คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
แก้ไขคำฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 190 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6567/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องเพิ่มเติมที่ไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม และสิทธิที่เกิดขึ้นภายหลังการฟ้องคดี
ตามคำฟ้องเพิ่มเติมที่โจทก์ยื่นคำร้องมาเป็นเรื่องที่โจทก์เรียกเงินที่โจทก์ได้ชำระให้จำเลยไปตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2525พร้อมดอกเบี้ยคืนส่วนตามคำฟ้องเดิมเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้เพิกถอนสัญญายินยอมผ่อนชำระเงินทดแทนพิเศษให้แก่รัฐตามหนังสือฉบับลงวันที่ 29 ธันวาคม 2529 และเรียกเงินที่ได้ชำระไปตามสัญญาดังกล่าวคืน มูลคดีตามคำฟ้องเดิมกับคำฟ้องเพิ่มเติมไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และคำฟ้องเพิ่มเติมอีกข้อเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว แม้หากจะฟังว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องคืนจากจำเลย สิทธิของโจทก์ก็เกิดภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ จึงถือไม่ได้ว่า คำฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6373/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้อง: เพิ่มเติมข้อเท็จจริงเดิมได้ ไม่ถือเป็นการตั้งข้อหาใหม่ ศาลมีอำนาจเพิกถอนโฉนดที่ดินออกโดยไม่ชอบ
ตามคำฟ้องเดิมโจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันบุกรุกเข้าไปปลูกบ้านในที่พิพาท ขอให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกจากที่พิพาท ส่วนตามคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องโจทก์ขอเพิ่มเติมคำฟ้องว่า ทั้ง บ. และโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทโดยฝากให้จำเลยที่ 1 ดูแลที่พิพาท มิได้อนุญาตให้จำเลยที่ 1เข้าไปอยู่ในที่พิพาท เป็นการเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์มิใช่เป็นการตั้งข้อหาใหม่หรือเปลี่ยนแปลงข้อหาในคำฟ้องเดิมแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ขอให้พิพากษาทำลายโฉนดที่ดินส่วนที่ออกทับที่พิพาทนั้น มีความหมายว่าโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1 ส่วนที่ทับที่พิพาทออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะที่พิพาทเป็นของโจทก์ซึ่งเป็นข้อหาตามคำฟ้องเดิมอยู่แล้ว แม้โจทก์จะไม่มีคำขอดังกล่าวมาท้ายฟ้อง หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโฉนดที่ดินออกทับที่ดินโจทก์ซึ่งเป็นที่พิพาทศาลก็มีอำนาจสั่งเพิกถอนได้ ดังนั้นการขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องของโจทก์ จึงเป็นการเพิ่มเติมข้อเท็จจริงในฟ้องเดิมให้บริบูรณ์และเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกัน โจทก์มีสิทธิยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6164/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องแทน, การแก้ไขคำฟ้อง, และการพิสูจน์หนี้: ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นการฟ้องร้องและการแก้ไขคำฟ้องในคดีหนี้สิน
หนังสือมอบอำนาจระบุให้ อ. ดำเนินคดีทางศาลแทนโจทก์ได้ทั่วไปในคดีทุกชนิด ทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา และคดีล้มละลาย จึงเป็นหนังสือมอบอำนาจทั่วไป แม้โจทก์จะได้มอบอำนาจโดยมิได้ระบุให้ฟ้องผู้ใดเป็นจำเลย และมอบอำนาจไว้นานเพียงใด อ. ก็มีอำนาจฟ้องจำเลยแทนโจทก์โดยไม่จำต้องมีหนังสืออนุญาตจากโจทก์ให้ฟ้องจำเลยอีก
ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงจำนวนหนี้พร้อมดอกเบี้ยที่จำเลยค้างชำระโจทก์แจ้งชัดพอที่จำเลยจะเข้าใจแล้ว ส่วนโจทก์จะคิดดอกเบี้ยอย่างไร จากยอดเงินใด ระยะเวลาเท่าใด เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาและแสดงหลักฐานต่าง ๆ ประกอบข้อเท็จจริงในฟ้องได้ หาทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีไม่ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยยังติดค้างหนี้โจทก์เฉพาะต้นเงินยังไม่รวมดอกเบี้ยจำนวน 2,703,000 บาทเศษ แม้จำเลยจะยังโต้เถียงอยู่ว่าโจทก์คำนวณดอกเบี้ยไม่ถูกต้อง ก็ถือได้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ซึ่งอาจกำหนดจำนวนได้แน่นอนไม่น้อยกว่า 500,000 บาท
โจทก์ขอแก้ไขจำนวนหนี้ในฟ้องให้ถูกต้องตามความเป็นจริงเมื่อแก้แล้วจำนวนหนี้โดยเฉพาะต้นเงินก็ยังไม่น้อยกว่า 500,000 บาท ตามเดิมและในเรื่องนี้ศาลฎีกาก็วินิจฉัยไว้เพียงว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ในต้นเงินไม่น้อยกว่า500,000 บาท โดยมิได้ชี้ชัดในชั้นนี้ว่ายอดหนี้ทั้งหมดที่ถูกต้องเป็นเท่าใด เพราะจะต้องไปว่ากันในชั้นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อยู่แล้ว ฉะนั้นฎีกาของจำเลยที่ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องภายหลังสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วเป็นการไม่ชอบ จึงไม่เป็นสาระแก่คดี เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยคงมีแต่พยานบุคคลมาสืบต่อสู้ว่าชำระหนี้ให้โจทก์ครบถ้วนแล้วโดยไม่ปรากฏว่าได้อ้างอิงพยานเอกสารแสดงถึงการชำระหนี้ หากให้จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบอีกในประเด็นนี้ก็ไม่ทำให้การวินิจฉัยคดีเปลี่ยนแปลงไป ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตัดพยานบุคคลของจำเลยที่จะนำสืบในประเด็นดังกล่าวจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6164/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจทั่วไป, การฟ้องล้มละลาย, หนี้สิน, การแก้ไขคำฟ้อง, พยานหลักฐาน
หนังสือมอบอำนาจระบุให้ อ. ดำเนินคดีทางศาลแทนโจทก์ได้ทั่วไปในคดีทุกชนิด ทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา และคดีล้มละลายจึงเป็นหนังสือมอบอำนาจทั่วไป แม้โจทก์จะได้มอบอำนาจโดยมิได้ระบุให้ฟ้องผู้ใดเป็นจำเลย และมอบอำนาจไว้นานเพียงใด อ. ก็มีอำนาจฟ้องจำเลยแทนโจทก์โดยไม่จำต้องมีหนังสืออนุญาตจากโจทก์ให้ฟ้องจำเลยอีก ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงจำนวนหนี้พร้อมดอกเบี้ยที่จำเลยค้างชำระโจทก์แจ้งชัดพอที่จำเลยจะเข้าใจแล้ว ส่วนโจทก์จะคิดดอกเบี้ยอย่างไรจากยอดเงินใด ระยะเวลาเท่าใด เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาและแสดงหลักฐานต่าง ๆ ประกอบข้อเท็จจริงในฟ้องได้หาทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีไม่ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยยังติดค้างหนี้โจทก์เฉพาะต้นเงินยังไม่รวมดอกเบี้ยจำนวน 2,703,000 บาทเศษ แม้จำเลยจะยังโต้เถียงอยู่ว่า โจทก์คำนวณดอกเบี้ยไม่ถูกต้อง ก็ถือได้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ซึ่งอาจกำหนดจำนวนได้แน่นอนไม่น้อยกว่า 500,000 บาท โจทก์ขอแก้ไขจำนวนหนี้ในฟ้องให้ถูกต้องตามความเป็นจริงเมื่อแก้แล้วจำนวนหนี้โดยเฉพาะต้นเงินก็ยังไม่น้อยกว่า 500,000 บาทตามเดิมและในเรื่องนี้ศาลฎีกาก็วินิจฉัยไว้เพียงว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ในต้นเงินไม่น้อยกว่า 500,000 บาท โดยมิได้ชี้ขัดในชั้นนี้ว่ายอดหนี้ทั้งหมดที่ถูกต้องเป็นเท่าใด เพราะจะต้องไปว่ากันในชั้นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อยู่แล้ว ฉะนั้นฎีกาของจำเลยที่ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องภายหลังสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วเป็นการไม่ชอบ จึงไม่เป็นสาระแก่คดี เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องหรือไม่ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย จำเลยคงมีแต่พยานบุคคลมาสืบต่อสู้ว่าชำระหนี้ให้โจทก์ครบถ้วนแล้วโดยไม่ปรากฏว่าได้อ้างอิงพยานเอกสารแสดงถึงการชำระหนี้หากให้จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบอีกในประเด็นนี้ก็ไม่ทำให้การวินิจฉัยคดีเปลี่ยนแปลงไป ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตัดพยานบุคคลของจำเลยที่จะนำสืบในประเด็นดังกล่าวจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3629/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้อง, หมายเลขทะเบียนรถ, เหตุสุดวิสัย, ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่
การขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนรถเป็นกรณีแก้ไขข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายละเอียดเพื่อให้ตรงตามความเป็นจริงไม่จำต้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานเพราะเข้าข้อยกเว้นของ ป.วิ.พ.มาตรา 180
การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุย่อมมีผลให้คำฟ้องของโจทก์และรายงานการชี้สองสถานในประเด็นเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถคันดังกล่าวต้องเป็นไปตามที่โจทก์ขอแก้ไข
แม้เหตุที่รถเกิดชนกันเป็นเพราะยางรถยนต์คันที่ น.ขับมาเกิดระเบิดขึ้นก็ตาม ก็หาเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของ น.ผู้ขับขี่จะต้องตรวจตราระมัดระวังให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับด้วยความปลอดภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3629/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องหมายเลขทะเบียนรถ และการพิสูจน์ความรับผิดจากเหตุละเมิดเนื่องจากความประมาท
การขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนรถเป็นกรณีแก้ไขข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายละเอียดเพื่อให้ตรงตามความเป็นจริงไม่จำต้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานเพราะเข้าข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุย่อมมีผลให้คำฟ้องของโจทก์และรายงานการชี้สองสถานในประเด็นเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถคันดังกล่าวต้องเป็นไปตามที่โจทก์ขอแก้ไข แม้เหตุที่รถเกิดชนกันเป็นเพราะยางรถยนต์คันที่ น.ขับมาเกิดระเบิดขึ้นก็ตาม ก็หาเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของ น. ผู้ขับขี่จะต้องตรวจตราระมัดระวังให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับด้วยความปลอดภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3629/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้อง, การกำหนดประเด็นข้อพิพาท, ความประมาทเลินเล่อ, เหตุสุดวิสัย, ความรับผิดทางละเมิด
การขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนรถคันเกิดเหตุเป็นกรณีแก้ไขข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายละเอียดเพื่อให้ตรงตามความเป็นจริง ไม่จำต้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานเพราะเข้าข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุ ย่อมมีผลให้คำฟ้องของโจทก์และรายงานการชี้สองสถานในประเด็นเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถคันดังกล่าวต้องเปลี่ยนไปตามที่โจทก์ขอแก้ไขโดยไม่ต้องทำการชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทใหม่ เหตุที่รถชนกันเกิดขึ้นเพราะยางรถยนต์ระเบิด ไม่เป็นเหตุสุดวิสัยเพราะเป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่จะต้องตรวจตราระมัดระวังให้รถอยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับด้วยความปลอดภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3288/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาเรื่องโกงเจ้าหนี้: การโต้เถียงข้อเท็จจริงและการแก้ไขคำฟ้องเกินกำหนดอายุความ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 จำคุก 8 เดือน ความผิดฐานนี้จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่าหลังจากศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องความผิดฐานฉ้อโกงและมีคำสั่งว่า คดีมีมูลแล้ว โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องโดยเพิ่มเติมข้อหาและฐานความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ขึ้นมาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต คำสั่งดังกล่าวมีผลทำให้คดีมีมูลในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้โดยปริยาย โดยที่ศาลชั้นต้นมิได้ทำการไต่สวนมูลฟ้องความผิดฐานนี้เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่าศาลชั้นต้นได้ทำการไต่สวนมูลฟ้องความผิดฐานโกงเจ้าหนี้แล้วจึงมีคำสั่งว่าคดีโจทก์มีมูลในความผิดฐานนี้ ฎีกาของจำเลยจึงเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ย่อมมีผลอย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ฎีกาจำเลยที่ว่า โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเมื่อเดือนมีนาคม 2533 โจทก์ย่อมจะต้องไปขอตรวจสอบหลักฐานที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อนำมาใช้ในการสืบพยานในคดีดังกล่าว และที่ดิน พิพาทเป็นดินมี น.ส.3 ตามกฎหมายจะต้องมีการประกาศต่อสาธารณชนเป็นเวลา 30 วัน ก่อนทำการโอนปรากฎจากสารบัญ ด้านหลังน.ส.3 ที่ดินพิพาทว่ามีการโอนเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2533 แสดงว่าจะต้องมีการประกาศคำขอต่อบุคคลทั่วไปตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายน 2533 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโจทก์ควรจะทราบแล้วว่ามีการขอโอนสิทธิในที่ดินดังกล่าว เนื่องจากเป็นเวลาช่วงเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องคดีแพ่ง เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องโดยเพิ่มเติมข้อหาและฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350เกิน 3 เดือน นับแต่วันเกิดเหตุคดีโจทก์จึงขาดอายุความแล้วนั้นปัญหาว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดตั้งแต่เมื่อใดเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน ฎีกาจำเลยที่ว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามสถานที่เกิดเหตุที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องการกระทำของจำเลยขาดเจตนากระทำผิด และขอให้ศาลรอการลงโทษนั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานและการลงโทษของศาลอุทธรณ์ ถือว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน แม้คดีจะฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย แต่ถ้าหากศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างลงโทษจำเลยหนักเกินไปก็ย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความตั๋วสัญญาใช้เงินและการแก้ไขคำฟ้อง
เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงินฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินภายในกำหนดอายุความ 3 ปี นับแต่วันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดแล้วอายุความย่อมสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 173 เดิม และโจทก์ย่อมมีสิทธิขอแก้ไขคำฟ้องได้ภายในกำหนดเวลาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 180 แม้จะยื่นคำร้องขอแก้ไขเมื่อพ้นกำหนด 3 ปี นับแต่วันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นถึงกำหนดแล้วก็ตาม ก็ไม่ทำให้คดีขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องในคดีตั๋วสัญญาใช้เงิน: อายุความสะดุดหยุดเมื่อมีการฟ้อง และสามารถแก้ไขคำฟ้องได้แม้พ้น 3 ปี
เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงินฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินภายในกำหนดอายุความ 3 ปี นับแต่วันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดแล้วอายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 เดิม และโจทก์ย่อมมีสิทธิขอแก้ไขคำฟ้องได้ภายในกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 แม้จะยื่นคำร้องขอแก้ไขเมื่อพ้นกำหนด 3 ปี นับแต่วันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นถึงกำหนดแล้วก็ตาม ก็ไม่ทำให้คดีขาดอายุความ
of 19