คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิ้นสุดสัญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 207 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5838/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างและการสิ้นสุดความเป็นลูกจ้าง: การสั่งพักงานและคำสั่งเลิกจ้างมีผลเมื่อใด
โจทก์ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกจำเลยตั้งกรรมการสอบสวน และจำเลยมีคำสั่งพักงานโจทก์ตามข้อบังคับตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2530 เพื่อรอฟังผลการสอบสวน ต่อมาวันที่ 20 มกราคม 2531 จำเลยออกคำสั่งเลิกจ้างโจทก์โดยให้มีผลตั้งแต่วันแรกที่พักงาน ความเป็นลูกจ้างและนายจ้างระหว่างโจทก์จำเลยจึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างในช่วงนับแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2530 ถึงวันที่ 20 มกราคม 2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5838/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างและการสิ้นสุดความเป็นลูกจ้าง: การพักงานก่อนเลิกจ้างถือเป็นการเลิกจ้าง
โจทก์ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกจำเลยตั้งกรรมการสอบสวน และจำเลยมีคำสั่งพักงานโจทก์ตามข้อบังคับตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2530 เพื่อรอฟังผลการสอบสวน ต่อมาวันที่20 มกราคม 2531 จำเลยออกคำสั่งเลิกจ้างโจทก์โดยให้มีผลตั้งแต่วันแรกที่พักงานความเป็นลูกจ้างและนายจ้างระหว่างโจทก์จำเลยจึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างในช่วงนับแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2530 ถึงวันที่ 20 มกราคม 2531

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4215/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าช่วง: สิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าช่วงต่อเจ้าของทรัพย์เมื่อสัญญาเช่าหลักสิ้นสุด
โจทก์ให้ บ. เช่าโรงภาพยนตร์และเครื่องอุปกรณ์การฉายภาพยนตร์ต่อมา บ. นำทรัพย์สินดังกล่าวไปให้จำเลยเช่าช่วงโดยได้รับความยินยอมจากโจทก์ จำเลยจึงเป็นผู้เช่าช่วงทรัพย์สินของโจทก์โดยชอบ หาใช่เป็นบริวารของ บ. ไม่ จำเลยต้องรับผิดชำระค่าเช่าให้โจทก์โดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 545และเมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับ บ. สิ้นสุดลงก็ทำให้สัญญาเช่าช่วงระหว่างจำเลยกับ บ. สิ้นสุดลงด้วย จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระค่าเช่าให้โจทก์นับแต่นั้น แต่เมื่อจำเลยยังคงครอบครองทรัพย์สินที่เช่าช่วงอยู่ จำเลยก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์จนถึงวันที่ส่งมอบทรัพย์สินคืนโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2631/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างและการสิ้นสุดสภาพการจ้าง: สิทธิในค่าจ้างหลังคำสั่งพักงานและผลของการเลิกจ้างย้อนหลัง
จำเลยมีคำสั่งพักงานโจทก์เพื่อทำการสอบสวนโจทก์เรื่องกระทำผิดอาญาต่อจำเลย แม้จำเลยมิได้จ่ายค่าจ้างในระหว่างพักงานแก่โจทก์สภาพการจ้างระหว่างโจทก์จำเลยก็ยังมีอยู่จนกว่าจำเลยจะมีคำสั่งเลิกจ้างต่อมาเมื่อจำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์โดยให้การเลิกจ้างมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่จำเลยมีคำสั่งพักงานโจทก์เป็นต้นไป ดังนี้ สภาพการจ้างระหว่างโจทก์จำเลยย่อมเป็นอันสิ้นสุดลง โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างนับแต่วันที่การเลิกจ้างมีผล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสัญญาเช่าหลังผู้เช่าเสียชีวิต และการบุกรุกเคหสถานหลังสิ้นสุดสัญญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าห้องพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยได้งัดกุญแจและบุกรุกเข้าไปอยู่ในห้องพิพาทของโจทก์ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ขับไล่จำเลยและใช้ค่าเสียหายดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติการณ์อันเป็นการละเมิดของจำเลยโดยได้แสดงแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ผู้เช่าเช่าตึกเดิมซึ่งมีอยู่ก่อนแล้ว ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้เช่าจะต้องเสียเงินช่วยค่าก่อสร้างให้แก่ผู้ให้เช่าสัญญาเช่าดังกล่าวจึงมิใช่สัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษนอกเหนือไปจากสัญญาเช่าธรรมดา เมื่อจำเลยไม่มีสิทธิจะอยู่อาศัยในตึกพิพาทต่อไปการที่จำเลยยังคงอยู่ในตึกพิพาทย่อมได้ชื่อว่าอยู่โดยละเมิดโจทก์ย่อมฟ้องขับไล่ผู้ทำละเมิดได้โดยมิต้องบอกกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4126/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความเป็นอันสิ้นสุดเมื่อคู่กรณีตกลงยกเลิกโดยชัดแจ้ง แม้ไม่ได้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรใหม่
โจทก์เช่าสถานที่จากจำเลยโดยจำเลยเรียกเงินกินเปล่าจำนวน220,000 บาท โจทก์ชำระให้ไปก่อน 110,000 บาท ต่อมาเจ้าของที่ดินที่แท้จริงให้โจทก์ออกจากที่เช่า โจทก์จึงบอกเลิกสัญญากับจำเลยและไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจกล่าวหาว่า จำเลยฉ้อโกงเงินจำนวน 110,000 บาทจำเลยจึงตกลงจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้โจทก์โดยแบ่งชำระเป็นงวด หากผิดสัญญาจำเลยยินดีให้โจทก์ฟ้องบังคับคดีได้ พนักงานสอบสวนได้ทำบันทึกและให้โจทก์จำเลยลงชื่อไว้ บันทึกนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความในทางแพ่ง ต่อมาถึงวันที่จำเลยต้องชำระเงินงวดแรก โจทก์จำเลยไปพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจแต่ตกลงกันไม่ได้ โจทก์แจ้งให้ดำเนินคดีกับจำเลยและขอถอนข้อตกลงทั้งหมดโดยพนักงานสอบสวนบันทึกไว้ ส่วนจำเลยก็ขอให้บันทึกเลิกสัญญาประนีประนอมยอมความเช่นกันตามพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่า คู่กรณีมีเจตนายกเลิกสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยชัดแจ้งแล้ว แม้โจทก์จำเลยต่างลงลายมือชื่อเฉพาะในบันทึกของตนแยกจากกันก็ตาม ความผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยก็เป็นอันสิ้นไป โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์ตามสัญญาดังกล่าวไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสัญญาเช่า, การตัดพยาน, และข้อต่อสู้เรื่องสัญญาใหม่ที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
ในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรก จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุป่วย ทนายจำเลยแถลงว่าติดใจสืบเฉพาะตัวจำเลยเท่านั้นหากนัดหน้าจำเลยไม่มาศาลหรือไม่มีพยานมาศาลให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีเมื่อถึงวันนัดสืบพยานจำเลยหลังสืบตัวจำเลยแล้ว ทนายจำเลยแถลงขอเลื่อนคดีเพื่อขอสืบพยานอื่น ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าเป็นอันหมดพยานจำเลย คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นไปตามที่จำเลยแถลงไว้และเป็นไปโดยชอบแล้ว
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ ที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้เช่า ผู้เช่าจะยกเป็นข้อต่อสู้คดีหาได้ไม่
ปัญหาที่จำเลยไม่ได้ต่อสู้ไว้ในคำให้การ ทั้งไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยปัญหานี้มา ก็ถือว่าเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากันมาโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาซื้อขาย, การตีราคารถเก่าเป็นส่วนหนึ่งของราคา, สัญญาซื้อขายสิ้นสุดลง
โจทก์ลงชื่อในใบสั่งซื้อรถยนต์จากจำเลยในนามส่วนตัวโดยมิได้ระบุว่าทำแทนผู้ใด แม้โจทก์จะใช้ข้อความในหนังสือบอกเลิกสัญญาว่าบริษัท ม. จำกัด ได้จองรถไว้ก็เป็นเพราะความเข้าใจผิดของโจทก์เอง เนื่องจากโจทก์มีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าวจึงอาจใช้ตำแหน่งปะปนกับกิจการส่วนตัว ดังนั้น ถือว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยในนามส่วนตัว โจทก์ซื้อรถจากจำเลยโดยนำรถเก่าของโจทก์ให้จำเลยตีราคาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของราคารถใหม่ที่จะซื้อ เมื่อปรากฏว่าจำเลยตีราคารถเก่า 330,000 บาท และรับรถไปแล้ว การที่โจทก์ขอเปลี่ยนรถคันที่ซื้อใหม่และจำเลยยอมคืนเงินให้โจทก์ 300,000 บาท โดยนำเงินส่วนที่เหลือ 30,000 บาท รวมกับเช็คเงินสดจำนวน 50,000บาทที่โจทก์มอบแก่จำเลยแล้วเป็นการวางมัดจำรถคันใหม่ที่ขอเปลี่ยนดังนี้ การตีราคารถเก่าเพื่อขายรถใหม่จึงสิ้นสุดไปแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ในสิ่งต่าง ๆ ที่จำเลยทำลงในรถเก่าที่โจทก์นำมาตีราคา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาซื้อขาย และการสิ้นสุดสัญญาซื้อขายรถยนต์ โดยการตีราคารถเก่าเป็นส่วนหนึ่งของราคา
โจทก์ลงชื่อในใบสั่งซื้อรถยนต์จากจำเลยในนามส่วนตัวโดยมิได้ระบุว่าทำแทนผู้ใด แม้โจทก์จะใช้ข้อความในหนังสือบอกเลิกสัญญาว่าบริษัท ม. จำกัดได้จองรถไว้ก็เป็นเพราะความเข้าใจผิดของโจทก์เอง เนื่องจากโจทก์มีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าวจึงอาจใช้ตำแหน่งปะปนกับกิจการส่วนตัว ดังนั้นถือว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยในนามส่วนตัว
โจทก์ซื้อรถจากจำเลยโดยนำรถเก่าของโจทก์ให้จำเลยตีราคาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของราคารถใหม่ที่จะซื้อ เมื่อปรากฏว่าจำเลยตีราคารถเก่า 330,000 บาท และรับรถไปแล้ว การที่โจทก์ขอเปลี่ยนรถคันที่ซื้อใหม่และจำเลยยอมคืนเงินให้โจทก์300,000 บาท โดยนำเงินส่วนที่เหลือ 30,000 บาท รวมกับเช็คเงินสดจำนวน 50,000 บาทที่โจทก์มอบแก่จำเลยแล้วเป็นการวางมัดจำรถคันใหม่ที่ขอเปลี่ยน ดังนี้ การตีราคารถเก่าเพื่อขายรถใหม่จึงสิ้นสุดไปแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ในสิ่งต่าง ๆ ที่จำเลยทำลงในรถเก่าที่โจทก์นำมาตีราคา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการทำงานหลังประนีประนอม: การนับอายุงานใหม่เมื่อสภาพการจ้างเดิมสิ้นสุด
โจทก์เคยทำงานกับจำเลย ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกล่าวหาว่าจำเลยผิดสัญญาเรียกค่าเสียหายและเงินต่าง ๆ หลายประเภท คดีดังกล่าวตกลงกันได้โดยการประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมแล้วว่า บริษัทจำเลยยอมจ่ายเงินจำนวนหนึ่งแก่โจทก์ ยอมรับโจทก์กลับเข้าทำงาน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2527 เป็นต้นไป ดังนี้ สภาพการจ้างระหว่างโจทก์จำเลยที่มีอยู่เดิมยุติลงแล้วด้วยการที่โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแรงงานกลาง เมื่อโจทก์จำเลยยอมความกันก็มิได้กล่าวถึงว่าจะนับอายุการทำงานเดิมต่อกับอายุการทำงานใหม่หรือไม่ ทั้งคดีดังกล่าวโจทก์ก็มิได้ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานใหม่ โจทก์จึงจะนับอายุการทำงานที่ตกลงกันใหม่ต่อจากอายุการทำงานเดิมมิได้
of 21