คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ร่วมกระทำผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 146 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมกันฆ่า: การสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำผิดและการร่วมกระทำผิด
พี่ชายจำเลยโต้เถียงกับเจ้าของที่นาข้างเคียงเรื่องเขตที่นาผู้ตายซึ่งเป็นกำนันพูดไกล่เกลี่ย พี่ชายจำเลยไม่เชื่อฟัง จึงถูกผู้ตายว่ากล่าว ต่อมาพี่ชายจำเลยเดินเข้าหาผู้ตายจำเลยเดินตามไปด้วยพร้อมกับพูดให้พี่ชายยิงผู้ตายให้ตาย พี่ชายจำเลยจึงใช้ปืนสั้นยิงผู้ตาย 2 นัด แล้วจำเลยกับพี่ชายวิ่งหนีไป ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยเป็นตัวการร่วมกับพี่ชายฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์ vs. ปล้นทรัพย์: การกระทำเฉพาะตัวของผู้ต้องหา และการร่วมกระทำผิดของผู้อื่น
จำเลยกับพวกอีก 3 คนร่วมกันลักโคของผู้เสียหายไป ผู้เสียหายกับชาวบ้านติดตามไปทันในระยะเวลากระชั้นชิดกันนั้นเอง พวกของจำเลยทั้ง 3 คนหลบหนีไปได้ก่อน คงเหลือแต่จำเลยผู้เดียวถูกผู้เสียหายกับชาวบ้านล้อมจับ จำเลยยิงปืนต่อสู้ขัดขวางการจับกุม และใช้ปืนตีทำร้ายผู้เสียหายจนถูกจับไว้ได้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเฉพาะตัว พวกของจำเลยมิได้ร่วมประทุษร้ายหรือขู่เข็ญผู้เสียหายกับพวกด้วย จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่หามีความผิดฐานปล้นทรัพย์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมวิ่งราวทรัพย์: การกระทำที่แสดงเจตนาในการร่วมกระทำผิด
จำเลยที่ 1 กระชากสร้อยคอผู้เสียหายได้แล้ววิ่งหนีไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยที่ 2 จอดติดเครื่องคอยอยู่ห่างที่เกิดเหตุ 10 วาเศษแล้วจำเลยที่ 2 ขับรถนั้นพาจำเลยที่ 1 หนีไปในทันใด พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการกระทำผิดฐานวิ่งราวทรัพย์โดยแบ่งหน้าที่กันทำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1306/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า: การสนับสนุนด้วยคำสั่งและการมีเจตนาทำร้ายร่วมกัน
จำเลยเมาสุรา ถือมีดดายหญ้ามาท้าทายจะทำร้ายผู้เสียหายซึ่งยืนอยู่ห่าง 1 วา คนละฟากรั้วสวน ต่อมา ย. ถือปืนสั้นมายืนอยู่ข้างจำเลย และบอกให้ผู้เสียหายกลับไปนอน พอผู้เสียหายหันตัวจะกลับบ้าน จำเลยพูดว่ายิงมันเลย แล้ว ย. ก็ใช้ปืนยิงผู้เสียหาย 4 นัด ผู้เสียหายถูกกระสุนปืนล้มลง แล้วจำเลยยังพูดต่อไปอีกว่า ตายแล้วยัง มาสู้กันอีก พฤติการณ์ของจำเลยเช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยได้ร่วมในการยิงผู้เสียหายกับ ย. ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการออกเช็ค – การเซ็นรับรองลายมือผู้สั่งจ่ายเช็คถือเป็นความร่วมกระทำผิด
การที่จำเลยเซ็นรับรองลายมือของบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายในเช็ค และจำเลยนำเช็คดังกล่าวไปใช้จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เพราะมาตรา 17 แห่งประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติว่าบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญานี้ ให้ใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วยเว้นแต่กฎหมายนั้นๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น และมาตรา 83 ก็เป็นบทบัญญัติในภาค 1 ทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 ก็มิได้บัญญัติในเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1665-1670/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิด พ.ร.บ.ขนส่ง: การกระทำความผิดต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตฯ การร่วมกระทำผิดกับผู้ไม่มีใบอนุญาตฯ ไม่สามารถทำได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ. แต่ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณ. จำเลยเป็นแต่ลูกจ้างคนขับรถยนต์โดยสารสาธารณะของนายจ้างเท่านั้น. แม้จำเลยจะขับรับผู้โดยสารล่วงล้ำเข้าไปในเส้นทางที่รถบริษัทอื่นได้รับใบอนุญาตการขนส่งประจำทางก็ตาม. คนขับหรือจำเลยซึ่งมิใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ ย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 14.
พระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา 14 บัญญัติห้ามเฉพาะผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเท่านั้น จะขยายความไปถึงคนอื่นด้วยไม่ได้ เพราะเป็นความผิดอาญา.
แม้การเก็บค่าโดยสารมีลักษณะเป็นการแข่งขันก็จริง. แต่เมื่อจำเลยมิใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ. ก็ขาดองค์ความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา 14.
กรณีบุคคลสองคนขึ้นไปร่วมกันทำความผิดนั้น. โจทก์จะไม่ระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาด้วยก็ได้. แต่โจทก์ต้องบรรยายฟ้อง มิฉะนั้นก็ไม่มีข้อหาหรือประเด็นว่าจำเลยกระทำผิดร่วมกับพวกหรือไม่.
ความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่ง มาตรา 14 เป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคลผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะเท่านั้น ไม่อาจมีการร่วมกันกระทำผิดกับผู้ที่มิได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะด้วยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1562/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เสียหายในคดีอาญา: การพิสูจน์ความเสียหายโดยตรงและการมีส่วนร่วมกระทำผิด
โจทก์ที่ 1 ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล ได้มีคำสั่งให้โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ช่วยพยาบาลทำหน้าที่เบิกจ่ายเงินค่าอาหารคนไข้และเก็บรักษาเงินสะสมโรงพยาบาล และให้ลงรายการจำนวนของและจำนวนเงินเกินกว่าที่จ่ายไปจริง อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และโดยทุจริต ดังนี้ เมื่อตามฟ้องของโจทก์แสดงออกแจ้งชัดว่าโจทก์ที่ 1 ได้ร่วมกระทำผิดด้วยกับจำเลยที่ 1 และตนจะแก้ตัวอ้างความจำเป็นในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาที่จำต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ตนรู้อยู่ว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้บังคับบัญชาไม่ได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ที่จะมีอำนาจฟ้องคดีขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญาได้
ตามฟ้องโจทก์ที่ 2 กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล เอาหน้าที่ของโจทก์ที่ 2 ไปให้โจทก์ที่ 1 ทำบ้าง จำเลยที่ 2 ทำบ้าง และเป็นการกระทำโดยมิชอบและโดยทุจริต เป็นเหตุให้โจทก์ที่ 2 เสียหาย เมื่อการมอบหมายงานอยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ที่จะสั่งได้ และโจทก์ที่ 2 ซึ่งมิใช่เป็นผู้กระทำหรือละเว้นกระทำ จึงหาจำต้องรับผิดในความเสียหายนั้นแต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องคดีขอให้ลงโทษจำเลยอันเป็นความผิดตามมาตรา 267,268 ประมวลกฎหมายอาญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำผิดและสนับสนุนการกระทำความผิด: การพิสูจน์เจตนาและพฤติการณ์ร่วม
จำเลยทั้งสองกับพวกได้มาที่บ้านผู้เสียหายด้วยกันแต่เมื่อจำเลยที่ 1 มาห่างผู้เสียหาย 4 เมตร จำเลยที่ 1 ก็หยุดอยู่ตรงนั้นส่วนจำเลยที่ 2 กับพวกหาได้หยุดไม่คงเดินเลยบ้านผู้เสียหายไป 10 วาจึงหยุด เมื่อเป็นดังนี้การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหายโดยลำพังตนเองจึงไม่แน่ว่าจำเลยที่ 2 จะได้ร่วมกันเพื่อมาทำร้ายผู้เสียหาย เพราะอาจฟังว่าจำเลยที่ 1 มาพบผู้เสียหาย และด้วยเคยมีเรื่องกันมาก่อนส่วนการที่จำเลยที่ 2 ได้ร้องบอกให้จำเลยที่ 1 ยิงซ้ำ จำเลยที่ 1 ก็หาได้กระทำตามที่จำเลยที่ 2 ร้องบอกไม่กลับวิ่งไปแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกก็พากันหนีไปการกระทำของจำเลยที่ 2 ก็ยังไม่พอฟังว่าเป็นผู้สนับสนุน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำผิดและสนับสนุนการกระทำความผิดอาญา: การพิพากษาต้องอาศัยหลักการร่วมกันกระทำความผิดที่ชัดเจน
จำเลยทั้งสองกับพวกได้มาที่บ้านผู้เสียหายด้วยกันแต่เมื่อจำเลยที่ 1 มาห่างผู้เสียหาย 4 เมตร จำเลยที่ 1 ก็หยุดอยู่ตรงนั้นส่วนจำเลยที่ 2 กับพวกหาได้หยุดไม่คงเดินเลยบ้านผู้เสียหายไป 10 วาจึงหยุด เมื่อเป็นดังนี้การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหายโดยลำพังตนเองจึงไม่แน่ว่าจำเลยที่ 2 จะได้ร่วมกันเพื่อมาทำร้ายผู้เสียหาย เพราะอาจฟังว่าจำเลยที่ 1 มาพบผู้เสียหาย และด้วยเคยมีเรื่องกันมาก่อนส่วนการที่จำเลยที่ 2 ได้ร้องบอกให้จำเลยที่ 1 ยิงซ้ำ จำเลยที่ 1 ก็หาได้กระทำตามที่จำเลยที่ 2 ร้องบอกไม่กลับวิ่งไปแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกก็พากันหนีไปการกระทำของจำเลยที่ 2 ก็ยังไม่พอฟังว่าเป็นผู้สนับสนุน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำผิดและสนับสนุนการกระทำผิด: การพิจารณาเจตนาและพฤติการณ์ของผู้กระทำ
จำเลยทั้งสองกับพวกได้มาที่บ้านผู้เสียหายด้วยกัน.แต่เมื่อจำเลยที่ 1 มาห่างผู้เสียหาย 4 เมตร. จำเลยที่ 1 ก็หยุดอยู่ตรงนั้น. ส่วนจำเลยที่ 2 กับพวกหาได้หยุดไม่คงเดินเลยบ้านผู้เสียหายไป 10 วาจึงหยุด. เมื่อเป็นดังนี้การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหายโดยลำพังตนเอง. จึงไม่แน่ว่าจำเลยที่ 2 จะได้ร่วมกันเพื่อมาทำร้ายผู้เสียหาย. เพราะอาจฟังว่าจำเลยที่ 1 มาพบผู้เสียหาย. และด้วยเคยมีเรื่องกันมาก่อน. ส่วนการที่จำเลยที่ 2 ได้ร้องบอกให้จำเลยที่ 1 ยิงซ้ำ. จำเลยที่ 1 ก็หาได้กระทำตามที่จำเลยที่ 2 ร้องบอกไม่กลับวิ่งไปแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกก็พากันหนีไป.การกระทำของจำเลยที่ 2 ก็ยังไม่พอฟังว่าเป็นผู้สนับสนุน. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86.
of 15