พบผลลัพธ์ทั้งหมด 460 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดิน: สัญญาเช่าที่ไม่ผูกพันผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาด จำเลยต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
การที่จำเลยที่1ออกเงินปลูกสร้างตึกแถวให้ ว. เจ้าของที่ดินเดิมและ ว. ยินยอมให้จำเลยที่1นำตึกแถวดังกล่าวไปให้จำเลยที่2เช่ามีกำหนด20ปีสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทนระหว่าง ว. กับจำเลยที่1ซึ่งเป็นบุคคลสิทธิผูกพันเฉพาะคู่สัญญาส่วน ข้อตกลงที่ว่าเมื่อครบกำหนด20ปีแล้วให้ตึกแถวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ ว. แต่ข้อตกลงดังกล่าวมิได้นำไปจดทะเบียนสิทธิเป็นสิทธิเหนือพื้นดินจึงมีผลใช้บังคับได้ระหว่างคู่สัญญาเท่านั้นไม่มีผลผูกพันโจทก์ผู้ซื้อที่ดินซึ่งมิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่1แม้โจทก์ทราบสัญญานี้ก็ไม่ผูกพันโจทก์เพราะโจทก์มิได้ยินยอมตกลงกับจำเลยที่1ด้วย ส่วนจำเลยที่2นั้นแม้จะ จดทะเบียนการเช่าตึกแถวกับจำเลยที่1มีกำหนด20ปีก็ตามแต่เมื่อจำเลยที่1ไม่มีสิทธิที่จะให้ตึกแถวอยู่ในที่ดินของโจทก์ได้แล้วต้องถือว่าจำเลยที่2เป็น บริวารของจำเลยที่1จึงต้องออกไปจากที่ดินของโจทก์เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินมรดก: การครอบครองและแบ่งแยกที่ดินตามแผนที่, การพิพาทเรื่องฐานะเจ้าของ
อุทธรณ์ของจำเลยโต้เถียงว่าที่พิพาททั้งหมดมิใช่ทรัพย์มรดกหากข้อเท็จจริงเป็นดังที่จำเลยอุทธรณ์จำเลยย่อมได้รับผลตามข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งคดีจึงเป็นคดีที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ตามราคาทรัพย์พิพาทคือ54,000บาทโดยไม่แยกทุนทรัพย์ตามที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้องเมื่อที่พิพาทมีราคาเกินกว่าห้าหมื่นบาทจึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตฟ้องแย้งเกี่ยวกับที่ดินพิพาท: การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างฟ้องเดิมและฟ้องแย้งเพื่อชี้ขาดสิทธิในที่ดิน
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินที่จำเลยใช้สร้างสะพานทางเดินพิพาทเป็นที่ดินของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอน จำเลยให้การว่าที่ดินดังกล่าวเจ้าของที่ดินเดิมอุทิศให้เป็นทางสาธารณะ ประเด็นแห่งคดีเดิมจึงมีว่า ที่ดินที่จำเลยใช้สร้างสะพานทางเดินพิพาทเป็นที่ดินของโจทก์หรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดินที่สร้างสะพานทางเดินพิพาทกว้าง 1.5 เมตรยาวประมาณ 37.4 เมตร เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับทรัพย์พิพาทเดียวกันกับฟ้องเดิม ฟ้องแย้งส่วนนี้ย่อมเกี่ยวกับฟ้องเดิม
ฟ้องแย้งในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินทั้งสองด้านของที่ดินที่ใช้สร้างทางเดินพิพาทในฟ้องเดิมนั้น เป็นที่ดินติดเป็นผืนเดียวกันกับทางเดินพิพาท เท่ากับจำเลยอ้างว่าที่ดินพิพาทกว้างยาวกว่าที่โจทก์ระบุมาในฟ้องเดิม และเป็นการตั้งสิทธิว่าถูกโจทก์โต้แย้งสิทธิตามฟ้องเดิมโดยโจทก์อ้างว่าที่ดินที่จำเลยฟ้องแย้งในส่วนนี้ก็เป็นของโจทก์ ถือได้ว่าฟ้องแย้งในส่วนนี้มีส่วนสัมพันธ์กับฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ฟ้องแย้งในส่วนนี้จึงเกี่ยวกับฟ้องเดิม
ฟ้องแย้งในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินทั้งสองด้านของที่ดินที่ใช้สร้างทางเดินพิพาทในฟ้องเดิมนั้น เป็นที่ดินติดเป็นผืนเดียวกันกับทางเดินพิพาท เท่ากับจำเลยอ้างว่าที่ดินพิพาทกว้างยาวกว่าที่โจทก์ระบุมาในฟ้องเดิม และเป็นการตั้งสิทธิว่าถูกโจทก์โต้แย้งสิทธิตามฟ้องเดิมโดยโจทก์อ้างว่าที่ดินที่จำเลยฟ้องแย้งในส่วนนี้ก็เป็นของโจทก์ ถือได้ว่าฟ้องแย้งในส่วนนี้มีส่วนสัมพันธ์กับฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ฟ้องแย้งในส่วนนี้จึงเกี่ยวกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดิน: พิพาทระหว่างเจ้าของที่ดินกับที่สาธารณสมบัติ, การคำนวณทุนทรัพย์ในคดี
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเฉพาะส่วนที่ออกทับที่ของโจทก์จำนวน 45 ไร่ และเรียกค่าเสียหายอ้างว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์ได้รับยกให้จากบิดา ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) จำเลยให้การว่า ที่ดินตามฟ้องเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ร่วมกันโจทก์มิใช่เจ้าของที่ดินดังกล่าว คดีจึงมีประเด็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นที่สาธารณประโยชน์ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาท หาใช่มีทุนทรัพย์เพียงเท่าค่าเสียหายจำนวน 20,000 บาท จึงไม่ต้องห้ามโจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามป.วิ.พ.มาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินพิพาท: การได้มาโดยครอบครอง & บุคคลภายนอกฟ้องแย้งสิทธิ
คำสั่งศาลชั้นต้นที่แสดงว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดิน โดยการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 ยังผูกพันอยู่ แต่ผู้ร้องไม่สามารถจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ได้ เนื่องจากศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งให้ พ. ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดดังกล่าวโดยการครอบครองเช่นเดียวกันและสำนักงานที่ดินได้ออกใบแทนโฉนดให้แล้วก่อนที่ผู้ร้องจะมายื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์คดีนี้ คำสั่งศาลดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว ไม่อาจเพิกถอนได้ คำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่าไม่ต้องจดทะเบียนให้ผู้ใด ให้คู่กรณีไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ไม่เป็นการแก้หรือกลับ คำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง การที่ผู้ร้องไม่สามารถจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามสิทธิของตนเนื่องจากพ. ผู้ร้องในคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งของศาลชั้นต้นจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ก่อนอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง เมื่อผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าวจึงเป็นบุคคลภายนอกมีอำนาจพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิในที่ดินโฉนดดังกล่าวดีกว่า พ.ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 (2) จึงชอบที่เสนอคดีต่อศาลอย่างคดีมีข้อพิพาทไม่อาจร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีหนังสือขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแก่ผู้ร้องในคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดิน: บุคคลภายนอกพิสูจน์สิทธิได้เหนือผู้ที่ได้สิทธิครอบครองก่อนจากคำสั่งศาล
การที่ผู้ร้องไม่สามารถจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามสิทธิของตนเนื่องจาก พ. ผู้ร้องในคดีแพ่งแดงที่211/2528ของศาลชั้นต้นจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ก่อนอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องเมื่อผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าวจึงเป็นบุคคลภายนอกมีอำนาจพิสูจน์ว่าตนมีสิทธิในที่ดินโฉนดดังกล่าวดีกว่า พ. ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145(2)จึงชอบที่เสนอคดีต่อศาลอย่าง คดีมีข้อพิพาทไม่อาจร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีหนังสือขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแก่ผู้ร้องในคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินเมื่อมีคำสั่งศาลขัดแย้ง: การโต้แย้งสิทธิของบุคคลภายนอกและการจดทะเบียน
คำสั่งศาลชั้นต้นที่แสดงว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382ยังผูกพันอยู่แต่ผู้ร้องไม่สามารถจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ได้เนื่องจากศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งให้พ.ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดดังกล่าวโดยการครอบครองเช่นเดียวกันและสำนักงานที่ดินได้ออกใบแทนโฉนดให้แล้วก่อนที่ผู้ร้องจะมายื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์คดีนี้คำสั่งศาลดังกล่าวถึงที่สุดแล้วไม่อาจเพิกถอนได้ไม่อาจเพิกถอนได้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่าไม่ต้องจดทะเบียนให้ผู้ใดให้คู่กรณีไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไปไม่เป็นการแก้หรือกลับคำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองการที่ผู้ร้องไม่สามารถจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามสิทธิของตนเนื่องจากพ.ผู้ร้องในคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งของศาลชั้นต้นจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ก่อนอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องเมื่อผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าวจึงเป็นบุคคลภายนอกมีอำนาจพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิในที่ดินโฉนดดังกล่าวดีกว่าพ.ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145(2)จึงชอบที่เสนอคดีต่อศาลอย่างคดีมีข้อพิพาทไม่อาจร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีหนังสือขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแก่ผู้ร้องในคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การทำให้ประเด็นสิทธิในที่ดินไม่ได้รับการพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การประเด็นข้อพิพาทคงเกิดจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามฟ้องโจทก์ที่ว่าสิทธิครอบครองที่พิพาทเป็นของโจทก์และให้จำเลยทั้งสองอาศัยหรือไม่ไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยทั้งสองโดยเป็นผู้บุกเบิกมาตั้งแต่ต้นหรือไม่ตามที่จำเลยทั้งสองฎีกาฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อนี้จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8185/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางสาธารณะ-สิทธิในที่ดิน: คำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันบุคคลภายนอก หากพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีสิทธิดีกว่า
ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีถึงที่สุดว่าทางหน้าตึกที่จำเลยทั้งสองก่อสร้างกำแพงคอนกรีตและเทพื้นคอนกรีตเป็นทางที่เจ้าของที่ดินอุทิศให้เป็นทางสาธารณะจึงเป็นทางสาธารณะจำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิกระทำเช่นนั้นได้คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นคำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินเป็นคุณแก่โจทก์ทั้งสองโจทก์ทั้งสองอาจใช้ยันผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้เว้นแต่ผู้ร้องจะพิสูจน์ได้ว่าผู้ร้องมีสิทธิดีกว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145วรรคสอง(2) ในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมไม่ว่าคู่ความจะมีคำขอหรือไม่ศาลต้องสั่งลงไว้ในคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีดังนั้นในกรณีนี้แม้โจทก์ที่2ไม่ได้มีคำขอมาในคำคัดค้านให้ผู้ร้องใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ที่2ด้วยศาลชั้นต้นก็มีอำนาจสั่งให้ผู้ร้องใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ที่2ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา167
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8147/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินปฏิรูป: การได้มาซึ่งสิทธิและการโอนสิทธิในที่ดินภายใต้ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดิน
การที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ในเขตการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม สิทธิดังกล่าวเป็นสิทธิเฉพาะตัว ห้ามมิให้ผู้ที่ได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินโอนสิทธินั้นไปยังบุคคลอื่น เว้นแต่เป็นการตกทอดโดยทางมรดก ตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มาตรา 39แม้จำเลยทั้งสองจะเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทมาก่อนปฏิรูปที่ดิน แต่เมื่อทางราชการประกาศให้เขตที่ที่ดินพิพาทตั้งอยู่เป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแล้ว ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มาตรา 36 ทวิ ย่อมมีสิทธิที่จะนำไปให้บุคคลใดที่มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนเข้าไปครอบครองทำประโยชน์ได้ เมื่อทางสำนักงานปฏิรูปที่ดินได้ตรวจสอบคุณสมบัติของโจทก์แล้วอนุญาตให้โจทก์เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท จำเลยทั้งสองจะอ้างว่าตนมีสิทธิครอบครองมาแต่เดิมหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลยทั้งสอง