คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เด็ก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 262 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1390/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมของเด็กอายุ 14 ปี กับการอยู่กินฉันสามีภริยา ไม่เป็นความผิด
เด็กหญิงอายุ 14 ปี เต็มใจไปอยู่กับจำเลยเพื่อเป็นสามีภริยาจำเลยไม่มีภริยา ไม่เป็นการอนาจาร ไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาและพฤติการณ์การกระทำชำเราเด็ก: การพิจารณาความผิดฐานพยายามกระทำชำเรา
จำเลยขับผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุเพียง 7 ขวบ ให้ขึ้นไปนอนบนที่นอนพร้อมทั้งแก้ผ้านุ่งผู้เสียหายออก แล้วจำเลยแก้กางเกงแล้วนอนทับ เอาของลับใส่ในของลับผู้เสียหายขยับตัวขึ้นลงอันเป็นลักษณะการลงมือกระทำชำเราและผู้เสียหายรู้สึกเจ็บที่ของลับ ดังนี้ เป็นการเห็นได้แน่ชัดว่าจำเลยมีเจตนากระทำชำเราผู้เสียหาย และได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามกระทำชำเรา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ประกอบด้วยมาตรา 80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายเด็ก: บาดเจ็บ ฟันหัก เข้าข่ายอันตรายแก่กาย
ชกต่อยเตะเด็กมีบาดแผลบวม ฟันหัก 1 ซี่ ฟันโยก 3 ซี่รักษา ไม่เกิน 20 วัน เป็นอันตรายแก่กายตาม มาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของเด็กและผู้ดูแล, การลดค่าเสียหาย, และการพิจารณาความเสียหายที่แท้จริง
หลานอายุ 13 ปีมาพักเรียนหนังสืออยู่กับตายายๆ เป็นผู้ดูแลต้องรับผิดฐานละเมิดร่วมกับหลานตาม มาตรา 430
ค่ารักษาพยาบาลบุตรซึ่งโจทก์เป็นข้าราชการเบิกจากทางราชการได้ครึ่งหนึ่ง ศาลให้ค่าเสียหายแก่โจทก์เท่าที่โจทก์เสียไปจริงเพียงครึ่งหนึ่ง
บิดาไม่ดูแลบุตรอายุ 4 ขวบ ปล่อยให้ไปเล่นในบริเวณที่เด็กเล่นไม้หึ่งจนได้รับอันตราย เป็นความผิดของบิดารวมอยู่ด้วย ศาลลดค่าเสียหายที่ผู้ทำละเมิดต้องใช้ลงได้
ค่าเสียหายฐานละเมิดซึ่งเด็กและผู้ดูแลเด็กต้องรับผิดร่วมกันไม่อาจแบ่งแยกได้ จำเลยผู้เดียวฎีกา ศาลพิพากษาลดจำนวนลงแก่จำเลยที่ไม่ได้ฎีกาด้วยได้
ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 10,000 บาทเพราะผู้เสียหายตาบอด จำเลยอุทธรณ์ไม่คัดค้านว่าตาไม่บอดจำเลยฎีกาว่าตาไม่บอดไม่ได้ ศาลจึงไม่ต้องพิจารณาว่าค่าเสียหายเพราะตาบอดจำนวน 10,000 บาทนั้นมากเกินไปหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1616/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตร: พิจารณาความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมและประโยชน์สูงสุดของเด็ก
ตามปกติอำนาจปกครองย่อมอยู่กับบิดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1537 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นภริยาว่า จำเลยทะเลาะกับโจทก์แล้วหนีออกจากบ้านไปอาศัยอยู่ที่อื่น ขอให้บังคับจำเลยให้ส่งบุตรคืนแก่โจทก์ ก็เป็นการฟ้องเพื่อจะใช้อำนาจปกครองนั่นเอง แต่ศาลจะให้อำนาจปกครองอยู่แก่มารดาก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) หากกรณีส่อแสดงว่าการให้บุตรอยู่กับมารดาจะเป็นการเหมาะสมกว่า(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1225/2508) เมื่อได้ความว่าบุตรอายุเพียง2 ปี ยังไร้เดียงสาและได้อยู่กับจำเลยด้วยดีคลอดมา ไม่ปรากฏข้อบกพร่องเสียหาย การให้บุตรอยู่กับจำเลยระยะนี้บุตรจะได้รับความอบอุ่นมากกว่าอยู่กับโจทก์ และจำเลยก็รับว่าไม่รังเกลียดที่จะให้โจทก์เยี่ยมเยียน จึงควรให้บุตรอยู่ในอำนาจปกครองของจำเลยผู้เป็นมารดาไปก่อน หากมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไปโจทก์ก็ชอบที่จะเรียกร้องเอาบุตรคืนได้ ชั้นนี้ศาลย่อมพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากตัวเด็กเรียกค่าไถ่: เจตนาเพื่อหากำไรเป็นสำคัญ
จำเลยใช้อุบายหลอกลวงเอาตัวผู้เสียหายไป แล้วมาหามารดาของผู้เสียหายเรียกเอาเงินค่าไถ่ตัวผู้เสียหาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคแรก เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาเพื่อหากำไรด้วย จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 319อีกบทหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รวมการพิจารณาคดีลักทรัพย์เด็ก - การส่งตัวไปฝึกอบรมไม่ใช่การลงโทษ - รวมโทษได้
จำเลยกระทำความผิด 2 กรรม โจทก์ฟ้องเป็น 2 สำนวนเมื่อจะเป็นการสะดวกหากพิจารณารวมกัน ศาลชั้นต้นย่อมสั่งให้พิจารณารวมกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 28การพิพากษาความผิดของจำเลยจะต้องพิพากษาทุกกรรมส่วนวิธีการลงโทษต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91แต่จำเลยมีอายุไม่เกิน 17 ปี และศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่สมควรพิพากษาลงโทษ จึงพิพากษาให้ส่งตัวไปรับการฝึกอบรมยังสถานพินิจฯ ดังนี้ ไม่อยู่ในบังคับแห่งมาตรา 91 เพราะไม่ใช่การลงโทษ จึงรวมกำหนดระยะเวลาการส่งตัวไปรับการฝึกอบรมทั้งสองสำนวนเข้าด้วยกันได้ ไม่จำต้องกำหนดว่าสำนวนละเท่าใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3028/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราเด็ก – ไม่รอการลงโทษจำคุก
จำเลยอายุ 22 ปี เรียนสำเร็จ ม.ศ. 6 จากโรงเรียนการช่างและทำการงานเป็นลูกจ้างรายวัน กระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 12 ปีเศษ เป็นเรื่องที่ร้ายแรง และเป็นการกระทำโดยไม่เกรงกลัวว่าจะต้องรับโทษไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษเด็กในคดีอาญา: ลดโทษตามอายุและพฤติการณ์, คำรับสารภาพมีผลต่อการพิจารณา
จำเลยอายุ 17 ปี ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี 9 เดือนศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่สมควรลงโทษถึงจำคุก พิพากษา แก้ เป็นให้มอบตัวจำเลยแก่บิดามารดารับตัวไประวังมิให้จำเลยก่อเหตุร้ายขึ้นอีกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ประกอบด้วยมาตรา 74(2) ดังนี้ โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษเด็กที่กระทำความผิดอาญา: ลดโทษตามอายุและประโยชน์จากการรับสารภาพ
จำเลยอายุ 17 ปี ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี 9 เดือนศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่สมควรลงโทษถึงจำคุก พิพากษาแก้ เป็นให้มอบตัวจำเลยแก่บิดามารดารับตัวไประวังมิให้จำเลยก่อเหตุร้ายขึ้นอีกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ประกอบด้วยมาตรา 74(2) ดังนี้ โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยได้
of 27