พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5299/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการขอพิจารณาคดีใหม่ จำเลยต้องแสดงเหตุแห่งการขาดนัดและคัดค้านคำตัดสินชี้ขาด
คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยอ้างว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องก็ดี หมายนัดแจ้งกำหนดวันสืบพยานก็ดี ได้ส่งไปยังที่อื่นซึ่งมิใช่ภูมิลำเนาของจำเลย จึงเป็นการส่งไม่ชอบ จำเลยเพิ่งมาทราบว่าถูกฟ้องเมื่อมีการส่งคำบังคับไปยังภูมิลำเนาที่แท้จริงของจำเลยแสดงว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาจึงขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่นั้น เห็นว่า คำขอดังกล่าวเพียงแต่แสดงเหตุที่จำเลยขาดนัดเท่านั้น แต่มิได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล คำขอของจำเลยจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 208 วรรคสอง ที่ศาลจะสั่งให้มีการพิจารณาใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4309/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอทุเลาการบังคับคดีและการงดบังคับคดีระหว่างการพิจารณาคดีใหม่และอุทธรณ์
เมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นจะสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างการไต่สวนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 292 (2) ก็ได้ และเมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการบังคับคดีแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้ก็ต่อเมื่อศาลชั้นต้นได้ส่งคำสั่งให้ดำเนินคดีต่อไปให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 294 แล้ว
จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ และมีคำขอท้ายอุทธรณ์ให้ศาลงดการบังคับคดีและแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ การยื่นอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการบังคับ และ ป.วิ.พ. มาตรา 231 บัญญัติว่าการขอทุเลาการบังคับให้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ที่จำเลยมีคำขอมาในอุทธรณ์จึงไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้มีคำร้องขอทุเลาการบังคับที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไปในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงชอบแล้ว
ปัญหาว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไปในราคาที่ต่ำเกินไป ทำให้จำเลยเสียหายนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างในศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ และมีคำขอท้ายอุทธรณ์ให้ศาลงดการบังคับคดีและแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ การยื่นอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการบังคับ และ ป.วิ.พ. มาตรา 231 บัญญัติว่าการขอทุเลาการบังคับให้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ที่จำเลยมีคำขอมาในอุทธรณ์จึงไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้มีคำร้องขอทุเลาการบังคับที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไปในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงชอบแล้ว
ปัญหาว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไปในราคาที่ต่ำเกินไป ทำให้จำเลยเสียหายนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างในศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4295/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความบกพร่องเจ้าหน้าที่ทะเบียนบ้านส่งผลต่อการแจ้งข้อฟ้อง การขาดนัดยื่นคำให้การไม่ถือจงใจ ศาลพิจารณาคดีใหม่ได้
ในช่องย้ายออกของบุตรจำเลย 3 คน เจ้าหน้าที่ทะเบียนบ้านบันทึกว่าย้ายไปที่บ้านเลขที่ 40/3 ถนนเพชรเกษม ตำบลหาดใหญ่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แต่ช่องย้ายออกของจำเลย เจ้าหน้าที่บันทึกขาด ถนนเพชรเกษม ไป จึงเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ทะเบียนบ้าน ไม่ใช่ความบกพร่องของจำเลย ดังนั้น หากมีการส่ง หมายเรียกและสำเนาฟ้องไปยังที่อยู่ใหม่ของจำเลย โดยระบุชื่อถนน ดังกล่าวลงไปให้ชัดเจน จำเลยก็มีโอกาสทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง และ สามารถยื่น คำให้การแก้คดีได้ การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัด พิจารณาของจำเลยจึงไม่อาจถือว่าเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควร ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์ กำหนดวันให้จำเลยยื่น คำให้การแก้คดี และให้ประกาศหนังสือพิมพ์ เรื่องคำบังคับ ให้จำเลย ปฏิบัติตามคำพิพากษา จำเลยไม่ทราบเพราะไม่เคยอ่าน หนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงประกาศศาลดังกล่าว จึงเป็นพฤติการณ์นอกเหนือ ไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลงและภายใน 6 เดือนนับแต่ วันที่ได้ยึดทรัพย์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 จึง มีเหตุสมควรให้พิจารณา คดีใหม่ตามคำขอของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4295/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ทะเบียนบ้านส่งผลต่อการแจ้งข้อฟ้อง ทำให้จำเลยไม่ทราบคดี และมีเหตุสมควรให้พิจารณาคดีใหม่
เจ้าหน้าที่ทะเบียนบ้านบันทึกในสำเนาทะเบียนบ้าน ช่องย้ายออกของบุตรจำเลย ว่าย้ายไปที่บ้านเลขที่ 40/3 ถนนเพชรเกษม ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แต่ช่องย้ายออกของจำเลย เจ้าหน้าที่ไม่ได้บันทึกชื่อถนน จึงเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ทะเบียนบ้าน ไม่ใช่ความบกพร่องของจำเลย ดังนั้นหากมีการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องไปยังที่อยู่ใหม่ของจำเลยโดยระบุชื่อถนนดังกล่าวลงไปให้ชัดเจน จำเลยก็มีโอกาสทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง และสามารถยื่นคำให้การแก้คดีได้ การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาของจำเลยจึงไม่อาจถือว่าเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควรที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายนัดและคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา จำเลยไม่ทราบเพราะไม่เคยอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงประกาศศาลดังกล่าวจึงเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง และภายใน6 เดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 จึงมีเหตุสมควรให้พิจารณาคดีใหม่ตามคำขอของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3252/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนกระบวนพิจารณาหลังมีคำพิพากษาและการขอพิจารณาคดีใหม่จำกัดเฉพาะกรณีขาดนัด
การที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 นั้น ต้องขอก่อนศาลมีคำพิพากษา ส่วนการขอให้พิจารณาใหม่หลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้ว ต้องเป็นเรื่องแพ้คดีเพราะขาดนัดพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 207 จำเลยอ้างว่า ไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ไม่ได้แต่งทนาย สัญญาประนีประนอมยอมความตามที่ทนายความทำแทนไม่ผูกพันจำเลย คำพิพากษาตามยอมไม่อาจบังคับได้ ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นเวลาหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมแล้ว และมิใช่เป็นการพิจารณาคดีโดยขาดนัดพิจารณา จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น และไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาคดีใหม่ หากจำเลยได้รับความเสียหายอย่างไรก็ย่อมมีสิทธิฟ้องบุคคลที่เกี่ยวข้องขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมในคดีนี้ไม่ผูกพันตนได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3250/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องคดีเนื่องจากโจทก์ไม่มาศาล และสิทธิในการขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่
การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์อันเป็นการยกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 166 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 181 ไม่ใช่เป็นการยกฟ้องโดยเหตุที่โจทก์ไม่มีพยานมาสืบตามฟ้องนั้น เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์เมื่อวันที่11 ธันวาคม 2532 โจทก์มายื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2532หลังจากศาลชั้นต้นสั่งยกฟ้องเพียง 3 วัน ยังไม่เกิน 15 วัน นับแต่วันศาลยกฟ้อง ทั้งคำร้องของโจทก์ก็ได้แสดงเหตุที่มาไม่ได้ไว้ด้วยแล้ว ซึ่งหากเป็นความจริงตามคำร้องก็นับว่ามีเหตุสมควรที่มาไม่ได้จึงชอบที่จะไต่สวนคำร้องของโจทก์เสียก่อน จึงจะวินิจฉัยได้ว่าที่โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดนั้นมีเหตุสมควรหรือไม่ การยื่นคำร้องเช่นนี้ไม่จำต้องยื่นเสียในวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งหรืออย่างน้อยในวันรุ่งขึ้น การที่โจทก์มายื่นคำร้องหลังจากศาลชั้นต้นยกฟ้อง 3 วัน ก็ยังมิได้แสดงว่าโจทก์ไม่นำพาคดี ถือว่าโจทก์จงใจไม่มาศาลตามกำหนดนัดอันจะต้องยกคำร้องของโจทก์เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3250/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องคดีอาญาเนื่องจากโจทก์ไม่มาศาล และสิทธิในการขอให้พิจารณาคดีใหม่ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 166
การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์อันเป็นการยกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 166 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 181 ไม่ใช่เป็นการยกฟ้องโดยเหตุที่โจทก์ไม่มีพยานมาสืบตามฟ้องนั้น เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์เมื่อวันที่11 ธันวาคม 2532 โจทก์มายื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2532 หลังจากศาลชั้นต้นสั่งยกฟ้องเพียง3 วัน ยังไม่เกิน 15 วัน นับแต่วันศาลยกฟ้อง ทั้งคำร้องของโจทก์ก็ได้แสดงเหตุที่มาไม่ได้ไว้ด้วยแล้ว ซึ่งหากเป็นความจริงตามคำร้องก็นับว่ามีเหตุสมควรที่มาไม่ได้ จึงชอบที่จะไต่สวนคำร้องของโจทก์เสียก่อน จึงจะวินิจฉัยได้ว่าที่โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดนั้นมีเหตุสมควรหรือไม่ การยื่นคำร้องเช่นนี้ไม่จำต้องยื่นเสียในวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งหรืออย่างน้อยในวันรุ่งขึ้น การที่โจทก์มายื่นคำร้องหลังจากศาลชั้นต้นยกฟ้อง 3 วัน ก็ยังมิได้แสดงว่าโจทก์ไม่นำพาคดี ถือว่าโจทก์จงใจไม่มาศาลตามกำหนดนัดอันจะต้องยกคำร้องของโจทก์เสีย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2720/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายทราบวันนัดแล้ว แต่จำเลยไม่มาศาล ศาลไม่ถือเป็นการขาดนัด และไม่สามารถขอพิจารณาคดีใหม่ได้
ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์จนหมดพยานแล้วเลื่อนไปนัดสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยทราบนัดแล้ว ถึงวันนัดฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดมาศาลศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานและหรือไม่มีพยานมาสืบ จึงพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี กรณีดังกล่าวถือว่าทนายจำเลยเป็นตัวแทนของจำเลย แม้จะฟังว่าทนายจำเลยมิได้แจ้งวันนัดให้จำเลยทราบก็ตามแต่เมื่อทนายจำเลยทราบวันนัดตามกฎหมาย ก็ต้องถือว่าจำเลยทราบวันนัดด้วยแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่าคดีเสร็จสำนวนโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ มิใช่กรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วได้พิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีนั้นไปฝ่ายเดียว จำเลยจึงไม่อาจนำบทบัญญัติเรื่องขาดนัดพิจารณามาใช้เพื่อขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2651/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟ้องคดีภาษีหลังศาลอุทธรณ์พิพากษา การชำระค่าขึ้นศาล และการพิจารณาคดีใหม่
ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ฟ้องโจทก์เป็นคดีมีทุนทรัพย์ ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลภายใน 7 วัน ให้คู่ความฟังแล้วโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าโจทก์ไม่มีเจตนาที่จะไม่เสียเงินค่าขึ้นศาล และขอนำเงินค่าขึ้นศาลมาวางต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 30 วัน นับตั้งแต่วันยื่นคำร้องขอเป็นต้นไป ศาลชั้นต้นอนุญาตตามขอต่อมาโจทก์วางเงินค่าขึ้นศาลครบถ้วน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฟ้องของโจทก์ มีความหมายว่าศาลชั้นต้นยอมรับคำฟ้องของโจทก์แล้ว เมื่อจำเลยยื่นคำให้การแก้คดีก็หาได้โต้แย้งการรับฟ้องของศาลแต่อย่างใดการที่โจทก์แก้ไขข้อขัดข้องด้วยการนำเงินค่าขึ้นศาลมาวางครบถ้วนแล้วจึงไม่มีเหตุขัดข้องอะไรที่ศาลจะไม่รับคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2553/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าคำพิพากษาไม่ชอบอย่างไร และมีเหตุผลที่หากพิจารณาใหม่แล้วอาจชนะคดีได้
คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของโจทก์กล่าวอ้างแต่เพียงว่า หากโจทก์ได้นำพยานบุคคลและพยานเอกสารมาสืบ โจทก์มีทางชนะคดีได้เพราะโจทก์ได้เตรียมคดี พยานหลักฐานไว้พร้อมแล้วเท่านั้นข้อความดังกล่าวไม่ได้แสดงเหตุโดยละเอียดชัดแจ้งว่า คำพิพากษาไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องอย่างไร ทั้งยังไม่มีเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาคดีใหม่แล้ว โจทก์อาจชนะคดีอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคท้าย.