พบผลลัพธ์ทั้งหมด 148 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล้นทรัพย์ด้วยอาวุธ: การปรับบทลงโทษที่ถูกต้องและการขยายผลถึงจำเลยที่ไม่ได้ฎีกา
จำเลยมีอาวุธปืนและลูกระเบิดติดตัวไปในการปล้นทรัพย์ และขู่ว่าจะใช้หากเจ้าทรัพย์ขัดขืน โดยไม่ได้ยิงปืนหรือใช้วัตถุระเบิดทำให้เกิดระเบิดขึ้นแต่อย่างใด เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ฐานปล้นโดยมีอาวุธติดตัวไปด้วยเท่านั้น ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรคสี่ และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัว: ศาลฎีกาปรับบทลงโทษจากมาตรา 340 วรรคสี่ เป็นวรรคสอง
จำเลยมีอาวุธปืนและลูกระเบิดติดตัวไปในการปล้นทรัพย์และขู่ว่าจะใช้หากเจ้าทรัพย์ขัดขืน โดยไม่ได้ยิงปืนหรือใช้วัตถุระเบิดทำให้เกิดระเบิดขึ้นแต่อย่างใด เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ฐานปล้นโดยมีอาวุธติดตัวไปด้วยเท่านั้น ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรคสี่ และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2670/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติด แม้บันทึกจับกุมระบุแค่ครอบครองเพื่อจำหน่าย และการปรับบทลงโทษ
ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเฮโรอีนเป็นความผิดต่างกัน แต่ก็เป็นความผิดรวมอยู่ในมาตราเดียวกัน แม้ตามบันทึกการจับกุมจะตั้งข้อหาเพียงว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏหว่า จำเลยได้จำหน่ายเฮโรอีนด้วย ก็ถือได้ว่าได้ทำการสอบสวนในความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนด้วยแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานความผิดดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2670/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องฐานจำหน่ายยาเสพติด แม้บันทึกจับกุมระบุแค่ครอบครองเพื่อจำหน่าย และการปรับบทลงโทษ
ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเฮโรอีนเป็นความผิดต่างกัน แต่ก็เป็นความผิดรวมอยู่ในมาตราเดียวกัน แม้ตามบันทึกการจับกุมจะตั้งข้อหาเพียงว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่า จำเลยได้จำหน่ายเฮโรอีนด้วย ก็ถือได้ว่าได้ทำการสอบสวนในความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนด้วยแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานความผิดดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2362/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำหน่ายยาเสพติด: การปรับบทลงโทษที่ถูกต้องและการพิพากษาถึงจำเลยที่ไม่ยื่นฎีกา
มีเฮโรอีนอยู่แล้วจำหน่ายเฮโรอีนนั้นไปทั้งหมด มีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 มาตรา 20ทวิ ฉบับที่ 4 พ.ศ.2504 มาตรา 6 ไม่ผิด มาตรา 20ตรี อีกบทหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ การให้ผู้อื่นยืมก่อนถือเป็นเจตนาทุจริต การปรับบทลงโทษตาม ป.อาญา ม.147
จำเลยเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย มีหน้าที่รับเงินรายได้ต่างๆ ของการรถไฟฯ ได้รับเงินรายได้ไว้จำนวนหนึ่ง แล้วไม่นำส่งตามกำหนดเวลาที่มีระเบียบวางไว้โดยได้ให้ อ. ยืมเงินจำนวนนี้ไป ต่อมา อ. หนีไปจำเลยจึงรับใช้เงินดังกล่าวให้จนครบ ดังนี้ กรณีจึงเป็นเรื่องที่จำเลยนำเงินที่จำเลยมีหน้าที่รักษาไว้ไปให้ผู้อื่นยืมใช้ก่อนถือได้ว่าเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นประโยชน์ของตนเองและผู้อื่นโดยมีเจตนาทุจริตตั้งแต่เวลาที่จำเลยให้ผู้อื่นยืมไป การใช้เงินคืนในภายหลังเพียงเป็นเหตุบรรเทาโทษเท่านั้นและเมื่อพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494 มาตรา 18 บัญญัติให้พนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าพนักงานตามความหมายแห่งกฎหมายลักษณะอาญา จึงถือได้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 จะปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เยาว์ไม่ได้เต็มใจ ศาลปรับบทลงโทษตามมาตรา 319
จำเลยได้เสียกับผู้เยาว์อายุ 16 ปี แล้วชวนผู้เยาว์ไปอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่ไปจะเปิดเผยเรื่องที่ได้เสียกัน ผู้เยาว์กลัวคำขู่จึงยอมไปกับจำเลย จะถือว่าผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยกับจำเลยหาได้ไม่
หลังจากจำเลยได้พาผู้เยาว์ตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆ แล้วจำเลยจะให้ผู้เยาว์ไปมีอาชีพเป็นหญิงนั่งชั่วโมงตามร้านอาหาร ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นอาชีพที่เกี่ยวกับกามารมณ์ มิใช่จำเลยมุ่งหมายจะเลี้ยงดูผู้เยาว์เป็นภรรยา จึงถือได้ว่าจำเลยพาผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319แม้ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 318 ศาลก็ปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 319 ได้ (อ้างฎีกาที่119/2517)
ในชั้นฎีกาคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ซึ่งศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วนั้น ถ้าข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้นไม่พอแก่การวินิจฉัย ศาลฎีกาย่อมหยิบยกข้อเท็จจริงอื่นๆ ในสำนวนขึ้นพิจารณาประกอบได้ (อ้างฎีกาที่ 1094/2507)
หลังจากจำเลยได้พาผู้เยาว์ตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆ แล้วจำเลยจะให้ผู้เยาว์ไปมีอาชีพเป็นหญิงนั่งชั่วโมงตามร้านอาหาร ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นอาชีพที่เกี่ยวกับกามารมณ์ มิใช่จำเลยมุ่งหมายจะเลี้ยงดูผู้เยาว์เป็นภรรยา จึงถือได้ว่าจำเลยพาผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319แม้ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 318 ศาลก็ปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 319 ได้ (อ้างฎีกาที่119/2517)
ในชั้นฎีกาคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ซึ่งศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วนั้น ถ้าข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้นไม่พอแก่การวินิจฉัย ศาลฎีกาย่อมหยิบยกข้อเท็จจริงอื่นๆ ในสำนวนขึ้นพิจารณาประกอบได้ (อ้างฎีกาที่ 1094/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2175/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเครื่องจักรและปรับบทลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
เครื่องจักรเลื่อยวงเดือน เครื่องจักรเลื่อยสายพานเครื่องจักรใช้เจาะไม้และเครื่องจักรไสไม้ ซึ่งจำเลยใช้ในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 ข้อ 4 จึงต้องริบ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4)พ.ศ.2503 มาตรา 18(อ้างฎีกาที่ 1572/2505)
ความผิดฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงานมีอัตราโทษปรับสถานเดียว จึงเบากว่าความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกและปรับ ต้องปรับบทลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาต วางโทษปรับ 5,000 บาทโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมา ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้อง โดยไม่เพิ่มเติมโทษจำเลย
ความผิดฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงานมีอัตราโทษปรับสถานเดียว จึงเบากว่าความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกและปรับ ต้องปรับบทลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาต วางโทษปรับ 5,000 บาทโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมา ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้อง โดยไม่เพิ่มเติมโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษในคดียาเสพติด: ความถูกต้องและขอบเขตอำนาจศาลในการแก้ไขโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามฐานร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ, 19, 20 ทวิ, 20 ตรี, 29 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 6, 7, 12 จำเลยที่ 2 ที่ 3 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำผิดจริงตามฟ้อง แต่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยไม่ถูกต้องพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ, 14, 20 ทวิ, 29 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 6, 7, 12 ดังนี้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อศาลอุทธรณ์ไม่พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ตรี (ฐานรับไว้หรือมีไว้ซึ่งเฮโรอีน) ก็ต้องไม่พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 7 อันเป็นบทบัญญัติที่เพิ่มเติมมาตรา 20 ตรีไว้ในพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ, 14, 20 ทวิพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 6 (ตัดมาตรา 29 และ 12 ของพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับออกเสียด้วย เพราะของกลางที่ริบมีแต่เฮโรอีน ซึ่งมิได้ริบโดยอาศัยมาตรา 29 และ 12)
การที่ไม่ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ตรี ซึ่งเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2504 มาตรา 7 นั้น เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาให้มิต้องถูกรับโทษตามมาตราดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา225
การที่ไม่ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ตรี ซึ่งเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2504 มาตรา 7 นั้น เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาให้มิต้องถูกรับโทษตามมาตราดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1239/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความผิดเกี่ยวกับวัตถุระเบิดและการปรับบทลงโทษความผิดฐานบุกรุก
ความผิดฐานมีวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ นั้น เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยบังอาจมีลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารแบบ 88 บ. 61 จำนวน 1 ลูก อันเป็นลูกระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ก็เป็นฟ้องที่ครบถ้วนองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501มาตรา 3, 5 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2501) (12) แล้วไม่จำต้องบรรยายว่าเป็นลูกระเบิดที่ใช้ขว้างและระเบิดได้
ความผิดฐานบุกรุก เมื่อศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 แล้ว ก็ไม่จำต้องยกมาตรา 362 และ 364 ขึ้นปรับบทลงโทษอีก
ความผิดฐานบุกรุก เมื่อศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 แล้ว ก็ไม่จำต้องยกมาตรา 362 และ 364 ขึ้นปรับบทลงโทษอีก