คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิ้นสุด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 200 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2904/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่สาธารณสมบัติ: การครอบครองและการเช่าทำให้สิทธิเหนือผู้อื่นสิ้นสุดลง
สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304(2) นั้นผู้ใดหามีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ไม่ คงมีแต่สิทธิดีกว่าผู้อื่น ซึ่งสิทธิดังกล่าวจะมีอยู่ตลอดเวลาที่ครอบครองเท่านั้นเมื่อผู้ครอบครองให้เช่า ที่ดินไปแล้วสิทธิดีกว่าผู้อื่นก็สิ้นไปโดยผู้เช่าย่อมเป็นผู้มีสิทธิดีกว่าผู้อื่นต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2088/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจรับเงินค่าก่อสร้างสิ้นสุดเมื่องานเสร็จและรับเงินครบถ้วน สิทธิเรียกร้องจึงระงับ
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า โจทก์มีอำนาจตามหนังสือมอบอำนาจรับเงินค่าก่อสร้างโรงเรียน น.จากกรมสามัญศึกษาตลอดไปจนเสร็จงาน เมื่อได้ความว่าการก่อสร้างได้แล้วเสร็จและจำเลยผู้มอบอำนาจให้โจทก์รับเงินค่าก่อสร้างดังกล่าวได้รับเงินไป จากกรมสามัญศึกษาหมดสิ้นแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าก่อสร้างจากกรมสามัญศึกษาโดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยทำให้ไว้ได้อีกย่อมไม่อาจบังคับให้เป็นไปตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไป ส่วนโจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยรับไปเพียงใดเป็นเรื่องที่จะไปฟ้องร้องว่ากล่าวเอากับจำเลยเป็นอีกส่วนหนึ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิรับเงินจากกรมสามัญศึกษาตามหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้ ไม่ได้ฟ้องเรียกเงินหรือทรัพย์สินจากจำเลยด้วย จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท คู่ความเสียค่าขึ้นศาลในแต่ละศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เรียกเกินมาให้แก่คู่ความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีจัดการมรดก: นับจากวันที่จัดการมรดกเสร็จสิ้น
น. และจำเลยที่1ผู้จัดการมรดกของส. ต่างก็เป็นทายาทของเจ้ามรดกโดยน. เป็นภรรยาจำเลยที่1เป็นบุตรการที่บุคคลทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกโอนทรัพย์มรดกให้แก่ตนเองและทายาทอื่นซึ่งมีสิทธิได้รับมรดกอยู่แล้วมิใช่เป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก. ผู้จัดการมรดกมิได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกยื่นต่อศาลเป็นกรณีที่ศาลอาจถอนผู้จัดการมรดกเสียได้เท่านั้นหาเป็นเหตุให้อำนาจในการจัดการมรดกสิ้นสุดไปไม่เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลถอนผู้จัดการมรดกอำนาจในการจัดการมรดกของผู้จัดการมรดกยังคงมีอยู่ต่อไป เมื่อผู้จัดการมรดกได้ทำการโอนทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ทายาทของเจ้ามรดกไปหมดแล้วในวันที่29ตุลาคม2518ถือว่าการจัดการมรดกสิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่วันดังกล่าวโจทก์ฟ้องคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกเมื่อวันที่4มิถุนายน2524เกินกว่า5ปีนับแต่การจัดการมรดกเสร็จสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความตามป.พ.พ.มาตรา1733 คำฟ้องโจทก์มิได้แสดงโดยแจ้งชัดให้เห็นว่าผู้จัดการมรดกก็ดีจำเลยก็ดีได้กระทำการใดๆอันจะถือได้ว่าเป็นการรับสภาพความผิดต่อโจทก์ตามป.พ.พ.มาตรา172หรือกระทำการอื่นใดอันจะถือว่าเป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามป.พ.พ.มาตรา192จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้นปัญหาเรื่องนี้เป็นเรื่องอายุความฟ้องร้องมิใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3739/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่รับอุทธรณ์และการสิ้นสุดกระบวนการพิจารณาคดีเมื่อศาลอุทธรณ์ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง มีผลเป็นการไม่รับอุทธรณ์ยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น แม้เหตุที่ยกขึ้นอ้างในการไม่รับอุทธรณ์จะต่างกัน คำสั่งศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดของสิทธิฟ้องเพิกถอนการสมรสเมื่อการสมรสสิ้นสุดลงแล้วก่อนฟ้อง
โจทก์กับ ป. เป็นสามีภริยากัน ต่อมา ป. จดทะเบียนสมรสกับจำเลยอีก เมื่อการสมรสระหว่างโจทก์กับ ป. ได้สิ้นสุดลงเพราะความตายของ ป. ก่อนโจทก์ฟ้อง ฟ้องมิได้แสดงให้เห็นว่ากระทบกระเทือนต่อสิทธิอันใดของโจทก์อีก ที่จะต้องขอให้ศาลเพิกถอนการสมรสซึ่งสิ้นสุดไปก่อนแล้ว ไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิในคำฟ้อง เมื่อคำฟ้องไม่ปรากฏว่ามีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอเพิกถอนการสมรสระหว่าง ป. กับจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทสิ้นสุดเมื่อโจทก์พ้นสถานะกรรมการและไม่มีส่วนได้เสียในบริษัท
โจทก์ฟ้องคดีในนามของโจทก์ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท มิใช่ฟ้อง ในฐานะทำการแทนบริษัทเพื่อบังคับจำเลยให้รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง กรรมการและอำนาจกรรมการของบริษัทให้โจทก์เป็นกรรมการแต่เพียงผู้เดียว มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท อันถือได้ว่าโจทก์ เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง จึงมีอำนาจฟ้องคดีในขณะยื่นฟ้อง แต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทและไม่ได้เกี่ยวข้อง กับบริษัทอีกต่อไปแล้วทั้งที่ประชุมวิสามัญของผู้ถือหุ้นได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่ากรรมการบริษัทประกอบด้วยกรรมการ 2 คน ไม่ใช่โจทก์ จึงถือว่าโจทก์ ไม่มีส่วนได้เสียโดยตรงในคดีนี้อีกต่อไป อำนาจฟ้องของโจทก์จึงหมดลง ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3864/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมาชิกสภาเทศบาลสิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่ออุปสมบท แม้เป็นการอุปสมบทชั่วคราว
ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 19 บัญญัติไว้แจ้งชัดว่าสมาชิกภาพแห่งสภาเทศบาลย่อมสิ้นสุดลงเมื่อผู้นั้นมีลักษณะต้องห้าม อันรวมถึงการเป็นภิกษุด้วยซึ่งย่อมหมายถึงผู้ได้รับเลือกตั้งจนเข้าดำรงตำแหน่งหน้าที่สมาชิกสภาเทศบาลโดยสมบูรณ์แล้วและจะพ้นจากความเป็นสมาชิกแห่งสภาเทศบาลนั้นทันทีที่ได้อุปสมบทเข้าสู่สมณเพศอันได้ชื่อว่าเป็นภิกษุ โดยไม่คำนึงว่าจะเป็นเพียงชั่วคราวแล้วลาสิกขาก็ตาม เพราะไม่มีกฎหมายอนุญาตให้ลาอุปสมบทหรืออนุโลมให้ถือเสมือนเป็นการลากิจ และกฎหมายหาได้ห้ามการเป็นภิกษุเฉพาะในวันที่มีการเลือกตั้งเท่านั้นไม่ ดังนั้น เมื่อจำเลยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลแล้วได้อุปสมบทเป็นภิกษุ จำเลยจึงพ้นจากสมาชิกภาพแห่งสภาเทศบาลตั้งแต่วันเป็นภิกษุโดยผลแห่งกฎหมายดังกล่าว
ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2490 มาตรา 19 ให้โอกาสคู่ความนำปัญหาที่ยังโต้เถียงกันอยู่ทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายมาสู่ศาลเพื่อวินิจฉัยชี้ขาดเป็นยุติเท่านั้น จำเลยขาดจากสมาชิกภาพโดยผลแห่งกฎหมายไปแล้ว และไม่มีกฎหมายรับรองให้กลับคืนสมาชิกภาพได้อีก กฎหมายบัญญัติเพียงไม่กระทบกระทั่งการที่สมาชิกนั้นได้ปฏิบัติหน้าที่ในสภาก่อนที่มีการชี้ขาดของศาลโดยหาได้รวมถึงสมาชิกภาพไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2840/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าสิ้นสุดเมื่อครบกำหนด ไม่ต้องบอกเลิกสัญญาใหม่ โจทก์มีสิทธิขับไล่จำเลย
โจทก์รับโอนตึกแถวสามชั้นครึ่งจาก พ. ตึกแถวดังกล่าวจำเลยทำสัญญาเช่ากับ พ. มีกำหนด 10 ปี เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าย่อมระงับไปโดยโจทก์ไม่ต้องบอกกล่าวเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 564 ก่อนและหลังสัญญาเช่าครบกำหนดโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบว่าจะไม่ให้เช่าตึกแถวดังกล่าวเฉพาะชั้นสองและชั้นสามยอมให้จำเลยเช่าเฉพาะชั้นล่าง ให้จำเลยมาทำสัญญาเช่า แต่จำเลยไม่สนองรับ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอยู่ในตึกดังกล่าว และ หนังสือดังกล่าวมิใช่หนังสือบอกเลิกสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1959/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าบำเหน็จนายหน้า: การคืนเงินเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดก่อนกำหนดโดยผู้เช่าได้รับประโยชน์
จำเลยเป็นนายหน้าจัดการให้โจทก์ทำสัญญาเช่าตึกกับเจ้าของตึกมีกำหนด 3 ปี สัญญาเช่าตึกจึงได้ทำกันสำเร็จเนื่องแต่ผลแห่งการที่จำเลยจัดการ จำเลยจึงมีสิทธิได้รับค่าบำเหน็จจากโจทก์
ข้อความตามสัญญาที่ว่า ถ้าโจทก์ต้องเลิกการเช่าด้วยเหตุใด ๆ จำเลยต้องคืนเงินค่าตอบแทนที่ได้รับล่วงหน้าให้โจทก์นั้นหมายความถึงกรณีที่มีเหตุจากฝ่ายผู้ให้เช่าหรือการรอนสิทธิจนโจทก์ไม่ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าคุ้มกับค่าเช่าและค่าบำเหน็จที่ให้แก่จำเลย เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ใช้และได้รับประโยชน์ในตึกที่เช่าจนเกือบจะครบสัญญาแล้วโจทก์จึงส่งคืนตึกที่เช่าให้แก่เจ้าของ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าตอบแทนอันเป็นบำเหน็จค่านายหน้าคืนจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1959/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าบำเหน็จนายหน้า: การคืนเงินเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดก่อนกำหนด
ข้อความตามสัญญาที่ว่า ถ้าโจทก์ต้องเลิกการเช่าด้วยเหตุใดๆ จำเลยต้องคืนเงินค่าตอบแทนที่ได้รับล่วงหน้าให้โจทก์นั้นหมายความถึงกรณีที่มีเหตุจากฝ่ายผู้ให้เช่าหรือการรอนสิทธิจนโจทก์ไม่ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าคุ้มกับค่าเช่าและค่าบำเหน็จที่ให้แก่จำเลย เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ใช้และได้รับประโยชน์ในตึกที่เช่าจนเกือบจะครบสัญญาแล้วโจทก์จึงส่งคืนตึกที่เช่าให้แก่เจ้าของ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าตอบแทนอันเป็นบำเหน็จค่านายหน้าคืนจากจำเลย
of 20