พบผลลัพธ์ทั้งหมด 146 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องตัดไม้ทำลายป่าต้องระบุชัดเจนว่ากระทำในพื้นที่หวงห้ามที่ได้รับการประกาศตามกฎหมาย มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
ฟ้องว่าจำเลยตัดไม้หวงห้ามประเภท ก. แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าตัดไม้ในที่หวงห้ามซึ่งทางการได้ประกาศตามกฎหมายแล้ว เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2499)
ฟ้องที่ไม่สมบูรณ์นั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้
ฟ้องที่ไม่สมบูรณ์นั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องตัดไม้ทำลายป่าต้องระบุที่หวงห้ามที่ชัดเจน การฟ้องไม่สมบูรณ์แม้จำเลยรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้
ฟ้องว่าจำเลยตัดไม้หวงห้ามประเภท ก. แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าตัดไม้ในที่หวงห้ามซึ่งทางการได้ประกาศตามกฎหมายแล้ว เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2499)
ฟ้องที่ไม่สมบูรณ์นั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้
ฟ้องที่ไม่สมบูรณ์นั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ไม่สมบูรณ์ หากไม่ระบุวันเวลาที่กระทำผิด
ในคดีเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวระบุวันเวลาที่จำเลยคิดทุจริตยักยอกเอาทรัพย์ไปคงกล่าวแต่วันเวลาที่จำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์เท่านั้น ทั้งไม่อาจเข้าใจได้ว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ที่ได้รับมอบหมายไปวันใด ดังนี้ฟ้องของโจทก์+ไม่สมบูรณ์ตาม ก.ม.
(อ้างฎีกาที่ 117/2492)
(อ้างฎีกาที่ 117/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องคดีปลอมแปลงเอกสารต้องระบุความเสียหายต่อสาธารณชนหรือบุคคลอื่น จึงจะสมบูรณ์
ความผิดฐานปลอมหนังสือและใช้หนังสือปลอมนั้นจะต้องประกอบด้วยองค์ความผิดว่าอาจเกิดความเสียหายแก่สาธารณชนหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งด้วย ฉนั้น ฟ้องโจทก์ที่มิได้บรรยายถึงองค์ความผิดข้อนี้ไว้จึงไม่เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ก.ม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่สมบูรณ์หากไม่ระบุสถานที่เกิดเหตุ แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องหลังสืบพยานไม่ได้
ฟ้องไม่ระบุสถานที่เกิดเหตุ เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
การสั่งให้โจทก์แก้ใขหรือเพิ่มเติมฟ้องจะกระทำได้เมื่อก่อนรับฟ้องหรือไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อสืบพะยานเสร็จสิ้นแล้วจะแก้ไขหาได้ไม่
การสั่งให้โจทก์แก้ใขหรือเพิ่มเติมฟ้องจะกระทำได้เมื่อก่อนรับฟ้องหรือไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อสืบพะยานเสร็จสิ้นแล้วจะแก้ไขหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ระบุสถานที่เกิดเหตุ เป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ แก้ไขเพิ่มเติมหลังสืบพยานไม่ได้
ฟ้องไม่ระบุสถานที่เกิดเหตุเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
การสั่งให้โจทก์แก้ไขหรือเพิ่มเติมฟ้องจะกระทำได้เมื่อก่อนรับฟ้องหรือไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อสืบพยานเสร็จสิ้นแล้วจะแก้ไขหาได้ไม่
การสั่งให้โจทก์แก้ไขหรือเพิ่มเติมฟ้องจะกระทำได้เมื่อก่อนรับฟ้องหรือไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อสืบพยานเสร็จสิ้นแล้วจะแก้ไขหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฉ้อโกงและการยักยอกทรัพย์: การแยกความผิดฐานและความสมบูรณ์ของฟ้อง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยฉ้อโกงและว่าจำเลยเอาทรัพย์ที่ฉ้อโกงไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียนั้น ไม่เป็นฟ้องในความผิดฐานยักยอก
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มีต้องยกฟ้องโจทก์
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มีต้องยกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉ้อโกงและยักยอก: การฟ้องไม่สมบูรณ์ในฐานยักยอกเมื่อได้ทรัพย์มาจากการฉ้อโกง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยฉ้อโกงและว่าจำเลยเอาทรัพย์ที่ฉ้อโกงไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียนั้น ไม่เป็นฟ้องในความผิดฐานยักยอก
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มิต้องยกฟ้องโจทก์
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มิต้องยกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างของเวลาเกิดเหตุในฟ้องและข้อเท็จจริงในการพิจารณาคดี ไม่ทำให้ฟ้องไม่สมบูรณ์
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2494 เวลากลางวัน (06.00 น.) จำเลยปล้นทรัพย์ แม้ทางพิจารณาได้ความว่าเวลาเกิดเหตุเป็นเวลาขมุกขมัวมีแสงสว่างบ้างแล้วซึ่งจะถือว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนก็ใกล้เคียงกันมาก จะฟังว่าข้อเท็จจริงได้ความว่าเหตุเกิดเวลากลางคืนต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องซึ่งบรรยายว่าเหตุเกิดเวลากลางวัน จึงให้ยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ยังไม่ได้ และเมื่อฟ้องของโจทก์จำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดีโดยไม่หลงข้อต่อสู้จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องฉ้อโกงต้องระบุความจริงควบคู่ความเท็จ มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
ข้อเท็จจริงที่ต้องกล่าวในฟ้องฐานฉ้อโกงนั้น ต้องกล่าวไม่เฉพาะแต่ความเท็จ จำต้องกล่าวถึงความจริงว่าเป็นประ การใดด้วย ถ้ามีแต่ความเท็จอย่างเดียว ส่วนความจริงไม่ปรากฎ ก็เป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1048/ 2493.
ฟ้องในข้อหาฐานฉ้อโกงที่กล่าวแต่ความเท็จ ไม่ได้กล่าวว่าความจริงเป็นประการใดด้วยนั้น ถ้าพอจะค้นหาความ จริง ได้ในฟ้องข้อนั้นเองหรือในฟ้องข้ออื่นแล้ว ศาลก็ย่อมหยิบยกเอาความจริงที่ค้นมาได้นั้น มาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ หาว่าจำเลยกล่าวเท็จนั้นเป็นเท็จจริงหรือไม่
ฟ้องข้อ 1 กล่าวหาว่า จำเลยฉ้อโกงโดยเอาความเท็จมากล่าว,ฟ้องข้อ 2 ว่า ถึงกำหนดแล้วจำเลยหาได้นำทรัพย์ที่เอา ไปคืนให้โจทก์ไม่ ดังนี้เป็นเรื่องผิดคำรับรองหรือผิดสัญญาในทางแพ่ง เพราะโจทก์ไม่ได้ยืนยันมาในฟ้องว่า ่จำเลย ได้ตั้งใจจะไม่คืนทรัพย์ให้แก่โจทก์มาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ถึงกำหนดแล้ว ไม่คืนจะว่าเป็นความเท็จมาแต่ต้นย่อมไม่ ได้ ฟ้องดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5) .
ฟ้องในข้อหาฐานฉ้อโกงที่กล่าวแต่ความเท็จ ไม่ได้กล่าวว่าความจริงเป็นประการใดด้วยนั้น ถ้าพอจะค้นหาความ จริง ได้ในฟ้องข้อนั้นเองหรือในฟ้องข้ออื่นแล้ว ศาลก็ย่อมหยิบยกเอาความจริงที่ค้นมาได้นั้น มาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ หาว่าจำเลยกล่าวเท็จนั้นเป็นเท็จจริงหรือไม่
ฟ้องข้อ 1 กล่าวหาว่า จำเลยฉ้อโกงโดยเอาความเท็จมากล่าว,ฟ้องข้อ 2 ว่า ถึงกำหนดแล้วจำเลยหาได้นำทรัพย์ที่เอา ไปคืนให้โจทก์ไม่ ดังนี้เป็นเรื่องผิดคำรับรองหรือผิดสัญญาในทางแพ่ง เพราะโจทก์ไม่ได้ยืนยันมาในฟ้องว่า ่จำเลย ได้ตั้งใจจะไม่คืนทรัพย์ให้แก่โจทก์มาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ถึงกำหนดแล้ว ไม่คืนจะว่าเป็นความเท็จมาแต่ต้นย่อมไม่ ได้ ฟ้องดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5) .