คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หน้าที่นำสืบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 257 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบการชำระราคาในสัญญาซื้อขายที่ดิน และหน้าที่ในการนำสืบของคู่ความ
แม้สัญญาจะซื้อขายที่ดินกฎหมายบังคับให้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายต้องรับผิดมาแสดงแต่การที่จำเลยนำสืบว่าได้ชำระราคาที่พิพาทกันแล้วนั้นจำเลยย่อมนำสืบได้ไม่เป็นการนำสืบเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมเอกสารสัญญาแต่อย่างใด
โจทก์ยื่นคำร้องโต้แย้งว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้โจทก์นำสืบก่อนไม่ชอบขอให้สั่งใหม่ให้จำเลยนำสืบก่อน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตตามที่โจทก์ขอโจทก์ไม่โต้แย้งคำสั่งกลับแถลงไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ศาลชั้นต้นจึงดำเนินการพิจารณาสืบพยานจำเลยจนเสร็จสำนวน และพิพากษาแล้วโจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบนี้อีกไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 819/2501)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้ส่งสัญญาไปให้ผู้เชี่ยวชาญ และหน้าที่การนำสืบข้อเท็จจริงของผู้กู้
การที่จำเลยจะระบุผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม จะต้องมีเหตุอันสมควรแสดงว่าตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำผู้เชี่ยวชาญมาสืบหรือไม่ทราบว่าผู้เชี่ยวชาญได้มีอยู่
การที่จำเลยเบิกความว่า ได้ทำหนังสือกู้ให้โจทก์ ตามหนังสือปรากฏว่าจำเลยรับเงินไปแล้วจำเลยกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับเงิน โดยจำเลยคิดจะเอาเงินจากสามีจำเลยจึงขอให้โจทก์ช่วยเหลือ โดยจำเลยจะทำหนังสือกู้ให้เพื่อให้โจทก์นำมาฟ้องจำเลยแล้วให้สามีออกเงินใช้โจทก์ก็จะให้เงินจำเลย ดังนี้ จำเลยต้องนำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบในคดีหนี้: ผู้กล่าวอ้างต้องนำสืบก่อน แม้ฝ่ายตรงข้ามนำสืบครบถ้วน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งชำระแล้ว อีกครั้งหนึ่งยังไม่ได้ชำระ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระ จำเลยให้การว่า กู้เงินโจทก์เพียงครั้งเดียวและชำระไปแล้ว เมื่อโจทก์รับว่าได้รับชำระหนี้แล้วแต่กล่าวอ้างว่าเป็นการรับชำระหนี้ตามสัญญากู้อีกฉบับหนึ่ง โจทก์จะต้องนำสืบก่อนในข้อนี้ เพราะทางฝ่ายจำเลยไม่ได้กล่าวข้อเท็จจริงอะไรขึ้นมาอีกเลย ถ้าให้จำเลยนำสืบก่อน จำเลยคงจะสืบแต่ปฏิเสธ ที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำสืบในข้อนี้ก่อน ผลของคดีก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่เกิดความเสียหายเพราะต่างฝ่ายต่างนำสืบมาครบถ้วนบริบูรณ์ด้วยกันแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบ - การรับชำระหนี้ตามสัญญา - โจทก์ต้องนำสืบก่อนหากอ้างว่าเป็นหนี้ตามสัญญากู้ฉบับอื่น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งชำระแล้วอีกครั้งหนึ่งยังไม่ได้ชำระ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระจำเลยให้การว่ากู้เงินโจทก์เพียงครั้งเดียวและชำระไปแล้ว เมื่อโจทก์รับว่าได้รับชำระหนี้แล้ว แต่กล่าวอ้างว่าเป็นการรับชำระหนี้ตามสัญญากู้อีกฉบับหนึ่ง โจทก์จะต้องนำสืบก่อนในข้อนี้ เพราะทางฝ่ายจำเลยไม่ได้กล่าวข้อเท็จจริงอะไรขึ้นมาอีกเลย ถ้าให้จำเลยนำสืบก่อน จำเลยคงจะสืบแต่ปฏิเสธที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำสืบในข้อนี้ก่อนผลของคดีก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่เกิดความเสียหาย เพราะต่างฝ่ายต่างนำสืบมาครบถ้วนบริบูรณ์ด้วยกันแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้จากการยอมรับสัญญากู้ และหน้าที่การนำสืบของผู้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงใหม่
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินกู้ที่ยืมไปดังสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้อง จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ทำหนังสือกู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ ความจริงเป็นเรื่องซื้อขายนากัน โจทก์วางเงินมัดจำไว้และทำหนังสือสัญญาไว้ในลักษณะกู้ยืมกัน และเงินที่จำเลยรับไว้ รับไว้ในลักษณะค่าเช่านา แม้ในตอนต้นของคำให้การจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ก็ตาม แต่ตามคำให้การจำเลยในตอนต่อไปชี้ให้เห็นได้ชัดว่าสัญญากู้ที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้นั้นก็คือสัญญากู้ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้องนั่นเอง ตามคำให้การจำเลยก็มิได้ปฏิเสธว่าสัญญากู้ท้ายฟ้องปลอมแปลงหรือปฏิเสธรายละเอียดของสัญญาว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างใด ถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้อง เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้กันไว้จริง โจทก์ก็ไม่ตอ้งนำสืบพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไว้ แต่มิใช่เป็นเรื่องกู้เงินกันจริงๆ จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ว่าความจริงเป็นเรื่องที่โจทก์จะซื้อที่นาจำเลย หน้าที่นำสืบจึงตกอยู่แก่จำเลยผู้ถูกกล่าวอ้าง เมื่อจำเลยไม่สืบพิสูจน์ว่าจำเลยไม่ต้องชำระเงินให้โจทก์ด้วยเหตุใด จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้จากการกระทำที่แสดงเจตนาชัดเจน และหน้าที่นำสืบของผู้กล่าวอ้าง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินกู้ที่ยืมไปดังสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้อง จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ทำหนังสือกู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ ความจริงเป็นเรื่องซื้อขายนากันโจทก์วางเงินมัดจำไว้ และทำหนังสือสัญญาไว้ในลักษณะกู้ยืมกันและเงินที่จำเลยรับไว้ รับไว้ในลักษณะค่าเช่านา แม้ในตอนต้นของคำให้การจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ก็ตาม แต่ตามคำให้การจำเลยในตอนต่อไปชี้ให้เห็นได้ชัดว่าสัญญากู้ที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้นั้นก็คือสัญญากู้ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้องนั่นเอง ตามคำให้การจำเลยก็มิได้ปฏิเสธว่าสัญญากู้ท้ายฟ้องปลอมแปลงหรือปฏิเสธรายละเอียดของสัญญาว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างใดถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้อง เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้กันไว้จริง โจทก์ก็ไม่ต้องนำสืบพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไว้ แต่มิใช่เป็นเรื่องกู้เงินกันจริงๆ จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ว่าความจริงเป็นเรื่องที่โจทก์จะซื้อที่นาจำเลย หน้าที่นำสืบจึงตกอยู่แก่จำเลยผู้ถูกกล่าวอ้าง เมื่อจำเลยไม่สืบพิสูจน์ว่าจำเลยไม่ต้องชำระเงินให้โจทก์ด้วยเหตุใด จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบความรู้เรื่องกระสุนปืน: โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นกระสุนสงคราม
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานแสดงให้เห็นว่า ความจริงจำเลยย่อมทราบตั้งแต่ได้ครอบครองกระสุนปืนของกลางว่าเป็นกระสุนสำหรับใช้แต่เฉพาะในการสงคราม ก็จะลงโทษจำเลยในความผิดฐานนั้นหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1415/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชี้สองสถานต้องมีการกะประเด็นและหน้าที่นำสืบ การสั่งให้นำสืบก่อนยังไม่ถือว่าเป็นการชี้สองสถาน
การที่ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้อง คำให้การ แล้วสั่งให้โจทก์นำสืบก่อน โดยไม่ได้กะประเด็นและกะหน้าที่นำสืบลงไป กระบวนพิจารณาที่ศาลทำไปเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการชี้สองสถาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1415/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชี้สองสถานต้องมีการกำหนดประเด็นและหน้าที่การนำสืบ หากยังไม่ได้ทำ ถือไม่ได้ว่าเป็นการชี้สองสถาน
การที่ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้อง คำให้การ แล้วสั่งให้โจทก์นำสืบก่อน โดยไม่ได้กะประเด็นและกะหน้าที่นำสืบลงไป กระบวนพิจารณาที่ศาลทำไปเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการชี้สองสถาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดจากการสมรสหลังใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 และหน้าที่การนำสืบ
แม้เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ถ้าจะขาดจากการสมรสภายหลังที่ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ก็ต้องอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ กรณีเรื่องขาดจากการสมรสไม่ใช่ความสัมพันธ์ในครอบครัวอันเกิดจากการสมรสตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2477 แต่เป็นกรณีที่จะสิ้นความสัมพันธ์ต่อกัน
การหย่ากันโดยความยินยอม โดยมิได้ทำเป็นหนังสือตามที่กฎหมายบัญญัติไว้นั้น ไม่มีผลทำให้ขาดจากการสมรส
โจทก์เป็นสามีภริยากับผู้ตาย เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์กับผู้ตายขาดจากกัน จำเลยต้องนำสืบ
of 26