พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,327 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือค้ำประกัน/กู้เงิน: ฟ้องจำเลยในฐานะลูกหนี้โดยตรง แม้กล่าวอ้างเป็นตัวแทน แต่หลักฐานชี้เป็นผู้กู้
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือกู้เงินจำนวนหนึ่งให้โจทก์ยึดไว้เป็นสำคัญ โจทก์ได้แนบสำเนาหนังสือกู้นี้มาพร้อมกับฟ้องด้วย เมื่อหนังสือกู้นั้นมีความชัดเจนว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้ในนามของตนคนเดียวไม่ปรากฎว่าทำในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ทั้งจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้ยกเรื่องตัวการตัวแทนขึ้นโต้แย้งประการใดดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญากู้ ดังสำเนาท้ายฟ้องนั่นเอง ตามประมวล ก.ม.วิธีพิจารณาถือว่า เอกสารที่แนบมาท้ายฟ้องนั้นเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าจากความเข้าใจผิด และการไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงถึงความตายของผู้ถูกยิง
ผู้ตายซึ่งวิกลจริตขึ้นไปบนเรือนจำเลย หญิงซึ่งอยู่บนเรือนคนเดียวเข้าใจว่าเป็นคนร้าย จึงร้องว่าชะโมยให้ชาวบ้านช่วย มีชาวบ้าน 30-40 คนรวมทั้งจำเลยมีอาวุธปืน 6-7 กระบอก ไล่ตามยิงผู้ตาย ๆ หนีไปแอบจำเลยกับคนอื่น 2 คนยิงไปยังผู้ตายคนละนัด พอสิ้นเสียงปืนปรากฎว่าผู้ตายถูกกระสุนปืนล้มลงตาย โดยไม่ปรากฎว่าตายเพราะถูกกระสุนปืนของใคร ดังนี้ ถือว่าจำเลยผิดเพียงฐานพยายามฆ่าผู้ตาย และไม่ถือว่าจำเลยและผู้ที่ยิ่ง ตลอดจนชาวบ้านที่ไล่ติดตามนั้นสมคบกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดพยานก่อนหมดการสืบหลักฐาน ทำให้ไม่สามารถพิพากษาคดีได้อย่างถูกต้อง
คดีที่โจทก์ยังประสงค์สืบพยานต่อไปและไม่อาจรู้ได้ว่า โจทก์จะมีพยานสนับสนุนข้อกล่าวอ้างเพียงใดนั้น ศาลจะไปสั่งตัดพยานเสียแล้วพิพากษายกฟ้อง ย่อมไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารที่ไม่ได้รับการรับรองเป็นหลักฐานในคดี การพิสูจน์ข้อเท็จจริง และการยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลย โดยอ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญายอมความไว้ที่อำเภอ จำเลยปฏิเสธว่ามิได้ทำสัญญายอมความกับโจทก์ เมื่อโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ศาลจะอาศัยสำเนาเอกสารในสำนวนในอีกคดีหนึ่ง ซึ่งจำเลยมิได้เป็นคู่ความด้วย และจำเลยมิได้รับรองสำเนาเอกสารฉบับนั้นว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความแต่อย่างใดมาเป็นพยานหลักฐานพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์ไม่สืบให้สมฟ้องคดีของโจทก์จึงไม่มีหลักฐานพยานพอที่จะให้ศาลฟังเป็นความจริงได้ จึงต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1021/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพูดเท็จเพื่อผัดชำระหนี้ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง หากไม่มีการหลอกลวงให้ทำหนังสือสำคัญหรือทำลายหลักฐาน
พูดเท็จเพื่อขอผัดชำระหนี้ โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของโรงแรม เครื่องเรือนเครื่องใช้ในโรงแรมขอนำเครื่องเรือนเครื่องใช้ในโรงแรมมาจำนำไว้ แต่ขอยืมเอาไปใช้ก่อน ผู้เสียหายหลงเชื่อและยอมให้ผัดชำระหนี้หาเป็นผิดทางอาญาฐานฉ้อโกงไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพกับการพิจารณาโทษ ศาลไม่จำต้องสืบพยานเพิ่มเติมหากคำรับสารภาพสอดคล้องกับหลักฐาน
คดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่ถึง 10 ปี ซึ่งเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องแล้ว ศาลก็ย่อมพิพากษาได้ โดยมิต้องฟังพะยานโจทก์ต่อไป แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลงโทษจำเลยตามคำรับสารภาพเสมอไปในเมื่อปรากฎตามหลักฐานในสำนวนขัดแย้งกับคำรับของจำเลย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตามใบชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ปรากฎตามใบชันสูตรบาดแผลว่า รักษาในโรงพยาบาล 8 วันทุเลาอีกประมาณ 14 วันหาย รวมเป็น 22 วัน ข้อว่าไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพได้ตามปรกติเกิน 20 วันนั้นเป็นข้อเท็จจริง ในวันที่จำเลยมาให้การรับสารภาพต่อศาลก็เป็นเวลาถึง 2 เดือนเศษจากวันที่ทำร้ายกัน จำเลยย่อมทราบความข้อนี้ดี โจทก์ไม่จำต้องสืบพะยานอะไรอีก ศาลก็ลงโทษจำเลยได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องรู้และวินิจฉัยถึงว่าผู้บาดเจ็บมีอาชีพอะไร.
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตามใบชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ปรากฎตามใบชันสูตรบาดแผลว่า รักษาในโรงพยาบาล 8 วันทุเลาอีกประมาณ 14 วันหาย รวมเป็น 22 วัน ข้อว่าไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพได้ตามปรกติเกิน 20 วันนั้นเป็นข้อเท็จจริง ในวันที่จำเลยมาให้การรับสารภาพต่อศาลก็เป็นเวลาถึง 2 เดือนเศษจากวันที่ทำร้ายกัน จำเลยย่อมทราบความข้อนี้ดี โจทก์ไม่จำต้องสืบพะยานอะไรอีก ศาลก็ลงโทษจำเลยได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องรู้และวินิจฉัยถึงว่าผู้บาดเจ็บมีอาชีพอะไร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพและการพิจารณาโทษคดีทำร้ายร่างกาย: ศาลไม่ต้องสืบพยานเพิ่มเติมหากคำรับสารภาพสอดคล้องกับหลักฐาน
คดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่ถึง 10 ปี ซึ่งเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องแล้ว ศาลก็ย่อมพิพากษาได้โดยมิต้องฟังพยานโจทก์ต่อไป แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลงโทษจำเลยตามคำรับสารภาพเสมอไป ในเมื่อปรากฏตามหลักฐานในสำนวนขัดแย้งกับคำรับของจำเลย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตามใบชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องปรากฏตามใบชันสูตรบาดแผลว่า รักษาในโรงพยาบาล 8 วันทุเลาอีกประมาณ 14 วันหาย รวมเป็น 22 วัน ข้อว่าไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพได้ตามปกติเกิน20 วันนั้นเป็นข้อเท็จจริง ในวันที่จำเลยมาให้การรับสารภาพต่อศาลก็เป็นเวลาถึง 2 เดือนเศษจากวันที่ทำร้ายกัน จำเลยย่อมทราบความข้อนี้ดีโจทก์ไม่จำต้องสืบพยานอะไรอีก ศาลก็ลงโทษจำเลยได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องรู้และวินิจฉัยถึงว่าผู้บาดเจ็บมีอาชีพอะไร
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตามใบชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องปรากฏตามใบชันสูตรบาดแผลว่า รักษาในโรงพยาบาล 8 วันทุเลาอีกประมาณ 14 วันหาย รวมเป็น 22 วัน ข้อว่าไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพได้ตามปกติเกิน20 วันนั้นเป็นข้อเท็จจริง ในวันที่จำเลยมาให้การรับสารภาพต่อศาลก็เป็นเวลาถึง 2 เดือนเศษจากวันที่ทำร้ายกัน จำเลยย่อมทราบความข้อนี้ดีโจทก์ไม่จำต้องสืบพยานอะไรอีก ศาลก็ลงโทษจำเลยได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องรู้และวินิจฉัยถึงว่าผู้บาดเจ็บมีอาชีพอะไร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่ชัดเจนและการเลี่ยงข้อสัญญา ศาลยกฟ้องเมื่อโจทก์อ้างผิดสัญญาโดยไม่มีหลักฐานเพียงพอ
เมื่อโจทก์ฟ้องคดี หนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ โจทก์จึงเลี่ยงไปถือเอาข้อที่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ทำนาที่เป็นความกับนายฉ้งมาเป็นข้ออ้างว่าจำเลยผิดสัญญา แต่คดีฟังไม่ได้ว่า ได้มีข้อสัญญานี้ ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยผิดสัญญาจึงตกไป ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การพยานที่ไม่สาบานตัวก่อนเบิกความใช้ไม่ได้ แม้มีการสืบพยานใหม่ ศาลต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมาย
พยานโจทก์เบิกความโดยไม่ได้สาบานตัว ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้อง ศาลชั้นต้นเรียกพยานมาสืบใหม่ แต่พยานบางคนไม่ได้ให้การถึงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริง คงให้การเพียงว่า คำให้การครั้งก่อนถูกต้องตรงกับความจริงแล้ว ดังนี้ คำให้การของพยานครั้งก่อนฟังเป็นความจริงไม่ได้ เพราะพยานไม่ได้สาบานตัวก่อนเข้าเบิกความคำเบิกความของพยานในครั้งหลังยังไม่เป็นที่พอใจศาลว่าจำเลยได้กระทำผิดรูปเรื่องนี้แตกต่างกับคำพิพากษาฎีกาที่ 217/2488 ที่ศาลอุทธรณ์อ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรานีประนอมในคดี ไม่ถือเป็นหลักฐานการแบ่งมฤดก
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอแบ่งมฤดกจำเลยต่อสู้ว่า ได้มีการตกลงแบ่งมฤดกกันแล้ว โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ ซึ่งได้ความว่า โจทก์เคยยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมฤดกรายนี้ จำเลยคัดค้านแล้วโจทก์ได้มีหนังสือถึงทนาย ขอให้ถอนคำร้องนั้นเสีย หนังสือที่โจทก์ทำให้ทนายความไว้มีความว่า ตามที่ได้ว่าจ้างให้ดำเนินคดีเป็นผู้จัดการมฤดกนายจี๋, นางแดง บัดนี้ได้ตกลงปราณีประนอมกันแล้ว จึงไม่ติดใจจะดำเนินคดีต่อไป ขอให้ไปแถลงต่อศาลขอเลิกคดี ดังนี้ย่อมหมายความว่า ปราณีประนอมกับอีกฝ่ายหนึ่งในทางคดี ซึ่งอาจจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่มีข้อความใดแสดงว่า ได้ปราณีประนอมแบ่งมฤดกแล้ว จึงไม่เป็นหลักฐานของการแบ่งมฤดก.