พบผลลัพธ์ทั้งหมด 368 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3846/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์เอกสารปลอม แม้ไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในชั้นแรก ก็ทำได้หากมีเหตุตามฟ้อง
การที่จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบว่าโจทก์ที่2ไม่ได้ไปสำนักงานที่ดินในวันทำสัญญา ซื้อขาย ที่ดิน และไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงมีลายมือชื่อโจทก์ที่2ปรากฏอยู่ในหนังสือ สัญญาซื้อขายที่ดินที่ระบุว่า จ. กับโจทก์ที่2และจำเลยร่วมกันเป็นผู้ซื้อนั้นเป็นการนำสืบเพื่อแสดงว่าเอกสารนั้นเป็น เอกสารปลอม จำเลยจึงมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้เช่นนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94วรรคสอง โจทก์ทั้งสี่เพียงแต่ บรรยายฟ้องว่าโจทก์ที่2ในฐานะส่วนตัวมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินตาม หนังสือรับรองการทำประโยชน์กับเจ้ามรดกและจำเลยโดยมิได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินเมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยเป็นเจ้าของผู้มี สิทธิครอบครองที่ดินจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะต้องให้การถึงหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าวฉะนั้นเมื่อต่อมาโจทก์นำหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินนั้นมาสืบจำเลยย่อมมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบว่าเป็นเอกสารปลอมเพื่อสนับสนุนข้อเถียงของจำเลยที่ได้ให้การว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินได้ไม่เป็นการสืบนอกคำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3727/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอม (ป้ายวงกลม, ป้ายทะเบียน) และรับของโจร แม้กระทำพร้อมกันก็เป็นคนละกรรม
สำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษี เก่า เลอะเลือน เลขตัวรถในสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีต่างจากเลขตัวถัง อันแสดงว่า เป็นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอม ซึ่งจำเลยตรวจเทียบดูก็จะทราบ จำเลยขับรถจักรยานยนต์ที่ติดสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอม จึงมีเจตนาเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้เสียภาษีถูกต้องแล้วเป็นการใช้เอกสารปลอม
จำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ตั้งแต่ปี 2532 และใช้รถคันดังกล่าวตลอดมาโดยใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถปลอม กับสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอม โดยมิได้ติดต่อทำการโอนและแก้ไขแผ่นป้ายทะเบียนและป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีให้ถูกต้อง จนถูกจับกุมเมื่อปี 2535 เป็นการปกปิดซ่อนเร้นมิให้ผู้อื่นทราบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้จากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ เป็นความผิดฐานรับของโจร
การที่จำเลยรับรถจักรยานยนต์ไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ เป็นการกระทำเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ส่วนหนึ่งและการที่จำเลยใช้เอกสารปลอมนั้นเป็นการกระทำอีกส่วนหนึ่ง คนละส่วนกัน แม้จะได้กระทำพร้อมกันไป ก็หาใช่เป็นกรรมเดียวกันไม่
จำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ตั้งแต่ปี 2532 และใช้รถคันดังกล่าวตลอดมาโดยใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถปลอม กับสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอม โดยมิได้ติดต่อทำการโอนและแก้ไขแผ่นป้ายทะเบียนและป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีให้ถูกต้อง จนถูกจับกุมเมื่อปี 2535 เป็นการปกปิดซ่อนเร้นมิให้ผู้อื่นทราบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้จากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ เป็นความผิดฐานรับของโจร
การที่จำเลยรับรถจักรยานยนต์ไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ เป็นการกระทำเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ส่วนหนึ่งและการที่จำเลยใช้เอกสารปลอมนั้นเป็นการกระทำอีกส่วนหนึ่ง คนละส่วนกัน แม้จะได้กระทำพร้อมกันไป ก็หาใช่เป็นกรรมเดียวกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3727/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอม (ป้ายทะเบียน, ป้ายวงกลมภาษี) และรับของโจร โดยจำเลยทราบว่ารถได้มาจากการลักทรัพย์
สำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีเก่าเลอะเลือนเลขตัวรถในสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีต่างจากเลขตัวถังอันแสดงว่าเป็นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอมซึ่งจำเลยตรวจเทียบดูก็จะทราบจำเลยขับรถจักรยานยนต์ที่ติดสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอมจึงมีเจตนาเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้เสียภาษีถูกต้องแล้วเป็นการใช้เอกสารปลอม จำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ตั้งแต่ปี2532และใช้รถคันดังกล่าวตลอดมาโดยใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถปลอมกับสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอมโดยมิได้ติดต่อทำการโอนและแก้ไขแผ่นป้ายทะเบียนและป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีให้ถูกต้องจนถูกจับกุมเมื่อปี2535เป็นการปกปิดซ่อนเร้นมิให้ผู้อื่นทราบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้จากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เป็นความผิดฐานรับของโจร การที่จำเลยรับรถจักรยานยนต์ไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เป็นการกระทำเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ส่วนหนึ่งและการที่จำเลยใช้เอกสารปลอมนั้นเป็นการกระทำอีกส่วนหนึ่งคนละส่วนกันแม้จะได้กระทำพร้อมกันไปก็หาใช่เป็นกรรมเดียวกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร-ใช้เอกสารปลอม: จำเลยไม่รู้ว่ารถเป็นของโจรและไม่ได้ใช้เอกสารปลอม ศาลยกฟ้อง
รถของผู้เสียหายไป พบอยู่ในความครอบครองของจำเลย พบรอยขูดลบเลขหมายประจำเครื่องยนต์มีการตัดต่อเชื่อมบริเวณหมายเลขประจำคัสซี กับมีป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีและสำเนาใบคู่มือจดทะเบียนปลอมซึ่งมีรอยลบสีของตัวรถติดอยู่ ส่วนแผ่นป้ายทะเบียนเป็นของรถคันอื่น เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจขอตรวจสอบหลักฐานการใช้รถ จำเลยไม่ได้หลบหนีและนำเอกสารมาให้ตรวจสอบโดยดี ทั้งแจ้งว่าขอยืมรถมาจาก จ. โดยไม่มีข้อพิรุธ แสดงว่าจำเลยรับรถไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์จึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร และการที่โจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นรถที่มีการปลอมแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีและสำเนาใบคู่มือจดทะเบียน การที่รถที่จำเลยครอบครองมีเอกสารดังกล่าวไว้ จะถือว่าจำเลยใช้หรืออ้างเอกสารปลอมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7054/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขทะเบียนบ้านโดยเจ้าพนักงาน แม้จะส่งมอบให้เจ้าบ้าน แต่ถือว่า 'ใช้' เอกสารปลอมตามกฎหมาย
จำเลยรับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอได้ทำการปลอมเอกสารราชการโดยการกรอกข้อความเท็จเพิ่มเติมลงในทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านและฉบับอำเภอ หลังจากนั้นจำเลยได้มอบสำเนาทะเบียนบ้านดังกล่าวคืนให้แก่เจ้าของบ้านเก็บรักษาไว้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการอ้างอิงการมอบทะเบียนบ้านฉบับเจ้าของบ้านให้แก่เจ้าของบ้านนั้น จำเลยยังมิได้อ้างและใช้เอกสารดังกล่าวแก่ผู้ใด จำเลยกระทำตามระเบียบปฎิบัติของทางราชการที่จะต้องมอบทะเบียนบ้านฉบับเจ้าของบ้านให้แก่เจ้าบ้านเท่านั้น จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6819/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้แผ่นป้ายทะเบียนปลอม แม้ไม่ใช่ผู้ปลอมแปลงเอง ก็เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและรับของโจร
แม้ตามพยานหลักฐานจะไม่ปรากฏว่า จำเลยเป็นผู้ปลอมแปลงแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ แต่การที่จำเลยขับรถยนต์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปและติดแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ซึ่งจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นแผ่นป้ายการเขียนปลอมไปตามทางสาธารณะ โดยมุ่งหมายให้ประชาชนผู้พบเห็นเข้าใจว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ของทางราชการ ก็เป็นการใช้หรืออ้างเอกสารแผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 268 อีกกระทงหนึ่งซึ่งแยกออกจากกระทงความผิดฐานรับของโจร
แม้ฎีกาของจำเลยในส่วนที่ว่าศาลฎีกาสมควรพิพากษาลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดทั้งสองฐานหรือไม่ จะเป็นฎีกาในดุลพินิจของศาลอันเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก ก็ตามแต่เมื่อจำเลยฎีกาในข้อแรกเป็นปัญหาข้อกฎหมายมาด้วย ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยลงโทษจำเลยและลดมาตราส่วนโทษตาม ป.อ. มาตรา 76 ให้เหมาะสมแก่ความผิดได้
แม้ฎีกาของจำเลยในส่วนที่ว่าศาลฎีกาสมควรพิพากษาลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดทั้งสองฐานหรือไม่ จะเป็นฎีกาในดุลพินิจของศาลอันเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก ก็ตามแต่เมื่อจำเลยฎีกาในข้อแรกเป็นปัญหาข้อกฎหมายมาด้วย ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยลงโทษจำเลยและลดมาตราส่วนโทษตาม ป.อ. มาตรา 76 ให้เหมาะสมแก่ความผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3512/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม, เอกสารสิทธิ, การงดสืบพยาน, และผลกระทบจากการถอนฟ้อง
ในวันสืบพยานจำเลยแต่ละนัด จำเลยนำพยานเข้าสืบครั้งละ1 ปาก คงมีการสืบพยาน 2 ปากเพียงครั้งเดียว และเลื่อนไปขอสืบพยานประเด็นอีกหลายปาก ซึ่งรวมพยาน 2 ปาก ที่ศาลชั้นต้นงดสืบด้วยศาลที่รับประเด็นไม่ได้สืบเพราะจำเลยไม่ไปศาล เมื่อส่งประเด็นคืนจำเลยขอเลื่อนคดีและแถลงรับรองว่าถึงวันนัดจำเลยไม่มีพยานมาสืบก็จะไม่ติดใจสืบ พอถึงวันนัดจำเลยไม่สามารถนำตัวพยานมาสืบได้ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วเห็นว่า พยานที่จำเลยจะขอสืบเป็นพยานแวดล้อมไม่ใช่ประเด็นหลักไม่เสียเปรียบในการต่อสู้คดี จึงถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานทั้งสองปาก ตามเหตุผลดังกล่าวพอถือได้ว่าจำเลยมีพฤติการณ์ประวิงคดีที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจงดสืบพยาน 2 ปากดังกล่าวจึงชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานปลอมเอกสารสิทธิเป็น3 กระทง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 โดยปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 ด้วยนั้นเห็นว่า เมื่อผิดบทเฉพาะตามมาตรา 265 แล้ว ก็ไม่จำต้องปรับบททั่วไปตามมาตรา 264 อีก เอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9) หมายถึงเอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ แต่ใบเสนอราคาเป็นเพียงคำเสนอที่จะขายหินให้แก่โจทก์ร่วมยังไม่แน่ว่าโจทก์ร่วมจะตกลงซื้อหินหรือไม่ ใบเสนอราคาดังกล่าวจึงมิใช่เอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อสิทธิ มิใช่เอกสารสิทธิตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9) การกระทำของจำเลยซึ่งปลอมใบเสนอราคาและใช้เอกสารดังกล่าว จึงไม่เป็นการปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม คงเป็นความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก 268 วรรคแรกประกอบมาตรา 264 วรรคแรก เท่านั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยคืนเงินจำนวน 850,000 บาท แก่โจทก์ร่วม แต่โจทก์ร่วมได้ถอนคำร้องทุกข์ในความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้บังคับจำเลยใช้เงินคืนแก่โจทก์ร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3480/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธคำให้การเรื่องเอกสารปลอมและการมีสิทธิในการนำสืบหักล้าง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปเป็นเงินจำนวน 250,000 บาทแต่จำเลยไม่ชำระขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ ไม่เคยรับเงินจำนวน250,000 จากโจทก์ และหนังสือสัญญากู้ยืมเงินท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอมโดยโจทก์ทำขึ้นเองทั้งฉบับ ถือว่าจำเลยได้ให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้งแล้วว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์และหนังสือสัญญากู้ยืมเงินท้ายฟ้องที่โจทก์อ้างเป็นเอกสารปลอม รวมทั้งเหตุแห่งการปฏิเสธคำให้การของจำเลยจึงชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสองแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบหักล้างในประเด็นที่จำเลยให้การปฏิเสธไว้ได้ การนำสืบของจำเลยจึงไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3480/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธหนี้และข้ออ้างเอกสารปลอม: สิทธิในการนำสืบหักล้าง
จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ไม่เคยรับเงินจำนวน250,000 บาท จากโจทก์และหนังสือสัญญากู้ยืมเงินท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอมโดยโจทก์ทำขึ้นเองทั้งฉบับ ตามคำให้การดังกล่าวถือว่าจำเลยได้ให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้งแล้วว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์และหนังสือสัญญากู้ยืมเงินท้ายฟ้องที่โจทก์อ้างเป็นเอกสารปลอมรวมทั้งเหตุแห่งการปฏิเสธคำให้การของจำเลยจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองแล้ว และเมื่อจำเลยได้ให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยย่อมมีสิทธินำสืบหักล้างในประเด็นที่จำเลยให้การปฏิเสธไว้ได้การนำสืบของจำเลยจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3464/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีด้วยเหตุเอกสารปลอมต้องระบุเหตุแห่งการปลอม การไม่อ้างเหตุทำให้สิทธิการนำสืบพยานไม่มีผล
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามรับผิดตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้อง จำเลยทั้งสามให้การว่าจำเลยทั้งสามไม่เคยทำสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญาที่โจทก์กับพวกร่วมกันปลอมขึ้นดังนี้คำให้การของจำเลยทั้งสามเป็นการต่อสู้ว่าสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาปลอมเป็นสำคัญข้อที่ว่าจำเลยทั้งสามไม่เคยทำสัญญากับโจทก์ไม่ทำให้เปลี่ยนประเด็นเป็นอย่างอื่น เมื่อจำเลยทั้งสามไม่อ้างเหตุว่าปลอมอย่างไร จึงเป็นคำให้การที่มิได้ให้เหตุผลแห่งการปฎิเสธโดยชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา177 วรรคสอง จำเลยทั้งสามจึงไม่มีสิทธินำพยานหลักฐานเข้าสืบตามข้อต่อสู้นั้น