรือไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาและคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ทั้งสามระบุพยานเพิ่มเติมและให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ทั้งสาม กับให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ทั้งสามจนแล้วเสร็จต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตอนต้นยังไม่ถูกต้องเพราะเมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ทั้งสามแล้ว ศาลชั้นต้นยังมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสามที่เห็นว่าเป็นพยานหลักฐานที่ฟุ่มเฟือยเกินสมควรหรือประวิงให้ชักช้าหรือไม่เกี่ยวกับประเด็นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสอง และถ้ามีการสืบพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสามต่อไป ก็ต้องให้โอกาสจำเลยนำพยานหลักฐานเข้าสืบแก้ได้ด้วย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาในคำพิพากษาฉบับแรกให้ยกคำพิพากษาและคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ทั้งสามระบุพยานเพิ่มเติมและให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ทั้งสามแล้วคดีในส่วนที่จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาฉบับหลังก็ต้องมีการรับฟังพยานหลักฐานใหม่ตามที่โจทก์ทั้งสามและจำเลยนำสืบเพิ่มเติมต่อไปด้วยเพราะคดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับหลังที่ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยไม่ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2943/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตเลื่อนคดี: ศาลพิจารณาเจตนาประวิงคดีของจำเลยได้
ข้ออ้างของจำเลยในเรื่องทนายความของจำเลยติดว่าความที่ศาลอื่นเป็นข้ออ้างที่ไม่ควรรับฟังให้เลื่อนคดีเพราะจำเลยทราบกำหนดนัดพิจารณาของศาลล่วงหน้าก่อนแล้ว ทั้งปรากฏว่าในวันสืบพยานจำเลยนัดก่อนซึ่งจำเลยขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าจำเลยที่ 3 ป่วย ศาลได้กำชับว่าในนัดหน้าให้จำเลยเตรียมพยานมาให้พร้อมและสืบให้เสร็จในนัดเดียวจะไม่ให้เลื่อนคดีอีก ที่จำเลยแถลงไม่ติดใจนำสืบจำเลยทั้งหมดยกเว้นจำเลยที่ 1 และพยานประเด็นอื่น ก็ไม่ใช่เหตุผลอันควรให้จำเลยขอเลื่อนคดีได้เช่นกัน นอกจากนี้ประเด็นในเรื่องการคิดคำนวณดอกเบี้ย จำเลยก็มิได้กล่าวแก้ไว้ให้ชัดเจน ที่ศาลล่างทั้งสองพิเคราะห์เห็นความไม่สุจริตในการดำเนินคดีของจำเลยที่มีลักษณะประวิงคดีให้ล่าช้ามากกว่าเหตุอื่นจึงไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีนั้น ชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1963/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานนอกประเด็น และการประวิงคดีในคดีแพ่ง
จำเลยทั้งสองให้การแต่เพียงว่า ไม่เคยขายตั๋วสัญญาใช้เงินกับโจทก์ไม่เคยทำสัญญาใด ๆ กับโจทก์ เอกสารท้ายคำฟ้องเป็นเอกสารปลอม จำเลยทั้งสองมิได้ให้การต่อสู้เกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ย หรือการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ถูกต้องหรือผิดแบบประเพณีการค้าแต่อย่างใด การที่จำเลยทั้งสองขอให้ส่งประเด็นไปสืบผู้จัดการธนาคารแห่งประเทศไทยสาขาขอนแก่นในเรื่องการคิดดอกเบี้ยและวิธีการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงิน จึงเป็นการขอสืบพยานนอกประเด็น พฤติการณ์ของจำเลยเห็นได้ชัดว่าเป็นการประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานดังกล่าวจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1963/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานนอกประเด็นและการประวิงคดีในคดีซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงิน
จำเลยทั้งสองให้การแต่เพียงว่า ไม่เคยขายตั๋วสัญญาใช้เงิน กับโจทก์ไม่เคยทำสัญญาใด ๆ กับโจทก์ เอกสารท้ายคำฟ้องเป็นเอกสารปลอมจำเลยทั้งสองมิได้ให้การต่อสู้เกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ย หรือการ ซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ถูกต้องหรือผิดแบบประเพณีการค้า แต่อย่างใด การที่จำเลยทั้งสองขอให้ส่งประเด็นไปสืบ ผู้จัดการธนาคารแห่งประเทศไทยสาขาขอนแก่น ในเรื่องการคิดดอกเบี้ย และวิธีการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงิน จึงเป็นการขอสืบพยานนอกประเด็น พฤติการณ์ของจำเลยเห็นได้ชัดว่าเป็นการประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้น สั่งงดสืบพยานดังกล่าวจึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีเพื่อประวิงเวลา และการไม่อนุญาตเลื่อนคดีเมื่อพฤติการณ์บ่งชี้ถึงเจตนาประวิงคดี
ในวันนัดสืบพยานโจทก์สี่นัดแรก ศาลอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีเพื่อเจรจากับโจทก์ ครั้นวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งสุดท้าย จำเลยขอเลื่อนคดีอีกโดยอ้างว่า ทนายติดว่าความที่ศาลอื่น ทั้ง ๆ ที่ทนายจำเลยเป็นคนกำหนดวันนัดไว้เองซึ่งหากตรงกับวันนัดในคดีนี้ก็ไม่ควรนัดให้ซ้อนกัน ประกอบกับในวันนัดสืบพยานจำเลยอีก 2 นัดจำเลยก็ขอเลื่อนคดีอีก และในวันนัดสืบพยานจำเลยในนัดต่อมาจำเลยและทนายก็ไม่มาศาลอีก จึงยิ่งทำให้เห็นว่าจำเลยขอเลื่อนคดีในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดสุดท้ายก็เพื่อประวิงคดีเท่านั้น ศาลจึงชอบที่จะไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6003/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการงดสืบพยาน โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล
วันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก โจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างเหตุตัวโจทก์ป่วย ในวันนัดที่สองคู่ความขอเลื่อนอ้างว่าคดีมีทางตกลงกันได้ ศาลอนุญาตโดยมีคำสั่งกำชับว่านัดหน้าหากตกลงกันไม่ได้ให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อมสืบ และโจทก์ไม่ได้แถลงต่อศาลว่าโจทก์มีนัดอยู่ก่อนแล้วไม่อาจมาศาลในวันนัดได้ เมื่อถึงวันนัดโจทก์ขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่ามีกิจธุระซึ่งนัดไว้ก่อนแล้ว ทั้งไม่นำพยานปากอื่นมาสืบ แสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่นำพาต่อคำสั่งศาลดังกล่าว พฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์ประวิงคดี ศาลมีอำนาจงดสืบพยานโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6003/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการงดสืบพยาน: ศาลมีอำนาจงดสืบพยานโจทก์เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและมีพฤติการณ์ประวิงคดี
วันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก โจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างเหตุตัวโจทก์ป่วย ในวันนัดที่สองคู่ความขอเลื่อนอ้างว่าคดีมีทางตกลงกันได้ศาลอนุญาตโดยมีคำสั่งกำชับว่านัดหน้าหากตกลงกันไม่ได้ให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อมสืบ และโจทก์ไม่ได้แถลงต่อศาลว่าโจทก์มีนัดอยู่ก่อนแล้วไม่อาจมาศาลในวันนัดได้ เมื่อถึงวันนัดโจทก์ ขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่ามีกิจธุระซึ่งนัดไว้ก่อนแล้ว ทั้งไม่นำ พยาน ปาก อื่นมาสืบ แสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่นำพาต่อคำสั่งศาล ดังกล่าว พฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์ประวิงคดี ศาลมีอำนาจงดสืบพยาน โจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4070/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกเฉยต่อการดำเนินคดีและการประวิงคดี ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและงดสืบพยาน
ศาลอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีไปครั้งหนึ่ง โดยกำชับจำเลย ให้เตรียมพยานมาให้พร้อมเพื่อให้สืบทั้งหมดในวันนัด หากพยานฝ่ายใดไม่มาศาลจะถือว่าฝ่ายนั้นไม่ติดใจสืบพยาน เมื่อถึงวันนัดทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่าจำเลยติดธุระจำเป็นที่กรุงเทพมหานครอันเป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอยทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุจำเป็นอัน ไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และจำเลยมิได้แสดงให้เป็นที่พอใจของ ศาลว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม ดังบัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคแรก พฤติการณ์ของจำเลย ดังกล่าวส่อแสดงว่า จำเลยเพิกเฉยไม่สนใจในการดำเนินคดีของตน เป็นการประวิงคดี ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และงดสืบพยาน จำเลยเสียได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3831/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลที่งดสืบพยาน การประวิงคดี และการใช้ดุลพินิจของศาล
ตามรายงานกระบวนพิจารณาบันทึกว่าศาลสั่งงดสืบพยานจำเลยเมื่อเวลา 9.30 น. ต่อมาวันเดียวกันเวลา 14.45 น. ทนายจำเลยยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งดังกล่าว ศาลสั่งรวมสำนวน ถือว่าจำเลยได้โต้แย้งคำสั่งศาลแล้วจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งได้ จำเลยเคยขอเลื่อนคดีมา 2 นัดแล้ว นัดแรกจำเลยอ้างว่าป่วยครั้นถึงวันนัดที่สอง จำเลยไม่ได้เตรียมพยานอื่นมา ศาลได้ให้โอกาสจำเลยเลื่อนคดีนัดที่สองไปโดยกำชับให้จำเลยนำพยานที่จะสืบทั้งหมดมาศาลในวันนัดและเลื่อนคดีไปเป็นเวลาหนึ่งเดือนเศษ จำเลยยังไม่นำพยานมาศาลในวันนัดถือว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดีศาลจึงชอบที่จะไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและงดสืบพยานจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาประวิงคดีและการรอการลงโทษจำคุก พิจารณาจากพฤติการณ์ชำระหนี้และประวัติผู้ต้องหา
ศาลชั้นต้นให้โอกาสจำเลยหาเงินมาชำระหนี้ตามเช็คพิพาทแก่โจทก์โดยเลื่อนการฟังคำพิพากษาไปนาน 2 เดือน แต่จำเลยไม่ชำระในวันนัดฟังคำพิพากษาโจทก์จำเลยไม่สามารถตกลงกันได้ จำเลยขอเลื่อนคดีไปอีกเพื่อรวบรวมเงินมาชำระหนี้โจทก์ โจทก์คัดค้านศาลชั้นต้นสั่งให้รอฟังคำพิพากษาในวันนั้น จำเลยจึงแถลงลอย ๆ ว่าจำเลยเตรียมเงินมาพร้อมที่จะชำระให้โจทก์ 90,000 บาท และจะถอนเงินประกันอีก 60,000 บาท ชำระหนี้โจทก์ รวมเป็นเงิน 150,000 บาท ซึ่งเท่ากับยอดเงินตามเช็คพิพาท ดังนั้นพฤติการณ์ของจำเลยแสดงให้เห็นได้ชัดว่าที่จำเลยขอเลื่อนคดีในตอนแรกนั้น จำเลยมีเจตนาที่จะประวิงคดี และข้อเสนอของจำเลยที่จะชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์เป็นไปอย่างมีชั้นเชิง แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้แก่จำเลย จำเลยอายุ 50 ปี สำเร็จการศึกษาเป็นเศรษฐศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีอาชีพค้าขาย มีภาระต้องดูแลภรรยาและบุตร ผู้เยาว์อีก 4 คน และจำเลยพยายามขวนขวายหาเงินมาชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์ ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจำนวน150,000 บาท อันเป็นการบรรเทาผลร้ายแก่โจทก์ แม้จำเลยจะต้องคำพิพากษาในคดีอื่นให้ลงโทษจำคุก แต่คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุดจึงถือว่าจำเลยยังไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน คดีมีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกในคดีนี้ให้แก่จำเลย