พบผลลัพธ์ทั้งหมด 187 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงกฎหมายหลังกระทำผิด และผลกระทบต่อการลงโทษคดีค้ากำไรเกินควร
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรพ.ศ. 2490 มาตรา 16 ที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อมาพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรได้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ. 2522 โดยพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด มีบทบัญญัติมาตรา 30กำหนดหลักการไว้ใกล้เคียงกับมาตรา 16 ของพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร ดังนี้ เมื่อกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิด โดยกฎหมายที่ใช้ภายหลังได้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบแห่งความผิด และเปิดโอกาสให้จำเลย อ้างเหตุผลอันสมควรมาเป็นข้อแก้ตัวได้ จึงต้องถือว่ากฎหมายที่ใช้ภายหลัง เป็นคุณแก่จำเลย และต้องนำมาบังคับใช้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3861/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างและสหภาพแรงงาน: เหตุผลทางเศรษฐกิจต้องสมควรและไม่เป็นการกลั่นแกล้ง
การที่นายจ้างประสบปัญหาขาดทุนจนต้องลดการผลิตแต่ยังไม่ถึงกับยุบหน่วยงานเสียทั้งหน่วยหรือเลิกกิจการไปยังไม่มีเหตุผลเพียงพอและสมควรที่นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างที่เป็นกรรมการลูกจ้าง อนุกรรมการ และกรรมการสหภาพแรงงานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3081/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ไม่เป็นความผิด หากเข้าโดยได้รับอนุญาตโดยปริยาย หรือมีเหตุผลอันสมควร
บริษัท น. อนุญาตให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกหลังบริษัทเข้าประตูด้านหลังผ่านที่ดินของบริษัทไปออกทางประตูหน้าได้ จำเลยที่ 1 ซึ่งมีบ้านอยู่หลังบริษัทได้เดินเข้าออกทางประตูหลังบริษัทเป็นประจำ จำเลยที่ 2ได้เข้าไปทำงานรับจ้างลอกคลองที่หลังบริษัทก่อนเกิดเหตุสองวันแล้ว การที่จำเลยทั้งสองโดยสารรถยนต์ที่ ย.เป็นผู้ขับผ่านเข้าไปในที่ดินของบริษัทในวันเกิดเหตุเพราะจำเลยที่ 1 เคยเข้าออกเป็นประจำ และจำเลยที่ 2 จะไปทำงานรับจ้างลอกคลองที่หลังบริษัท จึงหาใช่เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท น. โดยปกติสุขไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดกชั่วคราว ต้องมีเหตุผลสมควร มิใช่เพียงเพื่อประโยชน์ในการจัดการมรดกของผู้ถูกเสนอเท่านั้น
คดีพิพาทกันเรื่องแต่งตั้งผู้จัดการมรดก จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเป็นการชั่วคราวโดยอ้างว่า จำเลยเป็นทายาทตามพินัยกรรมและเจ้ามรดกตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ถ้าจำเลยไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกชั่วคราว กองมรดกจะได้รับความเสียหาย ดังนี้ ยังไม่มีเหตุผลสมควรที่จะแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกชั่วคราว เพราะโจทก์จำเลยพิพาทกันเพียงว่า โจทก์หรือจำเลยคนใดคนหนึ่งสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย มิได้พิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องเอาทรัพย์สินซึ่งเป็นมรดกของผู้ตายแต่อย่างใด ประโยชน์ของจำเลยอยู่ที่การจะได้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหรือไม่เท่านั้น ไม่ได้อยู่ที่การจะได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์สินมรดกของผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุเลื่อนการพิจารณาคดี: ทนายโจทก์ติดว่าความคดีอื่น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเหตุผลสมควร
สืบพยานในนัดแรก โจทก์ขอเลื่อนการพิจารณาคดี อ้างว่าทนายโจทก์ติดว่าความในคดีแพ่งและคดีอาญาที่ศาลอื่นโดยนัดไว้ก่อน ปรากฏตามสำเนารายงานกระบวนพิจารณาของศาลดังกล่าวที่ได้รับรองแล้ว เป็นการขอเลื่อนการพิจารณาคดีโดยมีเหตุผลสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2449/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากความขัดแย้งในการทำงาน การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
โจทก์กับ ช. หัวหน้าแผนกมีการขัดแย้งกันในการทำงาน ทำให้งานในแผนกนั้นระส่ำระสายเป็นที่เสียหายแก่จำเลยผู้เป็นนายจ้าง จึงเป็นเหตุจำเป็นและสมควรที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ การที่จำเลยไม่เลิกจ้าง ช. ด้วยก็เพราะจำเลยเห็นว่าหากให้คนทั้งสองออกจากตำแหน่งจะเกิดความเสียหายแก่งานของจำเลย จึงต้องให้คนใดคนหนึ่งออกเพียงคนเดียว และเห็นว่าการเอา ข. ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกไว้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเหตุผลสมควรที่บัญญัติเช่นนั้น ฉะนั้น การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ผู้เดียวไม่ได้ดำเนินการอย่างใดกับ ข. จึงมิใช่เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมต่อโจทก์ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเผยแพร่ภาพบุคคลรวมกับภาพอาชญากร ไม่เข้าข่ายความผิดดูหมิ่น หากไม่มีเจตนาและมีเหตุผลอื่นที่สมควร
จำเลยนำภาพของโจทก์ลงพิมพ์ที่หน้าปกของหนังสือพิมพ์รายวันเสียงปวงชนรวมกับภาพอื่นซึ่งมีอยู่ทั้งหมดประมาณ 20 ภาพเศษ นอกจากภาพบุคคลแล้วยังมีภาพไฟไหม้อาคาร ภาพเครื่องบินชนโรงงาน และภาพงานพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ทุกภาพไม่มีข้อความอธิบายเหตุการณ์หรือบอกชื่อบุคคลในภาพนั้นแต่อย่างใด คงมีแต่ข้อความซึ่งพิมพ์ด้วยอักษรภาษาไทย ขนาดตัวโตขวางทับอยู่กลางหน้ากระดาษว่า "ภาพเหตุการณ์ในรอบปี" เท่านั้น และภาพโจทก์ที่นำลงพิมพ์ไว้นั้น จัดวางไว้ทางตอนบนของหน้ากระดาษเป็นภาพครึ่งตัวส่วนบนแต่งกายเรียบร้อย สวมเสื้อนอก มีผ้าผูกคอ ผิดกับภาพบุคคลอื่น ๆ และเป็นภาพของโจทก์เดี่ยว ๆ เป็นเอกเทศ แม้จะมีภาพผู้ต้องหาหรือผู้กระทำผิดในคดีอาญาที่ร้ายแรงพิมพ์รวมอยู่รอบ ๆ ภาพของโจทก์ด้วยก็ตาม แต่ขณะเกิดเหตุโจทก์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จึงน่าจะเป็นการเสนอภาพ เพื่อให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณา ไม่พอที่จะชี้ให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาดูหมิ่นโจทก์ อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 393
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถูกรอนสิทธิเนื่องจากการไม่สามารถครอบครองทรัพย์สิน (รถยนต์) จากเหตุผลสมควร
โจทก์ซื้อรถยนต์จากจำเลย ตำรวจยึดรถไปโดยมีเหตุผลสมควรโจทก์ไม่สามารถครอบครองรถได้ถือว่าโจทก์ถูกรอนสิทธิจำเลยต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำลายทรัพย์สินเป็นองค์ประกอบสำคัญของความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ แม้ตัดต้นไม้แต่หากมีเหตุผลสมควรและไม่มีเจตนาทำลายทรัพย์สินก็ไม่เป็นความผิด
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 นั้น ผู้กระทำจะต้องมีเจตนากระทำให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหายจึงจะเป็นผิด จำเลยตัดต้นไผ่ของผู้เสียหายส่วนที่งอกรุกล้ำเข้าไปในทางสาธารณะออก เพื่อให้โค กระบือเดินผ่าน จำเลยมิได้มีเจตนากระทำเพื่อให้ทรัพย์ของผู้เสียหายได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 705/2507 ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานโจทก์: ศาลควรอนุญาตเลื่อนได้หากมีเหตุผลสมควร แม้จะมีการเลื่อนหลายนัดแล้ว
ศาลอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์ไปตามความจำเป็นของโจทก์บ้างจำเลยบ้างหลายนัด ครั้นต่อมาโจทก์จำเลยแถลงว่าคดีมีทางตกลงกันได้ขอเลื่อนไปนัดพร้อมกันอีกนัดหนึ่ง ศาลสั่งให้เลื่อนไปนัดพร้อมหรือนัดสืบพยานโจทก์ ครั้งถึงวันนัดโจทก์จำเลยมาศาลแถลงว่าตกลงกันไม่ได้ ศาลจึงดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปในวันนั้นเพียงโจทก์อ้างตัวเองปากเดียว ส่วนพยานอื่นไม่มา โจทก์ขอเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อไปในนัดหน้า ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนและงดสืบพยานโจทก์ต่อไปเสีย ดังนี้ แม้จะมีการเลื่อนมาหลายนัดแล้วก็ตามศาลก็ได้อนุญาตโดยเห็นพ้องตามความจำเป็นของโจทก์บ้าง จำเลยบ้าง เฉพาะคราวหลังก่อนนัดที่มีการสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยขอให้นัดพร้อม แต่ศาลสั่งนัดพร้อมหรือนัดสืบพยานโจทก์เป็นสองกรณีซึ่งไม่แน่ว่าจะได้สืบพยานโจทก์หรือไม่ จะถือว่าเป็นความผิดของโจทก์ที่ไม่ขอหมายเรียกหรือไม่นำพยานมาศาลเสียทีเดียวก็ไม่ถนัด และจำเลยก็มิได้คัดค้าน ทั้งในวันนั้นศาลออกนั่งพิจารณาเมื่อเวลา 15.35 น. สืบตัวโจทก์ปากเดียวก็หมดเวลาหรือเกือบหมดเวลาราชการแล้ว ถ้าพยานโจทก์อื่นมาศาลก็คงต้องเลื่อนไปสืบต่อนัดหน้าอยู่นั่นเอง จึงสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อในนัดหน้าได้