คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อาวุธ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 419 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากบาดแผลและอาวุธที่ใช้เพื่อตัดสินว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย หรือพยายามฆ่า
จำเลยใช้มีดแบบเสือซ่อนเล็บยาวประมาณ 7 นิ้ว แทงผู้เสียหาย 2 ที ที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายใกล้ ๆ รักแร้และที่บริเวณด้านหลัง แต่แผลยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ลึกไม่มาก ใช้เวลารักษาประมาณ 7 วัน แสดงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายเพียงประสงค์ให้ผู้เสียหาย ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย เพราะหากจำเลยมีเจตนาฆ่า ผู้เสียหาย จำเลยต้องแทงรุนแรงกว่านี้ การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5595/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางต้องมีการขอในฟ้อง และการแก้ไขโทษฐานลักทรัพย์โดยมีอาวุธ
แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีและพาอาวุธปืนไม่มีทะเบียนกับกระสุนปืนของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เมื่อโจทก์มิได้ขอให้ศาลสั่งริบของกลางดังกล่าวมาในฟ้อง ศาลย่อมริบของกลางนั้นไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงทำร้าย: พิจารณาจากบาดแผล, อาวุธ, และพฤติการณ์
จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายในขณะที่จำเลยเมาสุราโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน มีดที่ใช้แทงไม่มีด้ามและมีสนิมติดอยู่ด้วยจำเลยแทงผู้เสียหายครั้งแรกที่ใต้ราวนมซ้าย 1 ครั้ง บาดแผลขนาด 1.2 * 0.3 เซนติเมตรลึก 0.5 เซนติเมตรติดกระดูกซี่โครง ไม่ได้ความว่าแทงโดยแรงหรือไม่ผู้เสียหายล้มลงแล้วจำเลยยังแทงผู้เสียหายที่โคนขาอีก 2 ครั้งแผลลึก 3 และ 2.5 เซนติเมตรตามลำดับ สภาพบาดแผลมีขนาดใกล้เคียงกับบาดแผลที่ใต้ราวนมซ้ายแพทย์มีความเห็นว่าใช้เวลารักษาประมาณ 10 วันหาย พิจารณาถึงมีดซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้แทงให้ตายและการที่จำเลยมีโอกาสเลือกแทงในส่วนสำคัญได้หลังจากผู้เสียหายล้มลงแล้วแต่กลับแทงไปที่บริเวณโคนขาซึ่งไม่เกิดอันตรายร้ายแรง ทำให้ฟังไม่ถนัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4406/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้อาวุธป้องกันภริยาจากผู้บุกรุกและทำร้าย
ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน โดยพกพาอาวุธเข้าไปในบ้านจำเลยเรียกจำเลยซึ่งอยู่ในห้องนอนให้ออกมา เมื่อจำเลยไม่ยอมออกก็ไปบังคับภริยาจำเลยให้มาเรียกให้จำเลยออกมาและท้าทายให้จำเลยออกไปต่อสู้จำเลยไม่ยอมรับคำท้าหลบเข้าไปอยู่ในห้องนอนอย่างเดิมผู้ตายจึงฉุด ภริยาจำเลยให้ไปขึ้นรถ ภริยาจำเลยไม่ยอมไป ร้องให้คนช่วย และสะบัดหลุดออกวิ่งหนี แล้วมีเสียงปืนดัง ขึ้น นัดแรกโดยผู้ตายเป็นผู้ยิง จำเลยเข้าใจว่าผู้ตายยิงภริยาจำเลย จึงเปิดหน้าต่างเพื่อจะกระโดดออกมาช่วย ผู้ตายใช้ปืนยิงไปยังจำเลยที่อยู่บนบ้าน จำเลยจึงใช้ปืนยิงโต้ตอบ กับผู้ตายกระสุนปืนถูกผู้ตายขณะที่ผู้ตายกลับไปที่รถเพื่อจะเอากระสุนปืน พฤติการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่จำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันภริยาจำเลยให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แม้ผู้ตายล้มลงแล้วจำเลยยังยิงซ้ำอีกก็เนื่องจากจำเลยต้องใช้อาวุธปืนเข้ายิงต่อสู้กับผู้ตาย ในลักษณะเช่นนั้นย่อมเป็นการยากที่จะทำให้จำเลยมีโอกาสใช้ดุลพินิจ ได้ว่าควรจะหยุดยิงเมื่อใด ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3871/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: ภยันตรายใกล้ถึง การใช้สิทธิป้องกันตนเองด้วยอาวุธ
เวลาประมาณ 23 นาฬิกาของคืนเกิดเหตุผู้ตายพกมีดปลายแหลมตัวมีดยาวคืบเศษ และเพื่อนผู้ตายถืออาวุธปืนมาร้องเรียกจำเลยให้ออกไปนอกบ้าน ถ้าไม่ออกไปจะเข้ามาฆ่าจำเลย เมื่อจำเลยไม่ยอมออกไป ผู้ตายถีบประตูระเบียงบ้านจำเลยอยู่ประมาณ 10 นาทีเพื่อจะพังเข้ามาทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย1 นัดในระยะห่างกันเพียง 3 วา พฤติการณ์ฟังได้ว่าผู้ตายกับพวกมีเจตนาจะเข้ามาทำร้ายจำเลย นับว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยชอบที่จะใช้สิทธิป้องกันตัวได้ และการที่จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงเพียง 1 นัดในทันทีนั้น เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3639/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล้นทรัพย์ต่อเนื่องและการพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าเมื่อการทำร้ายอยู่ในช่วงแห่งการปล้นทรัพย์
จำเลยกับพวกปล้นทรัพย์ผู้เสียหายแล้วพาผู้เสียหายขึ้นรถไปหลังจากนั้นประมาณ 10-25 นาที จำเลยกับพวกจอดรถและทำร้ายผู้เสียหายกับเอาทรัพย์ในตัวผู้เสียหายไปอีก ถือว่าการทำร้ายอยู่ในช่วงแห่งการปล้นทรัพย์เพราะจำเลยกับพวกกำลังพารถยนต์และทรัพย์อื่นที่ปล้นได้ไป และเมื่อทำร้ายแล้วก็ยังเอาทรัพย์จากผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก การทำร้ายจึงเป็นความผิดกรรมเดียวกับการปล้นทรัพย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนและอาวุธอื่น ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกใช้ปืนยิงด้วย จึงลงโทษจำเลยได้เพียงฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ แม้คู่ความไม่ได้ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้เพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3639/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์และการทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง: ศาลตัดสินลงโทษฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ
จำเลยกับพวกปล้นทรัพย์ผู้เสียหายแล้วพาผู้เสียหายขึ้นรถไปหลังจากนั้นประมาณ 10-25 นาที จำเลยกับพวกจอดรถและทำร้ายผู้เสียหายกับเอาทรัพย์ในตัวผู้เสียหายไปอีก ถือว่าการทำร้ายอยู่ในช่วงแห่งการปล้นทรัพย์เพราะจำเลยกับพวกกำลังพารถยนต์และทรัพย์อื่นที่ปล้นได้ไป และเมื่อทำร้ายแล้วก็ยังเอาทรัพย์จากผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก การทำร้ายจึงเป็นความผิดกรรมเดียวกับการปล้นทรัพย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนและอาวุธอื่น ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกใช้ปืนยิงด้วย จึงลงโทษจำเลยได้เพียงฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ แม้คู่ความไม่ได้ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้เพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2994/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวและการใช้กำลังพอสมควรแก่เหตุ เมื่อถูกรุมทำร้าย
จำเลยกับคนงานนั่งอยู่เต็มท้ายรถยนต์รับส่งคนงานของบริษัทที่จอดรออยู่หน้าโรงงานเพื่อกลับบ้าน ย. เดินไปจะเปิดประตูรถตอนหน้าด้านซ้าย พ. เดินออกจากร้านค้าตรงมาที่ ย. โดยมี ส. ผู้ตายเดินตาม พ. มาด้วย พ. พูดโต้เถียงกับ ย.เรื่องที่ พ. ถูกไล่ออกจากงาน จำเลยลงจากรถไปห้าม จำเลยกับพ. ท้าทายกันแล้วสมัครใจชกต่อยซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะระหว่าง พ. กับจำเลยเท่านั้น โดยจำเลยพูดว่า'ถ้าต่อยกันแล้วก็แล้วกันไปอย่ามีเรื่องกันอีก'จำเลยมิได้ท้าทาย ส. ผู้ตายกับโจทก์ร่วมหรือบุคคลอื่นและสมัครใจทำร้ายกับบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด ขณะที่จำเลยกับ พ. ชกต่อยกันส. ยืนอยู่ด้านหลัง พ. ล. วิ่งออกมาจากร้านค้า และยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัดพร้อมกับร้องบอกไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง เมื่อจำเลยชกพ.ล้มลงแล้ว ส. ได้เข้าช่วย พ. ชกต่อยจำเลย พ. ลุกขึ้นมาได้ชักปืนออกมายิงจำเลยถูกที่บริเวณใบหน้า อกและท้อง โจทก์ร่วมถือเก้าอี้ขาเหล็กวิ่งเข้ามาตีจำเลยถูกที่บริเวณคางจำเลยเซไปทางหน้ารถและจะวิ่งหนีเข้าโรงงานแต่ ส. ชักมีดออกมาไล่แทงจำเลย ล. ถือปืนวิ่งมาสกัดข้างหน้าและยิงมาทางจำเลยเพื่อไม่ให้จำเลยหลบหนีและโจทก์ร่วมถือเก้าอี้วิ่งเข้ามาตีจำเลยอีก จำเลยจึงชักปืนออกมายิงไปถูก ส. และโจทก์ร่วมเป็นเหตุให้ ส. ถึงแก่ความตายและโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บสาหัสจำเลยไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีจากการกระทำของบุคคลดังกล่าวจำเลยจึงมีสิทธิที่จะป้องกันตัวจำเลยให้พ้นจากถูกรุมทำร้ายได้และเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดมาตรากฎหมายที่ถูกต้องสำหรับความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ
จำเลยกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี โดยไม่ระบุมาตรา 340 วรรคใดนั้น ไม่ถูกต้องศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้ถูกต้องเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการย้อนกลับมาพร้อมอาวุธ แม้มีเหตุโต้เถียงก่อนหน้า ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยมีอาชีพขับรถยนต์สามล้อรับจ้าง บ.กับพวกจะว่าจ้างรถของจำเลยให้ไปส่ง แต่ได้เกิดโต้เถียงกับจำเลย บ.ได้ตบท้ายทอยจำเลยทำให้จำเลยโกรธ จำเลยขับรถยนต์สามล้อออกไปห่าง40 เมตรแล้ว แต่กลับไปหยุดรถแล้วลงจากรถเอาอาวุธปืนสั้นเดินเข้าไปหา บ.กับพวกแล้วยิงบ. 2 นัด จากนั้นจำเลยวิ่งหนีไปที่รถยนต์สามล้อของจำเลย ผู้ตายและบ.กับพวกวิ่งตามไปโดยไม่มีอาวุธ จำเลยยิงปืนมาอีก 2 นัด ถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายเช่นนี้เหตุที่จำเลยถูก บ.ตบท้ายทอยและการถกเถียงได้สิ้นสุดกันไปแล้ว จำเลยก็ได้ขับรถออกไปห่างไกลจนไม่มีภยันตรายแล้ว การที่จำเลยย้อนกลับมาโดยมีอาวุธปืนติดมือมาด้วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจมาทำร้าย บ.กับพวกเนื่องจากมีสาเหตุกันมาก่อน การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงเป็นการฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นเองจะอ้างว่ากระทำไปโดยเป็นการป้องกันหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
of 42