คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่อนุญาต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 142 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2971/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตเลื่อนคดีและการพิจารณาคดีต่อไป ไม่ถือเป็นการขาดนัดตามกฎหมาย
ในวันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้สืบพยานโจทก์ไป แล้วนัดสืบพยานจำเลย ดังนี้ เป็นเรื่องจำเลยขอเลื่อนการพิจารณาแต่ศาลไม่อนุญาต ทั้งศาลก็มิได้สั่งให้จำเลยขาดนัดพิจารณา แล้วให้พิจารณาไปฝ่ายเดียวถือไม่ได้ว่าเป็นการพิจารณาโดยขาดนัด จำเลยจะขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การเกินกำหนด: การจำแนกประเภทคำสั่งและสิทธิอุทธรณ์
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำให้การของจำเลยเพราะยื่นเกินกำหนด 8 วัน นับแต่วันรับหมายเรียกเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จำเลยมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งได้ทันทีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228 (3) แต่จำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์ กลับยื่นคำร้องใหม่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยยื่นคำให้การที่ได้ยื่นไว้ ศาลชั้นต้นไต่สวน (โดยสอบข้อเท็จจริงจากทนายจำเลย) แล้วมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ คำสั่งตอนหลังนี้ไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 จะอุทธรณ์ในทันทีไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตยื่นคำให้การ: ความแตกต่างระหว่างคำสั่งไม่รับคำคู่ความกับคำสั่งระหว่างพิจารณา และผลต่อการอุทธรณ์
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำให้การของจำเลยเพราะยื่นเกินกำหนด8 วัน นับแต่วันรับหมายเรียกเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จำเลยมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งได้ทันทีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(3)แต่จำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์ กลับยื่นคำร้องใหม่ของให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยยื่นคำให้การที่ได้ยื่นไว้ ศาลชั้นต้นไต่สวน (โดยสอบข้อเท็จจริงจากทนายจำเลย)แล้วมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ คำสั่งตอนหลังนี้ไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 จะอุทธรณ์ให้ทันทีไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องสอดที่ไม่อนุญาตเนื่องจากส่วนได้เสียไม่ร่วมหรือแทนที่กัน ผู้ร้องสอดอ้างว่าจำเลยไม่มีส่วนได้เสีย
โจทก์ฟ้องว่า ท. ทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์ แล้วกลับนำไปโอนขายให้จำเลยซึ่งเป็นทายาทมีสิทธิได้รับมรดกของ ท. แต่ผู้เดียวเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับตามสัญญาจะซื้อจะขาย ขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายระหว่าง ท. กับจำเลยให้จำเลยในฐานะผู้รับมรดกปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ ท. ทำไว้กับโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยซื้อที่พิพาทและจดทะเบียนรับโอนมาโดยสุจริต ขอให้ยกฟ้องผู้ร้องสอดยื่นคำร้องว่าที่พิพาทนี้ท. ทำพินัยกรรมยกให้แก่ผู้ร้องสอดและสัญญาที่ท. โอนขายให้จำเลยนั้นทำโดยสมยอม ไม่มีเจตนาจะซื้อขายกันจริงเจตนาเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับตามสัญญาที่ ท. ทำไว้กับโจทก์เท่านั้นจึงขอร้องสอดเข้ามาในคดีแทนที่จำเลยในฐานะที่เป็นผู้รับมรดกศาลชั้นต้นสอบถามแล้วผู้ร้องสอดแถลงว่าผู้ร้องสอดได้ฟ้องจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่ง ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยกับ ท. ทำนองเดียวกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยดังนี้ เท่ากับผู้ร้องสอดอ้างว่าจำเลยไม่มีส่วนได้เสียในที่พิพาทแต่อย่างใดเลยผู้ร้องสอดเท่านั้นที่มีส่วนได้เสียโดยพินัยกรรมส่วนได้เสียของผู้ร้องสอดและของจำเลยจึงมิได้ร่วมกันหรือแทนที่กันซึ่งจะเข้ามาเป็นคู่ความได้ด้วยการร้องสอด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) ศาลจึงชอบที่จะสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาดำเนินคดีแทนที่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขออนาถาหลังพ้นกรอบเวลา และคดีไม่มีมูลฟ้องร้อง ศาลไม่อนุญาตให้ดำเนินคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาโดยให้เหตุผลว่าโจทก์ที่ 2 ไม่ใช่คนอนาถาประการหนึ่ง และคดีไม่มีมูลที่จะฟ้องร้องอีกประการหนึ่ง โจทก์ที่ 2 มิได้อุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโจทก์ที่ 2 ย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคสุดท้ายประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าคดีของโจทก์ที่ 2 ไม่มีมูลฟ้องร้องย่อมยุติดังนั้น แม้ศาลจะอนุญาตให้โจทก์นำพยานมาสืบเพิ่มเติมตามคำร้องของโจทก์ที่ 2 และฟังได้ว่าโจทก์ที่ 2 เป็นคนยากจนก็ตาม แต่คดีต้องฟังยุติว่าคดีของโจทก์ที่ 2 ไม่มีมูลจะฟ้องร้อง ศาลก็จะอนุญาตให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาหาได้ไม่ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ที่ 2 ใหม่ เพื่อนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าโจทก์ที่ 2 ยากจนจริง โดยไม่ทำการไต่สวนนั้น จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น และคำสั่งศาลอุทธรณ์คำสั่งเป็นที่สุด
ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด ฎีกาต่อไปไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2220/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตยื่นคำให้การใหม่ไม่ใช่คำสั่งตามมาตรา 18 ไม่สามารถอุทธรณ์ตามมาตรา 228(3) ได้
เมื่อศาลชั้นต้นไม่รับคำให้การของจำเลยเพราะยื่นพ้นกำหนด 8 วันแล้ว จำเลยหาได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้นไม่ แต่จำเลยกลับยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การใหม่ อ้างว่าจำเลยไม่มีเจตนาจงใจไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้ว มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การใหม่ คำสั่งของศาลชั้นต้นครั้งใหม่ที่ไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การตามคำร้องนี้ไม่ใช่คำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ที่จำเลยจะใช้สิทธิตามมาตรา 228(3) อุทธรณ์ได้ แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยอุทธรณ์คำสั่งนั้นทันทีไม่ได้ตามมาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าร่วมเป็นจำเลยร่วมหลังสืบพยานเสร็จสิ้น: ศาลไม่อนุญาตหากไม่เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินคดีและไม่มีส่วนได้เสียเพิ่มเติม
เมื่อโจทก์สืบพยานเสร็จแล้ว ระหว่างนัดสืบพยานจำเลย บิดาจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วม ดังนี้ ไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ร้องสอดที่จะเข้ามาในดคี เพราะไม่อาจใช้สิทธิใด ๆ ในการดำเนินคดีนอกจากสิทธิที่จำเลยมีอยู่เมื่อตนร้องสอด ทั้งจำเลยก็มิได้ร้องขอให้ศาลเรียกผู้ร้องสอดเข้ามาในคดีตั้งแต่แรก เพื่อผลแห่งคดีที่จะต้องรับผิดร่วมกัน จึงไม่สมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาในคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2292/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตยื่นคำให้การพ้นกำหนด – คำสั่งระหว่างพิจารณา – ไม่อุทธรณ์ได้
จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การโดยไม่มีเหตุอันสมควร ไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การ โดยยังมิได้ตรวจดูคำให้การจำเลย คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้ไม่ใช่คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18แต่เป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199และเป็นคำสั่งโดยปกติในระหว่างการพิจารณาของศาลก่อนที่จะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณา ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไว้พิจารณาเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1684/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง และอำนาจของผู้พิพากษา
คดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 22แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ เมื่อผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาพิพากษาคดีนั้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้อุทธรณ์แล้ว ผู้อุทธรณ์จะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวนั้นต่อศาลอุทธรณ์อีกไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นอำนาจเฉพาะตัวของผู้พิพากษาผู้นั้น
of 15