พบผลลัพธ์ทั้งหมด 112 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นระบุพยานหลังศาลไม่อนุญาต และการพิจารณาวันสืบพยานที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับระบุพยาน เพราะไม่ยื่นก่อนกำหนดวันสืบพยาน 3 วันคู่ความฝ่ายนั้นจึงยื่นคำร้องแถลงถึงความจำเป็นที่ไม่ได้ยื่นระบุพยานภายในกำหนด และขอให้อนุญาตให้ยื่นระบุพยานได้ดังนี้ ถือว่าเป็นการยื่นคำโต้แย้งคัดค้านตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226(2) แล้ว
วันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88นั้นหมายความถึงวันสืบพยานจริงๆ ไม่ใช่วันนัดสืบพยานแล้วไม่ได้สืบพยาน
วันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88นั้นหมายความถึงวันสืบพยานจริงๆ ไม่ใช่วันนัดสืบพยานแล้วไม่ได้สืบพยาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัว: เหตุจำเป็นในการขาดนัดศาล ไม่ถือเป็นการหลบหนี
สัญญาประกันมีข้อความว่า "ถ้าจำเลยหลบหนีหายเอาตัวมาบังคับบัญชาไม่ได้ ยอมรับผิดใช้เงินทดแทน" นั้น ถ้าปรากฎว่า จำเลยมีเหตุจำเป็นมาศาลตามนัดไม่ได้ ศาลจะถือว่า จำเลยหลบหนีอันเป็นเหตุให้ปรับนายประกันตามสัญญานั้นยังไม่ได้
การที่จะถือว่า จำเลยหลบหนีหรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่ว่าการที่จำเลยไม่มาศาลนั้น มีเหตุจำเป็นหรือไม่ ถ้าจำเลยไม่มีเหตุจำเป็น แต่ไม่มาศาลเฉย ๆ ดังนี้ก็อาจถือว่าจำเลยหลบหนีได้
ศาลอุทธรณ์แก้ไม่ปรับนายประกันอัยยการโจทก์ฎีกาขอให้ปรับนายประกันได้
การที่จะถือว่า จำเลยหลบหนีหรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่ว่าการที่จำเลยไม่มาศาลนั้น มีเหตุจำเป็นหรือไม่ ถ้าจำเลยไม่มีเหตุจำเป็น แต่ไม่มาศาลเฉย ๆ ดังนี้ก็อาจถือว่าจำเลยหลบหนีได้
ศาลอุทธรณ์แก้ไม่ปรับนายประกันอัยยการโจทก์ฎีกาขอให้ปรับนายประกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัว: เหตุจำเป็นในการขาดนัดศาล ไม่ถือเป็นหลบหนี
สัญญาประกันมีข้อความว่า "ถ้าจำเลยหลบหนีหายเอาตัวมาบังคับบัญชาไม่ได้ ยอมรับผิดใช้เงินทดแทน" นั้น ถ้าปรากฏว่า จำเลยมีเหตุจำเป็นมาศาลตามนัดไม่ได้ ศาลจะถือว่า จำเลยหลบหนีอันเป็นเหตุให้ปรับนายประกันตามสัญญานั้นยังไม่ได้
การที่จะถือว่า จำเลยหลบหนีหรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่ว่าการที่จำเลยไม่มาศาลนั้น มีเหตุจำเป็นหรือไม่ ถ้าจำเลยไม่มีเหตุจำเป็นแต่ไม่มาศาลเฉยๆ ดังนี้ก็อาจถือว่าจำเลยหลบหนีได้
ศาลอุทธรณ์แก้ไม่ปรับนายประกันอัยการโจทก์ฎีกาขอให้ปรับนายประกันได้
การที่จะถือว่า จำเลยหลบหนีหรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่ว่าการที่จำเลยไม่มาศาลนั้น มีเหตุจำเป็นหรือไม่ ถ้าจำเลยไม่มีเหตุจำเป็นแต่ไม่มาศาลเฉยๆ ดังนี้ก็อาจถือว่าจำเลยหลบหนีได้
ศาลอุทธรณ์แก้ไม่ปรับนายประกันอัยการโจทก์ฎีกาขอให้ปรับนายประกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันการข่มขืนโดยชอบด้วยกฎหมาย: เหตุยกเว้นโทษทางอาญา
ใช้เคียวที่ถือไปดายหญ้าฟันผู้ซึ่งกำลังขึ้นคร่อมจะข่มขืนน้องสาวมีบาดเจ็บถึงสาหัสบางแห่ง ก็เป็นเหตุควรได้รับความยกเว้นโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764-765/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้าสินค้าโดยไม่ผ่านศุลกากรและไม่เสียภาษี ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร แม้จะอ้างเหตุจำเป็นหรือเคยเสียภาษีแล้ว
+ผ้าไหมเทียมเข้ามา+ที่ไม่มีด่านศุลกากร+ไม่ใช่ทางที่อนุมัติ โดยได้เสียภาษีนั้น แม้จะโดย+รัฐบาลต่างประเทศ บังคับให้นำออกจากประเทศโดยการฝ่าฝืนกฎหมายของประเทศก็ต้องมีผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร +27 จะอ้างเหตุจำเป็นตามกฎหมายอาญา ม. ++ ไม่ได้ และของนั้นต้อง+ริบด้วยเสมอ
อ้างฎีกาที่ 118/2482
+ที่เคยเสียภาษีแล้วเมื่อนำ+ไปจากประเทศแล้วนำ เข้ามาอีกก็ต้องเสียภาษีใหม่ ศาลล่างพิพากษาต้องกันปรับพันบาทและริบทรัพย์+หมื่นบาทเศษนั้น ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ +ที่ไม่ถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม
อ้างฎีกาที่ 118/2482
+ที่เคยเสียภาษีแล้วเมื่อนำ+ไปจากประเทศแล้วนำ เข้ามาอีกก็ต้องเสียภาษีใหม่ ศาลล่างพิพากษาต้องกันปรับพันบาทและริบทรัพย์+หมื่นบาทเศษนั้น ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ +ที่ไม่ถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอสืบพยานเพิ่มเติมหลังคู่ความฝ่ายตรงข้ามสืบพยานเสร็จสิ้น ต้องแสดงเหตุจำเป็นตาม ม.88 วรรค 3
คู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่ต้องสืบพะยานภายหลังจะขออ้างพะยานเพิ่มเติมภายหลังที่ฝ่ายที่มีหน้าที่ต้องนำสืบก่อนได้สืบพะยานเสร็จแล้วโดยมิได้อ้างเหตุจำเป็นอันสมควรตามวรรค 3 แห่ง ม.88 มิได้ ฎีกาอุทธรณ์ คดีแพ่งทุนทรัพย์ 500 บาท ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ฎีกาได้แต่ปัญหาข้อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1205/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจับกุมโดยไม่มีหมาย: เหตุจำเป็นเร่งด่วนและความผิดที่เห็นได้ชัด
+มาบอกว่าจำเลยกระทำกฎหมายมาแล้ว ตำรวจตามจำเลยแล้วบอกให้จำเลยไปสถานีตำรวจเลยไม่ยอมไปกลับต่อยตำรวจ ๆ จึงจับจำเลยเช่นนี้ จำเลยต้องมีจะอ้างว่าตำรวจนั้นไม่มีหมายมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4533/2558 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลต้องพิจารณาเหตุขอเลื่อนคดีตามกฎหมาย หากไม่อนุญาตอาจเสียความยุติธรรม
การขอเลื่อนคดีเนื่องจากมีเหตุจำเป็นของคู่ความ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40 นั้น จะต้องมีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ และหากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีจะทำให้เสียความยุติธรรม ซึ่งศาลจะต้องพิจารณาว่าที่โจทก์ขอเลื่อนคดีนั้นมีเหตุทั้งสองประการดังกล่าวหรือไม่ หากได้ความตามบทบัญญัติดังกล่าว ก็อนุญาตให้เลื่อนคดี มิฉะนั้นต้องยกคำร้อง
โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุประการแรกว่าได้ถอนทนายความคนเดิมและแต่งตั้งทนายความคนใหม่ซึ่งยังไม่ทราบข้อเท็จจริงในคดี และประการที่สองว่าโจทก์เดินทางไปเยี่ยมมารดาซึ่งป่วยอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย จึงไม่อาจมาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ได้ โดยมีสำเนาตั๋วเครื่องบินเป็นหลักฐาน ศาลชั้นต้นจึงต้องพิจารณาเหตุแห่งการขอเลื่อนคดีดังกล่าวว่ามีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และหากศาลไม่อนุญาตจะทำให้เสียความยุติธรรมหรือไม่ แต่ศาลชั้นต้นกลับมีคำสั่งว่า โจทก์ขอเลื่อนคดีมาหลายครั้งด้วยเหตุทำแผนที่พิพาท เมื่อศาลสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่พิพาทแล้วโจทก์ก็ไม่พอใจและขอเลื่อนคดีเพื่อทำแผนที่พิพาทใหม่มาหลายนัด หลังจากเจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่พิพาทใหม่โจทก์ก็ยังไม่พอใจ และขอเลื่อนคดีเพื่อขอเอกสารจากสำนักงานที่ดินมาเสนอต่อศาลอีกจนมาถึงนัดนี้ศาลกำหนดนัดล่วงหน้า 3 เดือนเศษ โจทก์ทราบวันนัด แต่ก็ไม่มาศาลทั้งไม่มีพยานอื่นมาศาล เชื่อว่าโจทก์มีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและให้งดสืบพยานโจทก์ จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีโดยไม่ได้พิจารณาเหตุแห่งการขอเลื่อนคดีตามที่โจทก์กล่าวอ้างว่ามีเหตุตามบทบัญญัติของกฎหมายที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้หรือไม่ ซึ่งหากข้ออ้างทั้งสองประการดังกล่าวเป็นความจริง ก็ถือได้ว่ากรณีมีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ หากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีจะเสียความยุติธรรม แม้ระหว่างพิจารณาหลังจากจัดทำแผนที่พิพาทแล้ว โจทก์ขอเลื่อนคดีโดยแถลงขอให้เพิ่มเติมรายละเอียดในแผนที่พิพาท เช่น ขอให้ใส่รูปจำลองแผนที่หลังโฉนดที่ดินเดิมลงในแผนที่พิพาท รวมทั้งขอดำเนินการเกี่ยวกับต้นฉบับเอกสารคำขอออกโฉนดที่ดินพิพาท เป็นเหตุให้ต้องเสียเวลาไปมากก็ตาม แต่เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ได้คัดค้าน และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตมาตลอด ตามรูปคดีก็จะถือว่าโจทก์มีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้าหาได้ไม่ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวหาเป็นการชอบไม่และถือได้ว่าศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40
โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุประการแรกว่าได้ถอนทนายความคนเดิมและแต่งตั้งทนายความคนใหม่ซึ่งยังไม่ทราบข้อเท็จจริงในคดี และประการที่สองว่าโจทก์เดินทางไปเยี่ยมมารดาซึ่งป่วยอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย จึงไม่อาจมาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ได้ โดยมีสำเนาตั๋วเครื่องบินเป็นหลักฐาน ศาลชั้นต้นจึงต้องพิจารณาเหตุแห่งการขอเลื่อนคดีดังกล่าวว่ามีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และหากศาลไม่อนุญาตจะทำให้เสียความยุติธรรมหรือไม่ แต่ศาลชั้นต้นกลับมีคำสั่งว่า โจทก์ขอเลื่อนคดีมาหลายครั้งด้วยเหตุทำแผนที่พิพาท เมื่อศาลสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่พิพาทแล้วโจทก์ก็ไม่พอใจและขอเลื่อนคดีเพื่อทำแผนที่พิพาทใหม่มาหลายนัด หลังจากเจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่พิพาทใหม่โจทก์ก็ยังไม่พอใจ และขอเลื่อนคดีเพื่อขอเอกสารจากสำนักงานที่ดินมาเสนอต่อศาลอีกจนมาถึงนัดนี้ศาลกำหนดนัดล่วงหน้า 3 เดือนเศษ โจทก์ทราบวันนัด แต่ก็ไม่มาศาลทั้งไม่มีพยานอื่นมาศาล เชื่อว่าโจทก์มีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและให้งดสืบพยานโจทก์ จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีโดยไม่ได้พิจารณาเหตุแห่งการขอเลื่อนคดีตามที่โจทก์กล่าวอ้างว่ามีเหตุตามบทบัญญัติของกฎหมายที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้หรือไม่ ซึ่งหากข้ออ้างทั้งสองประการดังกล่าวเป็นความจริง ก็ถือได้ว่ากรณีมีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ หากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีจะเสียความยุติธรรม แม้ระหว่างพิจารณาหลังจากจัดทำแผนที่พิพาทแล้ว โจทก์ขอเลื่อนคดีโดยแถลงขอให้เพิ่มเติมรายละเอียดในแผนที่พิพาท เช่น ขอให้ใส่รูปจำลองแผนที่หลังโฉนดที่ดินเดิมลงในแผนที่พิพาท รวมทั้งขอดำเนินการเกี่ยวกับต้นฉบับเอกสารคำขอออกโฉนดที่ดินพิพาท เป็นเหตุให้ต้องเสียเวลาไปมากก็ตาม แต่เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ได้คัดค้าน และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตมาตลอด ตามรูปคดีก็จะถือว่าโจทก์มีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้าหาได้ไม่ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวหาเป็นการชอบไม่และถือได้ว่าศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4533/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีต้องพิจารณาเหตุจำเป็นและผลกระทบต่อความยุติธรรม หากไม่พิจารณาเหตุผลของคู่ความ อาจเป็นเหตุให้ศาลใช้ดุลพินิจไม่ถูกต้อง
การขอเลื่อนคดีเนื่องจากมีเหตุจำเป็นของคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40 นั้น จะต้องมีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ และหากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีจะทำให้เสียความยุติธรรม ซึ่งศาลจะต้องพิจารณาว่าที่โจทก์ขอเลื่อนคดีนั้นมีเหตุทั้งสองประการดังกล่าวหรือไม่ หากได้ความตามบทบัญญัติดังกล่าว ก็อนุญาตให้เลื่อนคดี มิฉะนั้นต้องยกคำร้อง โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุประการแรกว่าได้ถอนทนายความ
คนเดิมและแต่งตั้งทนายความคนใหม่ซึ่งยังไม่ทราบข้อเท็จจริงในคดี และประการที่สองว่าโจทก์เดินทางไปเยี่ยมมารดาซึ่งป่วยอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย จึงไม่อาจมาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ขอเลื่อนคดีมาหลายครั้งด้วยเหตุทำแผนที่พิพาท และขอเลื่อนคดีเพื่อขอเอกสารจากสำนักงานที่ดินมาเสนอต่อศาลอีกจนมาถึงนัดนี้ศาลกำหนดนัดล่วงหน้า 3 เดือนเศษ โจทก์ทราบวันนัด แต่ก็ไม่มาศาล ทั้งไม่มีพยานมาสืบ เชื่อว่าโจทก์มีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและให้งดสืบพยานโจทก์ จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีโดยไม่ได้พิจารณาเหตุแห่งการขอเลื่อนคดีตามที่โจทก์กล่าวอ้างว่ามีเหตุตามบทบัญญัติของกฎหมายที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้หรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง
ดังกล่าวหาเป็นการชอบไม่ และถือได้ว่าศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40
คนเดิมและแต่งตั้งทนายความคนใหม่ซึ่งยังไม่ทราบข้อเท็จจริงในคดี และประการที่สองว่าโจทก์เดินทางไปเยี่ยมมารดาซึ่งป่วยอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย จึงไม่อาจมาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ขอเลื่อนคดีมาหลายครั้งด้วยเหตุทำแผนที่พิพาท และขอเลื่อนคดีเพื่อขอเอกสารจากสำนักงานที่ดินมาเสนอต่อศาลอีกจนมาถึงนัดนี้ศาลกำหนดนัดล่วงหน้า 3 เดือนเศษ โจทก์ทราบวันนัด แต่ก็ไม่มาศาล ทั้งไม่มีพยานมาสืบ เชื่อว่าโจทก์มีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและให้งดสืบพยานโจทก์ จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีโดยไม่ได้พิจารณาเหตุแห่งการขอเลื่อนคดีตามที่โจทก์กล่าวอ้างว่ามีเหตุตามบทบัญญัติของกฎหมายที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้หรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง
ดังกล่าวหาเป็นการชอบไม่ และถือได้ว่าศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11308/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังคำให้การทางวิดีโอของผู้เสียหายเด็กในคดีข่มขืน จำเป็นต้องมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่งและไม่สามารถติดตามตัวผู้เสียหายได้
การที่จะรับฟังสื่อภาพและเสียงคำให้การชั้นสอบสวนของพยานตาม ป.วิ.อ. มาตรา 133 ทวิ เสมือนหนึ่งเป็นคำเบิกความของพยานในชั้นพิจารณาของศาลตาม ป.วิ.อ. มาตรา 172 ตรี วรรคท้าย ได้นั้น ต้องเป็นกรณีที่ไม่ได้ตัวพยานที่เป็นเด็กอายุไม่เกินสิบแปดปี มาเบิกความเพราะมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง คดีนี้พนักงานสอบสวนเบิกความว่าได้ส่งหมายเรียกไปยังพยานตามภูมิลำเนาที่จังหวัดกำแพงเพชร แต่ส่งไม่ได้เพราะพยานไปทำงานที่ต่างจังหวัด ต่อมาทราบว่าทำงานที่ตำบลคลองมะเดื่อ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร แต่ไม่สามารถสืบทราบได้ว่าทำงานที่ใด ปัจจุบันจึงไม่สามารถติดต่อพยานมาเบิกความได้ เมื่อพนักงานสอบสวนทราบว่าพยานทำงานที่ตำบลคลองมะเดื่อ แสดงว่าพยานยังมีชีวิตอยู่ การสืบหาที่อยู่ของพยานน่าจะทำได้โดยไม่ยาก การที่โจทก์ไม่นำพยานมาเบิกความจึงถือไม่ได้ว่ามีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่อาจรับฟังสื่อภาพและเสียงคำให้การชั้นสอบสวนของพยานเสมือนหนึ่งเป็นคำเบิกความในชั้นพิจารณาของศาลได้