พบผลลัพธ์ทั้งหมด 106 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 697/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบพยาน: การไม่โต้แย้งคำสั่งศาลในระหว่างพิจารณาทำให้ไม่อุทธรณ์ได้
คำสั่งของสาลชั้นต้นไนเรื่องหน้าที่นำสืบที่ว่าไห้คู่ความฝ่ายไดสืบก่อนสืบหลังนั้นถ้าคู่ความไม่ได้โต้แย้งไว้เสียแต่ต้น จะมาอุธรน์คำสั่งนั้นไนพายหลังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 697/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบ: คำสั่งศาลชั้นต้นเรื่องลำดับการสืบพยาน หากไม่โต้แย้งตั้งแต่แรก จะไม่อุทธรณ์ได้
คำสั่งของศาลชั้นต้นในเรื่องหน้าที่นำสืบที่ว่าให้คู่ความฝ่ายใดสืบ ก่อนสืบหลังนั้น ถ้าคู่ความไม่ได้โต้แย้งไว้เสียแต่ต้น จะมาอุทธรณ์คำสั่งนั้นในภายหลังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1239/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสันนิษฐานข้อเท็จจริงจากการไม่โต้แย้งและการมีอำนาจฟ้องคดีอาญา
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าเจ้าพนักงานสอบสวนได้สอบสวนแล้ว และจำเลยไม่ปฏิเสธต้องสันนิษฐานว่าได้มีการสอบสวนมาก่อนแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาโดยโจทก์ต่างคนกัน และผลของการไม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้น
อัยยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลย 2 พวก ฐานทำร้ายร่างกายจำเลยพวกหนึ่งได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยอีกพวกหนึ่งฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส เมื่อศาลขั้นต้นยกฟ้องสำนวนที่อัยยการเป็นโจทก์ฟ้อง แต่ลงโทษจำเลยพวกที่ถูกฟ้องฐานทำร้ายร่างการบาดเจ็บสาหัสแลัว อัยยการมิได้อุทธรณ์เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยพวกที่ถูกลงโทษอัยยการจะฎีกาไม่ได้เราะเมื่ออัยยการไม่อุทธรณ์คดีก็เสร็จเด็ดชาดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายอมความโดยทนายไม่มีอำนาจ: ผลผูกพันเมื่อตัวความทราบข้อบกพร่องและไม่โต้แย้ง
สัญญาย่อมความที่ทนายลงนามแทนตัวความโดยมิได้รับมิบอำนาจพิเศษจากตัวความนั้น หาตกเป็นโมฆะเสียเปล่าไม่ตัวความอาจให้ความรับรองในภายหลังได้ แม้ว่าสัญญายอมความที่ศาลได้มีคำพิพากษาท้ายยอมแล้วนั้นจักบกพร่องไม่สมบูรณ์เนื่องจากที่ทนายความลงนามโดยปราศจากอำนาจก็ตาม เมื่อตัวความทราบข้อบกพร่องนี้แล้วมิได้ฟ้องอุทธรณ์ขอให้ทำลายสัญญาย่อมนั้นจนล่วงเลยเวลามาเช่นนี้ ต้องถือว่าคำพิพากษาท้ายยอมนั้นเด็ดขาดถึงที่สุดจะรื้อฟื้นขึ้นโต้เถียงอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิร่วม, การสันนิษฐานเจ้าของกรรมสิทธิ, การไม่โต้แย้งนิติกรรม, ฟ้องแย้งขับไล่
ผู้ที่มีชื่อในโฉนดกฎหมายย่อมสันนิษฐานว่าผู้นั้นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิร่วมอยู่ด้วยก็ดีผู้ที่สืบอำนาจมาจากผู้นั้นก็ดี เมื่อรู้เห็นแลมิได้ทักท้วงประการใดแล้ว จะมาร้องคัดค้านในภายหลังหาได้ไม่ ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม.177-249 ฟ้องแย้ง โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมการโอนที่ดินซึ่งโจทก์มีกรรมสิทธิร่วมอยู่ด้วยจำเลยให้การว่าได้รับโอนมาโดยชอบด้วยกฎหมายแลมีอำนาจฟ้องแย้งขอให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9620/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชัดแจ้ง – การฎีกาที่ไม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และประเด็นฟ้องแย้งที่ไม่ได้ฎีกา
ฎีกาของจำเลยไม่ได้โต้แย้งเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่ถูกต้องอย่างไร และที่ถูกควรเป็นเช่นไร เพียงแต่คัดลอกข้อความบางส่วนมาจากอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีอากรและการรับผิดของผู้ชำระบัญชี กรณีไม่โต้แย้งการประเมินและหน้าที่ของผู้ชำระบัญชี
พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 112 ฉ บัญญัติให้ผู้นำของเข้ามีสิทธิอุทธรณ์การประเมินอากรต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน และ ป.รัษฎากร มาตรา 30 บัญญัติให้อุทธรณ์การประเมินภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน จึงเป็นกรณีที่มีกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรบัญญัติให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากผู้นำของเข้าไม่อุทธรณ์ก็ต้องถือว่าพอใจการประเมินและเป็นอันยุติ ผู้นำของเข้าจะนำคดีมาฟ้องให้เพิกถอนการประเมินไม่ได้ ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 7 (1) และมาตรา 8 และไม่อาจต่อสู้คดีในชั้นศาลว่าการประเมินไม่ชอบ จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์การประเมิน ย่อมไม่มีสิทธิยกข้อต่อสู้ในชั้นศาลว่าการประเมินไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากเป็นการประเมินผิดประเภท
จำเลยที่ 1 ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินโดยมิได้อุทธรณ์การประเมิน ซึ่งในขณะนั้นจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 ทั้งต่อมายังเป็นผู้ชำระบัญชีของจำเลยที่ 1 ด้วย จำเลยที่ 2 ย่อมมีหน้าที่เอื้อเฟื้อสอดส่องในการประกอบกิจการของบริษัทที่ตนเป็นกรรมการตาม ป.พ.พ. มาตรา 1168 และในฐานะที่เป็นผู้ชำระบัญชีตามมาตรา 1252 จำเลยที่ 2 ควรจะต้องรู้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นหนี้ค่าภาษีอากรดังกล่าว จำเลยที่ 2 อ้างว่าโจทก์ทั้งสองมิได้แจ้งการประเมินแก่จำเลยที่ 2 จึงไม่ทราบว่ามีหนี้ภาษีอากรจึงรับฟังไม่ได้
จำเลยที่ 1 ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินโดยมิได้อุทธรณ์การประเมิน ซึ่งในขณะนั้นจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 ทั้งต่อมายังเป็นผู้ชำระบัญชีของจำเลยที่ 1 ด้วย จำเลยที่ 2 ย่อมมีหน้าที่เอื้อเฟื้อสอดส่องในการประกอบกิจการของบริษัทที่ตนเป็นกรรมการตาม ป.พ.พ. มาตรา 1168 และในฐานะที่เป็นผู้ชำระบัญชีตามมาตรา 1252 จำเลยที่ 2 ควรจะต้องรู้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นหนี้ค่าภาษีอากรดังกล่าว จำเลยที่ 2 อ้างว่าโจทก์ทั้งสองมิได้แจ้งการประเมินแก่จำเลยที่ 2 จึงไม่ทราบว่ามีหนี้ภาษีอากรจึงรับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7787/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารในคดีแรงงาน แม้ไม่ปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 90 หากเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และจำเลยไม่โต้แย้ง
แม้ศาลแรงงานภาค 7 จะวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ส่งสำเนาเอกสารหมาย จ.8 ถึง จ.12 ให้จำเลยที่ 2 ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน เป็นการฝ่าฝืน ป.วิ.พ. มาตรา 90 แต่เอกสารนั้นเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดีที่ทำให้แพ้ชนะคดีระหว่างคู่ความ และข้อเท็จจริงปรากฏว่าในวันนัดพิจารณาคดีทนายความจำเลยที่ 1 แถลงขอเลื่อนคดีเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารดังกล่าว ศาลแรงงานภาค 7 อนุญาตให้เลื่อนคดีไป ถึงวันนัดทนายความจำเลยที่ 1 และที่ 2 แถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลแรงงานภาค 7 จึงมีอำนาจรับฟังเอกสารหมาย จ.8 ถึง จ.12 ได้ หากเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในอันที่จะให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานดังกล่าวตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 45 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9181/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้พิพากษาไม่ได้อ่านเอง แต่ทนายโจทก์ทราบเนื้อหาและไม่ได้โต้แย้ง
ป.วิ.อ. มาตรา 182 วรรคสอง มีจุดมุ่งหมายให้คู่ความได้ทราบคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลเพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์หรือฎีกา ดังนั้นเมื่อในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลได้จดรายงานกระบวนพิจารณาว่า ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งให้โจทก์ฟังแล้ว โดยผู้รับมอบฉันทะทนายโจทก์ลงลายมือชื่อไว้ โดยมิได้โต้แย้งทันทีว่าการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ซึ่งต่อมาโจทก์ก็ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าคดีมีมูล แสดงว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จึงต้องถือว่าการอ่านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอน