คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยิง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 192 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บลงโทษตามบทหนัก
จำเลยยิง ม. 2 นัด นัดหนึ่งถูก ม. ไม่ตาย อีกนัดหนึ่งพลาดไปถูก พ. ตาย เป็นความผิดตาม มาตรา 288,60 กับ มาตรา 288,80 อีกบทหนึ่ง ลงโทษตาม มาตรา 288,60 ซึ่งเป็นบทหนัก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2699/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามฆ่า: การประเมินผลจากการยิงที่ไม่ถูกอวัยวะสำคัญ
ตามปกติอาวุธปืนเป็นอาวุธร้ายแรง หากกระสุนปืนที่จำเลยยิงถูกอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกายผู้เสียหาย และผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ก็เห็นได้ชัดว่าปืนกระบอกนั้นไม่อาจใช้ยิงให้ผู้เสียหายได้ แต่เมื่อกระสุนปืนที่จำเลยยิงเฉียดถูกผู้เสียหายที่ต้นแขนซ้ายมีบาดแผลเล็กน้อย จึงเป็นเรื่องการกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เพราะกระสุนปืนที่จำเลยยิงนั้นถูกอวัยวะส่วนไม่สำคัญของร่างกาย หาใช่เพราะการกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1777/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงด้วยอาวุธร้ายแรง แม้มิได้ซ้ำเติมถือเป็นพยายามฆ่า
จำเลยที่ 1 ใช้ปืนสั้นชนิดทำเองและกระสุนปืนลูกซองซึ่งเป็นลูกปราย ยิงผู้เสียหายทางด้านหลัง 1 นัด ในระยะห่าง 2 วาเศษ กระสุนปืนเฉียดถูกไหล่ขวาได้รับบาดแผลยาวประมาณ 3 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ลึกพอผิวหนังขาด เสื้อที่ผู้เสียหายสวมทะลุ 9 รู แต่ไม่มีบาดแผล และกระสุนปืนที่ยิงยังแผ่กระจายไปถูกเสาไฟฟ้าหน้าร้านที่เกิดเหตุ 1 แห่ง ถูกหลังคาสังกะสีหน้าร้านค้าติดร้านที่เกิดเหตุอีก 7 รู ที่ผู้เสียหายไม่ได้รับบาดเจ็บฉกรรจ์ อาจเป็นเพราะคุณภาพของปืนไม่ดีพอหรือจำเลยที่ 1 ยิงไม่แม่นก็ได้ แต่กระสุนปืนบางกลุ่มทำให้หลังคาสังกะสีทะลุได้ แสดงว่าดินส่งกระสุนปืนหาได้ขาดประสิทธิภาพไม่ และอาวุธปืนที่ใช้ยิงปืนเป็นอาวุธที่มีอันตรายร้ายแรง หากจำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหายอย่างจังไม่พลาดแล้ว ผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1777/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่าจากอาวุธร้ายแรง แม้ยิงไม่ถูกจุดสำคัญ ศาลพิพากษาความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยที่ 1 ใช้ปืนสั้นชนิดทำเองและกระสุนปืนลูกซองซึ่งเป็นลูกปรายยิงผู้เสียหายทางด้านหลัง 1 นัด ในระยะห่าง 2 วาเศษ กระสุนปืนเฉียดถูกไหล่ขวาได้รับบาดแผลยาวประมาณ 3 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ลึกพอผิวหนังขาด เสื้อที่ผู้เสียหายสวมทะลุ 9 รู แต่ไม่มีบาดแผล และกระสุนปืนที่ยิงยังแผ่กระจายไปถูกเสาไฟฟ้าหน้าร้านที่เกิดเหตุ 1 แห่ง ถูกหลังคาสังกะสีหน้าร้านค้าติดร้านที่เกิดเหตุอีก 7 รู ที่ผู้เสียหายไม่ได้รับบาดเจ็บฉกรรจ์ อาจเป็นเพราะคุณภาพของปืนไม่ดีพอหรือจำเลยที่ 1 ยิงไม่แม่นก็ได้ แต่กระสุนปืนบางกลุ่มทำให้หลังคาสังกะสีทะลุได้ แสดงว่าดินส่งกระสุนปืนหาได้ขาดประสิทธิภาพไม่และอาวุธปืนที่ใช้ยิงเป็นอาวุธที่มีอันตรายร้ายแรงหากจำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหายอย่างจังไม่พลาดแล้วผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันทรัพย์สินเกินกว่าเหตุ: การยิงสำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้าย
บ้านของจำเลยถูกลอบวางเพลิง ไฟกำลังไหม้หน้าบ้านจำเลยออกมาจากบ้านถือปืนออกมาด้วย แสดงว่าจะยิงคนร้ายครั้นเห็นผู้ตายยืนอยู่ที่หน้าบ้านจำเลยก็สำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้ายที่มาลอบวางเพลิง จำเลยจึงยิงผู้ตาย ถือได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันทรัพย์ของจำเลย แต่ไม่ได้ความว่าผู้ตายกำลังทำอะไรแก่บ้านของจำเลยที่ถูกไฟไหม้ ไม่มีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะต้องยิงผู้ตายจึงเป็นการเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวโดยชอบธรรมและการกระทำโดยบันดาลโทสะ
ผู้ตายเข้าผลักอกและเตะจำเลยก่อน จำเลยเตะตอบไปหนึ่งทีครั้นจำเลยถอยออกไป ผู้ตายก็ยังคงเดินตามเข้าไปยังจำเลยอีกด้วยท่าทางอย่างคนจะชกต่อย ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยได้ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงได้ยิงผู้ตายในขณะนั้นถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1807/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษหลายกรรมต่างกันจากการยิงต่อเนื่อง ศาลฎีกาแก้ไขโทษโดยลงโทษแต่ละกรรมตามบทหนัก
จำเลยร่วมกันใช้ปืนยิงเป็น 2 ชุด ชุดแรก 3 นัดติดๆ กันกระสุนปืนถูกผู้ตายซึ่งยืนอยู่บนบันไดร้านตกลงไปข้างล่างถึงแก่ความตาย ชุดหลังยิง 10 กว่านัด ถูกพวกผู้เสียหายซึ่งอยู่ข้างล่างร้านที่พื้นดินได้รับอันตรายแก่กาย ไม่ถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน มิใช่กรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดหลายกรรมต่างกัน: ยิงผู้อื่นเสียชีวิตและทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138,140, 288, 289, 80, 90, 91 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ใช้ปืนยิง อ. และ พ. ซึ่งนั่งอยู่ด้วยกันก่อน อ. ถึงแก่ความตาย ส่วน พ. ได้รับอันตรายสาหัสครั้นเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้เห็นเหตุการณ์เข้าจับกุมจำเลยตามหน้าที่ จำเลยได้ยิงเจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้นเพื่อขัดขวางการจับกุม จนเจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้นได้รับอันตรายแก่กายการกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน กล่าวคือที่ยิง อ. และ พ. นั้นเป็นกรรมหนึ่ง ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, และ 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และที่ยิงต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจนั้นเป็นอีกกรรมหนึ่ง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138, 140 และ 289ประกอบด้วยมาตรา 80 เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษ เฉพาะบทหนักอันเป็นการไม่ถูกต้องศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้เสียได้ โดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดยกประเด็นข้อนี้ขึ้น ฎีกาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษทางอาญาสำหรับความผิดหลายกรรมต่างกัน: การยิงผู้อื่นและขัดขวางการจับกุม
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138,140,288,289,80,90,91 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ใช้ปืนยิง อ.และพ. ซึ่งนั่งอยู่ด้วยกันก่อน อ.ถึงแก่ความตายส่วนพ. ได้รับอันตรายสาหัสครั้นเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้เห็นเหตุการณ์เข้าจับกุมจำเลยตามหน้าที่ จำเลยได้ยิงเจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้นเพื่อขัดขวางการจับกุม จนเจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้นได้รับอันตรายแก่กายการกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน กล่าวคือที่ยิง อ.และพ. นั้นเป็นกรรมหนึ่ง ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, และ 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และที่ยิงต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจนั้นเป็นอีกกรรมหนึ่ง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138,140 และ 289ประกอบด้วยมาตรา 80 เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษ เฉพาะบทหนักอันเป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้เสียได้ โดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดยกประเด็นข้อนี้ขึ้น ฎีกาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การยิงผู้ที่วิ่งหนีโดยไม่มีท่าทีจะหันกลับมาต่อสู้
จำเลยติดตามคนร้ายที่ลักเหล้าไปพบผู้ตายนั่งกินเหล้าอยู่ผู้ตายลุกขึ้นก้าวถอยหลังหนีแล้วควักปืนยิงจำเลย 1 นัด แล้วหันหลังวิ่ง แม้ขณะผู้ตายวิ่งไปได้ราว 3 วาเศษ ผู้ตายจะหักลำกล้องปืนและเอามือล้วงกระเป๋า ซึ่งปรากฏภายหลังว่ามีกระสุนปืนอยู่ในกระเป๋ากางเกงผู้ตาย 4 ลูก แต่ผู้ตายก็มิได้แสดงกิริยาว่าจะหันกลับมาต่อสู้ พอห่างจำเลย 16 - 17 วา จำเลยก็ยิงผู้ตายขณะผู้ตายกำลังวิ่งหันหลังให้ กระสุนปืนถูกผู้ตายด้านหลังถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
of 20