คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประโยชน์แห่งความยุติธรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 159 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีพยานล่าช้า: เหตุสมควรตามมาตรา 88 วรรคท้าย แม้หลังสืบพยานบางส่วน ศาลชอบที่จะรับ
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2521 ทนายโจทก์มอบให้เสมียนทนายความนำบัญชีพยานมายื่นต่อศาลแล้ว และเพิ่งทราบในวันที่ 10 เดือนเดียวกัน ซึ่งเป็นวันสืบพยานว่าในสำนวนการพิจารณาของศาลไม่มีบัญชีพยานโจทก์ เสมียนทนายความยืนยันต่อทนายโจทก์ว่ายื่นบัญชีพยานแล้ว วันที่ 17 เดือนนั้น ทนายโจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลและขอยื่นบัญชีพยานดังนี้ แม้จะเป็นการยื่นบัญชีพยานภายหลังจากที่ผู้ร้องนำพยานเข้าสืบไปบ้างแล้วก็ดี แต่ก็เป็นเหตุสมควรที่จะกล่าวอ้างเพื่อยื่นบัญชีพยานเมื่อระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นบัญชีพยานสิ้นสุดลงแล้วได้ ในกรณีนี้ผู้ร้องยังมีโอกาสที่จะยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมได้ เพื่อนำพยานมาสืบหักล้างพยานโจทก์ตามที่ยื่นบัญชีพยานไว้ ผู้ร้องไม่ได้เสียเปรียบในการดำเนินคดี ศาลชั้นต้นสั่งรับบัญชีพยานโจทก์ไว้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีพยานหลังสืบพยานบางส่วน และการระบุพยานเพิ่มเติมโดยโจทก์ ศาลมีอำนาจรับได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2521 ทนายโจทก์มอบให้เสมียนทนายความนำบัญชีพยานมายื่นต่อศาลแล้ว และเพิ่งทราบในวันที่ 10 เดือนเดียวกัน ซึ่งเป็นวันสืบพยานว่าในสำนวนการพิจารณาของศาลไม่มีบัญชีพยานโจทก์ เสมียนทนายความยืนยันต่อทนายโจทก์ว่ายื่นบัญชีพยานแล้ว วันที่ 17 เดือนนั้น ทนายโจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลและขอยื่นบัญชีพยานดังนี้ แม้จะเป็นการยื่นบัญชีพยานภายหลังจากที่ผู้ร้องนำพยานเข้าสืบไปบ้างแล้วก็ดี แต่ก็เป็นเหตุสมควรที่จะกล่าวอ้างเพื่อยื่นบัญชีพยานเมื่อระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นบัญชีพยานสิ้นสุดลงแล้วได้ ในกรณีนี้ผู้ร้องยังมี โอกาสที่จะยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมได้ เพื่อนำพยานมาสืบหักล้างพยานโจทก์ตามที่ยื่นบัญชีพยานไว้ ผู้ร้องไม่ได้เสียเปรียบในการดำเนินคดี ศาลชั้นต้นสั่งรับบัญชีพยานโจทก์ไว้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีใหม่หลังจำหน่ายคดีบางส่วน การรับฟังพยานแม้ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องจำเลยหลายคนว่าร่วมกันกระทำผิด จำเลยบางคนรับสารภาพ บางคนปฏิเสธ ศาลสั่งให้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ปฏิเสธเป็นคดีใหม่ภายใน 7 วัน เป็นการสั่งจำหน่ายคดีที่เกี่ยวกับจำเลยที่ปฏิเสธ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา176 วรรคสอง เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้มาใหม่ภายในกำหนด คดีนี้จึงเป็นคดีใหม่ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงต้องดำเนินคดีใหม่นี้ให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาจะนำการดำเนินคดีที่โจทก์ได้ปฏิบัติไว้แล้วในคดีเดิมมาถือว่าเป็นการดำเนินคดีนี้ด้วยไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้กระทำได้ จึงนำบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีเดิมมาถือเป็นบัญชีพยานในคดีนี้ด้วยไม่ได้
โจทก์และจำเลยเป็นคู่ความเดียวกันในคดีเดิมก่อนที่ศาลจะสั่งให้แยกฟ้องข้อความและข้อหาที่ฟ้องและขอให้ลงโทษเป็นทำนองเดียวกันกับคดีนี้ พยานโจทก์ทุกคนที่ศาลสืบมาในคดีนี้ก็เป็นพยานที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีเดิม การที่โจทก์ไม่ได้ ยื่นบัญชีพยานไว้ในคดีที่ฟ้องใหม่นี้จึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกัยประเด็นสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนกฎหมายจึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกฟ้องคดีอาญาและข้อยกเว้นการยื่นบัญชีพยานเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องจำเลยหลายคนว่าร่วมกันกระทำผิด จำเลยบางคนรับสารภาพบางคนปฏิเสธ ศาลสั่งให้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ปฏิเสธเป็นคดีใหม่ภายใน 7 วัน เป็นการสั่งจำหน่ายคดีที่เกี่ยวกับจำเลยที่ปฏิบัติ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคสอง เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้มาใหม่ภายในกำหนด คดีนี้จึงเป็นคดีใหม่ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงต้องดำเนินคดีใหม่นี้ให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาจะนำการดำเนินคดีที่โจทก์ได้ปฏิบัติไว้แล้วในคดีเดิมมาถือว่าเป็นการดำเนินคดีนี้ด้วยไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้กระทำได้ จึงนำบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีเดิมมาถือเป็นบัญชีพยานในคดีนี้ด้วยไม่ได้
โจทก์และจำเลยเป็นคู่ความเดียวกันในคดีเดิมก่อนที่ศาลจะสั่งให้แยกฟ้องข้อความและข้อหาที่ฟ้องและขอให้ลงโทษเป็นทำนองเดียวกันกับคดีนี้ พยานโจทก์ทุกคนที่ศาลสืบมาในคดีนี้ก็เป็นพยานที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีเดิม การที่โจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานไว้ในคดีที่ฟ้องใหม่นี้จึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนกฎหมายจึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1692/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินสดแทนการยึดทรัพย์: ศาลมีอำนาจสั่งเพื่อบรรเทาความเสียหายโดยอาศัยประโยชน์แห่งความยุติธรรม
เมื่อศาลเห็นว่าตามคำร้องของผู้ร้องประกอบกับเอกสารท้ายคำร้องฟังได้ว่าผู้ร้องได้ซื้อที่ดินจาก ป.แล้วได้จำนองที่ดินทั้งแปลงไว้กับ บ. และผู้ร้องได้แบ่งที่ดินดังกล่าวออกเป็นแปลงย่อย ๆ ในนามเดิมและติดจำนองหลายสิบแปลง อันเห็นได้ชัดว่าผู้ร้องแบ่งแยกที่ดินเพื่อสร้างตึกแถว ตลาดสด และศูนย์รวมการค้าตามคำร้องแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องสืบพยานในข้อนี้
ผู้ร้องแถลงยอมให้ยึดเงินสด 100,000 บาทของผู้ร้องเท่าที่จำเลยตีราคาไว้ในการยึดที่ดินแพทนการยึดที่ดินแปลงดังกล่าว โดยแถลงไว้ชัดว่าหากจำเลยพิสูจน์ได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์ซึ่งจะต้องชำระหนี้เงิน 99,458 บาท แก่จำเลยกับพวกแล้วก็ให้ศาลบังคับคดีนำเงิน 100,000 บาท ชำระให้จำเลยกับพวกได้ แม้ผู้ร้องจะมิได้มีนิติสัมพันธ์ต้องชำระเงินให้จำเลยก็ตาม แต่ก็ผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามคำแถลงของผู้ร้อง จำเลยจึงมิได้รับความเสียหายจากการที่ผู้ร้องขอวางเงินแทนการยึดที่ดินแต่อย่างใด เนื่องจากการร้องขอปล่อยทรัพย์ก็ยังคงดำเนินเรื่องอยู่ต่อไป หากจำเลยชนะคดีจำเลยก็รับเงินที่ผู้ร้องวางศาลไว้ไปได้ การที่ศาลล่างสั่งให้เพิกถอนการยึดทรัพย์ก็โดยอาศัยเหตุเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และเพื่อบรรเทาความเสียหายให้ผู้ร้อง จึงเป็นการสั่งไปโดยอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ และไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295
การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนายเดียวมีคำสั่งให้รับเงินที่ผู้ร้องวางต่อศาลแทนการยึดที่ดิน และสั่งให้แจ้งการถอนการยึดที่ดินให้เจ้าพนักงานที่ดินทราบ เป็นการออกคำสั่งซึ่งมิใช่เป็นไปในทางวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด และการสั่งให้โจทก์หรือผู้ร้องเสียค่าธรรมเนียมในการถอนนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องสั่งไว้ในคำสั่งที่ให้เพิกถอนการยึดด้วย จะสั่งภายหลังก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐาน (ต้นขั้วใบเสร็จ) แม้ไม่ได้ส่งสำเนาก่อนสืบพยาน หากเป็นประโยชน์ต่อการยุติธรรม
คดีฟ้องขับไล่ซึ่งโจทก์อ้างต้นขั้วในเสร็จค่าเช่าบ้านเป็นพยาน แม้มิได้ส่งสำเนาให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน แต่ถ้าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังต้นขั้วใบเสร็จเช่นว่านั้นได้ เพราะเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิฑีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐาน (ต้นขั้วใบเสร็จ) แม้มิได้ส่งสำเนาให้คู่ความก่อนสืบพยาน หากเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
คดีฟ้องขับไล่ซึ่งโจทก์อ้างต้นขั้วใบเสร็จค่าเช่าบ้านเป็นพยานแม้มิได้ส่งสำเนาให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน แต่ถ้าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังต้นขั้วใบเสร็จเช่นว่านั้นได้ เพราะเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องที่ไม่สมบูรณ์แก้ไขได้ ศาลสั่งรับใบแต่งทนายใหม่หลังสืบพยานได้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ทนายความของบริษัทโจทก์เป็นผู้ลงนามเป็นโจทก์ในคำฟ้อง แต่ใบแต่งทนายความลงนามโดยผู้ไม่มีอำนาจตามที่จะทะเบียนไว้ จำเลยยื่นคำให้การคัดค้านอำนาจฟ้องของโจทก์ไว้แล้ว ครั้นสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อนเสร็จ โจทก์ได้ยื่นใบแต่งทนายความฉบับใหม่ลงนามกรรมการ 2 นาย และประทับตราสำคัญของบริษัทโจทก์ถูกต้องตามที่ได้จดทะเบียนไว้ ดังนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลย่อมมีอำนาจสั่งใบรับใบแต่งทนายความใหม่ตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 66 และเนื่องด้วยบทกฎหมายดังกล่าวไม่ได้กำหนดว่าศาลจะมีคำสั่งได้ภายในเมื่อใด ศาลจึงสั่งรับใบแต่งทนายความใหม่ภายหลังสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วนั้นก็ได้ ทั้งการที่มาตรานี้บัญญัติให้ศาลมีอำนาจสอบสวนถึงอำนาจฟ้องได้ ก็ย่อมเป็นเวลาภายหลังยื่นฟ้องแล้ว เมื่อศาลเห็นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหรืออำนาจฟ้องบกพร่อง แต่ศาลไม่ใช่อำนาจยกฟ้องโดยสั่งให้โจทก์แก้ไขอำนาจฟ้องให้สมบูรณ์หรือยอมรับการแก้ไขอำนาจฟ้องให้สมบูรณ์ ก็ย่อมทำให้อำนาจฟ้องที่ไม่สมบูรณ์นั้นเป็นอำนาจฟ้องที่สมบูรณ์มาแต่เริ่มแรก เพราะมิฉะนั้นแล้วก็เท่ากับให้ศาลใช้อำนาจยกฟ้องอย่างเดียว ถ้อยคำที่ว่า "หรือมีคำพิพากษาหรือคำสั่งอื่นได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม" ก็จะไม่มีความหมายอะไรไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่มิได้ยื่นตามกำหนด หากเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลมีอำนาจรับฟังได้ตามมาตรา 87(2)
จำเลยได้ระบุอ้างเอกสารไว้ในบัญชีพยานโดยชอบแล้ว แต่มิได้ยื่นเอกสารนั้นต่อศาล และส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน จำเลยเพิ่งส่งต้นฉบับต่อศาลในวันสืบพยานโจทก์ระหว่างตัวโจทก์เบิกความและส่งสำเนาให้แก่โจทก์ในวันนั้น เมื่อเอกสารฉบับนี้เป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีและศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานเอกสารฉบับนี้โดยฝ่าฝืนบทบัญญัติของมาตรา 87(2) แล้ว ศาลก็มีอำนาจรับฟังพยานเอกสารฉบับนี้ได้โดยไม่จำต้องปรากฏว่าจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาลตามมาตรา 90(3) เสียก่อน เพราะมาตรา 90(3) เป็นเพียงข้อยกเว้นของความในวรรคแรกแห่งมาตรา 90 มิใช่เป็นบทจำกัดอำนาจที่ศาลมีอยู่ตามมาตรา 87(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม: เหตุผลและความจำเป็นในการพิจารณาคดีต่อเนื่อง
การที่โจทก์มิได้เตรียมพยานมาศาลในวันนัดสืบพยานเพราะโจทก์ประสงค์จะมาขอถอนฟ้อง ครั้นเมื่อศาลไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องก็เกิดความจำเป็นต้องสืบพยานในวันนั้น เช่นนี้แม้ว่าทนายโจทก์จะลืมยื่นบัญชีระบุพยาน แต่เมื่อมิได้มีพฤติการณ์แสดงว่าโจทก์เจตนาจงใจและมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบ สมควรที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้
คดีเสร็จการพิจารณาและอยู่ระหว่างนัดฟังคำพิพากษา โจทก์ขอดำเนินคดีต่อไปและขอถอนทนายเพราะมีความเห็นในการดำเนินคดีไม่ตรงกัน ประกอบทั้งโจทก์ป่วยไม่ทราบการดำเนินคดีซึ่งบกพร่องของทนายมาก่อน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมย่อมเป็นการสมควรที่จะให้เลื่อนการพิจารณาคดีต่อไปอีกได้
of 16