คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยาเสพติด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,473 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3312/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้ข้อมูลสำคัญช่วยปราบปรามยาเสพติดเป็นเหตุลดโทษตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดฯ
ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่า ได้ซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจาก ว. ในราคาถุงละ 6,000 บาท เพื่อนำไปจำหน่ายในราคาถุงละ 8,000 บาท เจ้าพนักงานตำรวจจึงนำสำเนาภาพถ่ายตามบัตรประจำตัวประชาชนของ ว. ให้จำเลยดู จำเลยรับรองว่าเป็นภาพถ่ายของ ว. จริง จนเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจได้ออกหมายจับ ว. ไว้ จากข้อเท็จจริงดังกล่าวนับว่าจำเลยได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจ สมควรลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3245/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินจากคดียาเสพติด: ต้องมีมูลความผิดฐานจำหน่ายหรือครอบครองเพื่อจำหน่ายเท่านั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพเมทแอมเฟตามีน แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาลงโทษจำเลยข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพเมทแอมเฟตามีน ยกฟ้องข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายคดีถึงที่สุด โดยที่ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 3 ให้บทนิยามคำว่า "ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หมายความว่า การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติด และให้หมายความรวมถึงการสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ หรือพยายามกระทำความผิดดังกล่าวด้วย" มาตรา 27 วรรคหนึ่ง "...เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ก็ให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินนั้น..." และมาตรา 29 วรรคหนึ่ง "บรรดาทรัพย์สินซึ่งพนักงานอัยการได้ยื่นคำร้องต่อศาลตามมาตรา 27 วรรคหนึ่ง นั้น ให้ศาลไต่ส่วนหากคดีมีมูลว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้ศาลริบทรัพย์สินนั้น..." การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพเมทแอมเฟตามีน จึงมิได้อยู่ในความหมายของคำว่า "ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด" ตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ ในอันที่จะขอให้ริบเงิน 130,000 บาท ของกลาง ตามมาตรา 29 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวได้ ดังนั้น ผู้ร้องจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ริบเงิน 130,000 บาท ของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 29, 31 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2903/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บทสันนิษฐานการมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติด & การยกข้อไม่รู้กฎหมายในชั้นฎีกาเป็นฎีกาต้องห้าม
ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคสาม (2) ที่บัญญัติว่าการมีแอมเฟตามีนหรืออนุพันธ์แอมเฟตามีน มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่สามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมขึ้นไป... ให้ถือว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นบทสันนิษฐานเด็ดขาดของกฎหมายนั้น จำเลยไม่อาจนำสืบหักล้างเป็นอย่างอื่นได้ ทั้งตาม ป.อ. มาตรา 64 บัญญัติว่า "บุคคลจะแก้ตัวว่าไม่รู้กฎหมายเพื่อให้พ้นจากความรับผิดในทางอาญาไม่ได้ แต่ถ้าศาลเห็นว่าตามสภาพและพฤติการณ์ผู้กระทำความผิดอาจจะไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด ศาลอาจอนุญาตให้แสดงพยานหลักฐานต่อศาล และถ้าศาลเชื่อว่า ผู้กระทำไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติไว้เช่นนั้น ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้" เมื่อจำเลยมิได้ขออนุญาตแสดงพยานหลักฐานต่อศาลให้เชื่อว่าจำเลยไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติไว้ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ย่อมเป็นปัญหาที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง จึงเป็นฎีกาต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2804/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย และผลกระทบจากกฎหมายที่แก้ไขใหม่
ในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีการประกาศใช้บังคับ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5)ฯ ยกเลิกความในมาตรา 15 และ มาตรา 66 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน แต่เงื่อนไขที่เป็นองค์ประกอบความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามกฎหมายเดิม มาตรา 15 วรรคสอง เป็นคุณมากกว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่ มาตรา 15 วรรคสาม (2) จึงต้องใช้กฎหมายเดิมในส่วนที่เป็นบทความผิดบังคับแก่จำเลย ซึ่งตามฟ้องของโจทก์ได้ความเพียงว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางมีจำนวน 55 เม็ด น้ำหนัก 4.880 กรัม และอีก 1 ชิ้นไม่ทราบน้ำหนักเท่านั้นไม่เข้าข้อสันนิษฐานตาม มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม) ที่ว่าการมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ 20 กรัมขึ้นไป ให้ถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งพยานโจทก์ชุดจับกุมเบิกความแต่เพียงว่า ค้นพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 5 เม็ดอยู่ในถุงพลาสติกม้วนอยู่ใต้กางเกงชั้นในวางอยู่ที่พื้นข้างตู้ใส่พระเครื่อง และค้นพบเมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 50 เม็ดใส่ถุงพลาสติกซ่อนอยู่ใต้ดินในเล้าหมู ส่วนที่กล่าวอ้างว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายคงมีเพียงคำรับสารภาพในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวนเท่านั้น โดยไม่มีข้อเท็จจริงว่าจำเลยจะนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปจำหน่ายจ่ายแจกให้แก่ผู้ใด ที่ไหน อย่างไร แม้โจทก์จะนำสืบว่าในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ แต่คำรับสารภาพดังกล่าวเป็นเพียงพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อยในการรับฟัง นอกจากนี้จำเลยยังนำสืบว่าจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมซ้อม โดยมีบันทึกข้อความซึ่งพยาบาลเทคนิครับรองอาการบาดเจ็บของจำเลย ทั้งจำเลยอ้างว่าจำเลยไม่เคยลงลายมือชื่อในเอกสารใดให้เจ้าพนักงานตำรวจ ดังนั้น บันทึกการตรวจค้นจับกุมและบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาจึงเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยไม่ชอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226 พยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังโดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง คงรับฟังได้แต่เพียงว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 5 เม็ดไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2797/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และข้อจำกัดการอุทธรณ์คดี
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และเจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 4 กับยึดรถยนต์ซึ่งจำเลยทั้งสี่ใช้เป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดติดต่อซื้อขายยาเสพติดให้โทษเป็นของกลาง เมื่อจำเลยที่ 4 ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาว่าจำเลยที่ 4 กระทำความผิดตามฟ้อง จึงต้องฟังว่ารถยนต์ของกลางที่ยึดจากจำเลยที่ 4 เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 102 จำเลยที่ 4 ไม่มีสิทธิอุทธรณ์โต้เถียงว่ามิได้ใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ เพราะมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 เป็นการมิชอบ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยและพิพากษาให้คืนรถยนต์ของกลางแก่เจ้าของจึงเป็นการมิชอบเช่นกัน และโจทก์หามีสิทธิฎีกาต่อมาไม่ ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาโจทก์ ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่รับฎีกาของโจทก์และอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 โดยให้บังคับคดีลงโทษจำเลยที่ 4 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2581/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้สนับสนุนการกระทำความผิดยาเสพติด: การกระทำที่ช่วยเหลือเพื่อให้เกิดความผิด
จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 2 เป็นมารดาของจำเลยที่ 1 แต่มิได้อาศัยในบ้านที่เกิดเหตุร่วมกับจำเลยที่ 1 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ร้องตะโกนบอกให้จำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่บนบ้านชั้นสอง ทราบว่ามีตำรวจมาและร่วมกันปิดประตูบ้านบนชั้นสองเท่านั้น พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะ รับฟังว่า จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย แต่การที่จำเลยที่ 2 ร้องตะโกนบอกให้จำเลยที่ 1 ทราบว่ามีตำรวจมาและร่วมกันปิดประตูบ้านบนชั้นสอง แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ทราบดีว่าจำเลยที่ 1 บุตรชายของจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิด ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 1 มีเมทแอมฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดดังกล่าว ศาลฎีกาก็พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2176/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติด การคำนวณน้ำหนักบริสุทธิ์ไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง หากปริมาณยาเสพติดไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องระบุ
พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคหนึ่งและ 65 วรรคหนึ่ง มิได้มีการระบุถึงการคำนวณน้ำหนักบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนไว้แต่อย่างใดส่วนตามมาตรา 67 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวระบุแต่เพียงว่า "ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 20 กรัม โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 ต้องระวางโทษ..." คดีนี้น้ำหนักของเมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักเพียง 5.14 กรัม ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่าหากคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ก็คงไม่ถึง 20 กรัม อย่างแน่นอน ดังนั้น การที่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงน้ำหนักที่คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนของกลางก็ไม่เป็นการไม่ครบองค์ประกอบแห่งความผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการกระทำความผิดหลายกรรม: ครอบครอง-จำหน่ายยาเสพติด แม้เป็นส่วนหนึ่งของชุดเดียวกัน ก็ถือเป็นคนละกรรมได้
แม้เมทแอมเฟตามีนจำนวน 400 เม็ด ที่จำเลยจำหน่ายให้แก่สายลับจะเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายทั้งหมดก็ตาม แต่การกระทำของจำเลยก็แยกเจตนาเป็นสองกรรมต่างหากจากกันได้เพราะการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นความผิดซึ่งอาศัยเจตนาในการกระทำความผิดแตกต่างแยกจากกันได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรม หาใช่เป็นความผิดกรรมเดียวไม่
การที่จำเลยได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับตามที่ได้ตกลงกันถือได้ว่าเป็นการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนสำเร็จบริบูรณ์แล้ว แม้จะยังไม่ได้ชำระราคาหรือเงินให้กันก็ตาม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน หาใช่เป็นความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1888/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายยาเสพติดสำเร็จเมื่อส่งมอบของ ไม่ใช่แค่ตกลงราคา การพิสูจน์ความร่วมมือของจำเลยที่ 3 และเหตุผลลดโทษ
จำเลยที่ 1 ได้นำเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบแก่สิบตำรวจตรี น. กับพวกที่ลานจอดรถแล้ว โดยมีจำเลยที่ 2 รอรับชำระเงินจากพันตำรวจโท ป. หลังจากตรวจสอบจำนวนเงินกัน การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของจำเลยที่ 1 กับพวกจึงเป็นความผิดสำเร็จแล้ว มิใช่ยังอยู่ในขั้นพยายาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1717/2548 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนทรัพย์สินที่ยึดจากการกระทำผิดยาเสพติด เมื่อศาลฎีกายกฟ้องจำเลยในความผิดฐานนั้น
พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 32 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ในกรณีที่มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี หรือมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องผู้ต้องหาหรือจำเลยรายใด ให้การยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาหรือจำเลยรายนั้น รวมทั้งทรัพย์สินของผู้อื่นที่ได้ยึดหรืออายัดไว้เนื่องจากเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลยรายนั้นสิ้นสุดลง..." เมื่อปรากฏหลักฐานว่าศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาอันเป็นที่สุดให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จึงมีผลให้การยึดหรืออายัดทรัพย์สินทั้ง 7 รายการของผู้คัดค้านและจำเลยที่ 3 สิ้นสุดลงตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว แต่เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ริบทรัพย์สินของผู้คัดค้านและของจำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นได้ประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ตามกฎหมายให้บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องขอให้ริบทรัพย์สินเข้ามาในคดี คงมีแต่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านเพียงผู้เดียวโดยจำเลยที่ 3 มิได้ยื่นคำร้องคัดค้านเข้ามาในคดีตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 28, 29 แม้ผู้คัดค้านจะเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 3 ก็ไม่อาจขอคืนทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 แทนได้
of 148