คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สามีภริยา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 238 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3682/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือคนต่างด้าว: การอยู่กินฉันสามีภริยา ไม่ถือว่าเป็นการซ่อนเร้นเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม
กรณีจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64 จะต้องได้ความว่า ผู้ที่จำเลยให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต และจำเลยก็ทราบแล้ว ทั้งต้องเป็นการให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
เมื่อปรากฏว่าจำเลยกับ ท. ซึ่งโจทก์ว่าเป็นคนต่างด้าวได้แต่งงานกันตามประเพณี และได้อยู่กินด้วยกันโดยเปิดเผย ประกอบอาชีพทำสวนทำไร่และค้าขายจนมีบุตรด้วยกัน 3 คน จำเลยนำชื่อบุตรไปลงไว้ในทะเบียนบ้านว่าเป็นบุตรที่เกิดจาก ท.และให้ใช้นามสกุลของท.บ้านที่ท.ถูกจับก็เป็นบ้านที่จำเลยกับ ท. ร่วมกันสร้างระหว่างอยู่กินเป็นสามีภริยากัน ในวันที่ตำรวจไปค้นบ้านจำเลยก็พบ ท. นอนเล่นอยู่หลังบ้านมิได้ซ่อนเร้นแต่อย่างใดจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยให้ ท. เข้าพักอาศัยหรือซ่อนเร้นเพื่อให้ ท. พ้นจากการจับกุม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าขาดจากสามีภริยาเนื่องจากแยกกันอยู่และไม่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดู
โจทก์จำเลยแต่งงานจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภริยากัน จำเลยออกจากบ้านโจทก์ไปอยู่กับมารดา ไม่ยอมอยู่กินฉันสามีภริยากับโจทก์ เป็นการไม่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน และเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง ซึ่งเมื่อคำนึงถึงสภาพฐานะความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาแล้ว เป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์เดือดร้อนเกินควร เข้าเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516(6) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าจากกรณีแยกกันอยู่และไม่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดู ทำให้โจทก์เดือดร้อนเกินควร
โจทก์จำเลยแต่งงานจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภริยากัน จำเลยออกจากบ้านโจทก์ไปอยู่กับมารดา ไม่ยอมอยู่กินฉันสามีภริยากับโจทก์ เป็นการไม่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน และเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง ซึ่งเมื่อคำนึงถึงสภาพฐานะความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาแล้ว เป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์เดือดร้อนเกินควร เข้าเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516(6) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1976/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องเรียนคู่สมรสฐานประพฤติชู้ ไม่ถือเป็นการเป็นปฏิปักษ์ร้ายแรงต่อการเป็นสามีภริยา
การที่จำเลยร้องเรียนกล่าวโทษโจทก์ต่อผู้บังคับบัญชาเป็นการกระทำด้วยอารมณ์หึงหวงอันเนื่องมาจากถูกโจทก์ทอดทิ้งแล้วโจทก์ไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น การกระทำของจำเลยยังไม่เพียงพอที่จะถือว่า ได้ทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำต่อเนื่องเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา ไม่ขาดอายุความฟ้องหย่า
จำเลยมิได้อยู่กินเป็นสามีภริยากับโจทก์มาถึงทุกวันนี้เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วโดยจำเลยมีสามีใหม่และอยู่กินกับสามีใหม่ตลอดมาจนขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้การกระทำของจำเลยดังกล่าว นอกจากจะเป็นเหตุหย่าในเหตุอื่นเช่นมีชู้จงใจละทิ้งอีกฝ่ายหนึ่งไปเกิน 1 ปี เป็นต้นแล้วยังเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรงอีกด้วย และเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องตลอดมาทุกวัน คดีจึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรสก่อน-หลังใช้ประมวลกฎหมายแพ่ง: กฎหมายที่ใช้บังคับเมื่อสามีภริยาสมรสก่อนและเสียชีวิตหลังใช้กฎหมายใหม่
เป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5(ฉบับปี พ.ศ.2477) แต่ตายจากกันเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 (ฉบับปี พ.ศ.2519)แล้ว การแบ่งสินสมรสระหว่างผู้ตายกับคู่สมรสฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่จะต้องนำกฎหมายลักษณะผัวเมียซึ่งใช้ขณะสมรสมาใช้บังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2803/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าร้าง: การไม่ช่วยเหลือดูแลบุตรหลังคลอด ไม่ถือเป็นการละทิ้งร้าง
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยคลอดบุตรแล้วโจทก์ไม่อยู่ช่วยดูแลบุตรจำเลยจึงต้องพาบุตรไปอาศัยอยู่กับมารดาของจำเลยชั่วคราว แต่โจทก์กลับไม่ยอมให้จำเลยอยู่ด้วยโดยไปแจ้งย้ายทะเบียนบ้าน ให้จำเลยและบุตรออกไปจากบ้านโจทก์ เมื่อจำเลยมาพบพูดจากับโจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นสามี โจทก์ก็ไม่ยอมพูดด้วย จำเลยต้องอาศัยอยู่กับมารดาของจำเลยต่อมา ดังนี้ จึงไม่ใช่เป็นเรื่องจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ อันเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุหย่า: การไม่นำพาอยู่ร่วมกัน และการปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา ศาลไม่อาณัติหย่า
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยซึ่งเป็นภริยาไม่นำพาที่จะอยู่ร่วมกับโจทก์ ไม่อ้างว่าจำเลยละทิ้งโจทก์ ไม่เป็นเหตุหย่าตาม มาตรา 1516(4) จำเลยไม่ไปอยู่กับโจทก์ต่างอำเภอโจทก์ก็มาหาจำเลยเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งจำเลยยอมให้โจทก์อยู่กินหลับนอนด้วย ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง ไม่เป็นเหตุหย่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1829/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าร่วมกันของสามีภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย: โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้
โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยาไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีบุตรด้วยกัน5 คน ทุกคน อยู่ในห้องเช่าพิพาทโดยน้องชายจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าเดิมแบ่งให้อาศัยทำมาค้าขาย ต่อมาน้องชายจำเลยโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์จำเลย แต่จำเลยยอมให้โจทก์เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้เช่าแต่ผู้เดียว ดังนี้ โจทก์จำเลยได้สิทธิการเช่ามาในฐานะเจ้าของร่วมกัน โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าที่พิพาทไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความกับคู่สามีภริยาโดยไม่จดทะเบียนสมรส: ชอบด้วยกฎหมายและมีผลผูกพัน
จำเลยมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ได้มาอยู่กินกับโจทก์ฉันสามีภริยาต่อมาโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกอยู่กินด้วยกันโดยจำเลยจะให้เงินโจทก์ 40,000 บาท และได้ขอให้พนักงานสอบสวนจดบันทึกข้อตกลงนั้นไว้ในรายงานประจำวันแล้วโจทก์จำเลยลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน บันทึกข้อตกลงดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย มีผลสมบูรณ์ให้จำเลยต้องปฏิบัติตามไม่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่เป็นโมฆะ
ตามบันทึกข้อตกลงของโจทก์จำเลยมีความว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส อยู่กินด้วยกันมาประมาณ 7 ปีต่อมาไม่เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายจึงประสงค์ขอเลิกจากการเป็นสามีภริยา โดยจำเลยขอให้เงินโจทก์ 40,000 บาท เป็นค่าที่ได้อยู่กินกันมา บันทึกดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทที่มีอยู่หรือจะมีขึ้นเนื่องจากความไม่เข้าใจกันโจทก์จำเลยจึงตกลงเลิกจากการอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา โดยจำเลยตกลงให้เงินเป็นการตอบแทนที่โจทก์อยู่กินด้วยกันมากับจำเลย ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850มิใช่สัญญาให้โดยเสน่หา จำเลยจึงไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภริยาก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3)
of 24