คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โมฆะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจัดหาผู้เช่าที่ดินหลวงที่เป็นโมฆะ: การใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือขัดต่อความสงบเรียบร้อย
รับเป็นนายหน้าจัดให้เขาได้เช่าที่ดินของทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยวิ่งเต้นให้เจ้าหน้าที่ในสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือผู้ขอเช่า ดังนี้ ย่อมเป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ฉะนั้นความตกลงทั้งหลายในกรณีเช่นนี้ จึงเป็นโมฆะกรรม ใช้บังคับไม่ได้ จึงฟ้องเรียกค่านายหน้าจากผู้เช่า ไม่ได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงนายหน้าเช่าที่ดินขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม เป็นโมฆะ
รับเป็นนายหน้าจัดให้เขาได้เช่าที่ดินของทรัพย์สินพระมหากษัตริย์โดยวิ่งเต้นให้เจ้าหน้าที่ในสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือผู้ขอเช่าดังนี้ ย่อมเป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนฉะนั้นความตกลงทั้งหลายในกรณีเช่นนี้จึงเป็นโมฆะกรรม ใช้บังคับไม่ได้จึงฟ้องเรียกค่านายหน้าจากผู้เช่า ไม่ได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1884/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับบุตรบุญธรรมโดยผู้มีอายุไม่ครบ 30 ปี: โมฆะ และไม่อาจให้สัตยาบันได้
บุคคลที่อายุไม่ครบ 30 ปี (29 ปี 6 เดือน ) จดทะเบียนรับบุคคลอื่นเป็นบุตรบุญธรรมย่อม+ แม้บุคคลนั้นจะมีชีวิตมาจนถึงแก่กรรมนับอายุได้เกิน 30 ปี แล้วก็ไม่ถือว่าเป็นการให้สัตยาบันเพราะไม่ใช่กรณีที่กฎหมายให้สัตยาบันได้
เกี่ยวกับกำหนดอายุของบุคคลที่จะรับบุตรบุญธรรมนี้เป็นเรื่องความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจอนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การภายหลังวันชี้สองสถานแล้วได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1884/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุผู้รับบุตรบุญธรรมและการให้สัตยาบัน: การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมที่อายุไม่ครบ 30 ปีเป็นโมฆะและไม่สามารถให้สัตยาบันได้
บุคคลที่อายุไม่ครบ 30 ปี(29ปี 6 เดือน) จดทะเบียนรับบุคคลอื่นเป็นบุตรบุญธรรมย่อมไม่สมบูรณ์ แม้บุคคลนั้นจะมีชีวิตมาจนถึงแก่กรรมนับอายุได้เกิน 30 ปีแล้วก็ไม่ถือว่าเป็นการให้สัตยาบันเพราะไม่ใช่กรณีที่กฎหมายให้สัตยาบันได้
เกี่ยวกับกำหนดอายุของบุคคลที่จะรับบุตรบุญธรรมนี้เป็นเรื่องความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจอนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การภายหลังวันชี้สองสถานแล้วได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิไถ่คืนที่ดิน: สัญญาเดิมด้วยปากเปล่าเป็นโมฆะ แต่สัญญาใหม่เป็นคำมั่นจะขายที่บังคับได้
ขายที่ดินและโรงเรือนให้แก่ญาติกันโดยตกลงกันด้วยปากเปล่า ก่อนทำหนังสือสัญญาซื้อขายว่า ภายใน 10 ปีผู้ซื้อยอมให้ผู้ขายมีสิทธิไถ่คืนได้ถือว่าการตกลงด้วยปากเปล่าดังกล่าวนี้ เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนแล้ว ข้อตกลงเช่นนี้ก็สูญเปล่าไม่มีผลบังคับแก่กันได้สัญญาซื้อขายที่ทำกันในภายหลังนั้น จึงสำเร็จเด็ดขาดไป แต่เมื่อปรากฏว่าต่อมาอีก 2 ปีเศษ ผู้ซื้อกับผู้ขายได้ทำหนังสือสัญญากันอีกให้คำมั่นสัญญาว่า ที่ดินและโรงเรือนรายนี้จะไม่ขายคนอื่นและภายใน 10 ปีนับแต่วันซื้อขาย ผู้ขายมีเงินจะซื้อกลับ ผู้ซื้อยินยอมขายกลับให้ ตามราคาซื้อพร้อมทั้งดอกเบี้ยตามกฎหมายนับแต่วันเซ็นสัญญาดังนี้ ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นคำมั่นจะขายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 วรรคสองผู้ขายเดิมจึงมีสิทธิจะฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาใหม่นี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมโมฆะ: พยานไม่พร้อมกัน, พยานผู้เขียน, พิมพ์ลายนิ้วมือขาดพยาน
พยานในพินัยกรรม 2 คนซึ่งไม่ได้ลงชื่อในขณะทำพินัยกรรมพร้อมกัน คนหนึ่งลงชื่อไว้ในภายหลัง แม้จะได้สอบถามตัวเจ้ามรดกหรือไม่ก็ตาม พยานเช่นนี้ย่อมเรียกไม่ได้ว่าเป็นพยานในพินัยกรรมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1656
พยานผู้เขียนพินัยกรรมซึ่งลงชื่อไว้ในช่องผู้เขียนแยกต่างหากจากช่องพยานในพินัยกรรม เช่นนี้จะถือผู้เขียนเป็นทั้งพยานในพินัยกรรมและพยานผู้เขียนด้วยไม่ได้
ผู้ทำพินัยกรรมพิมพ์ลายนิ้วมือไว้โดยมีพยานเซ็นชื่อรับรองในขณะนั้นเพียงคนเดียวดังนี้เป็นการไม่ชอบตามมาตรา 1665

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการสินสมรสและการพิสูจน์การสมยอมซื้อขาย หากอ้างเป็นโมฆะ ผู้กล่าวอ้างต้องมีหน้าที่พิสูจน์
สามีเป็นผู้จัดการและมีอำนาจจำหน่ายสินบริคนห์ตาม ป.พ.พ.ม.1468,1473 เมื่อภริยาอ้างว่าการซื้อขายสินบริคนห์ระหว่างสามีกับผู้ซื้อเป็นการสมยอมกันเป็นโมฆะ ภริยาผู้อ้างก็มีหน้าที่จะต้องนำสืบให้ได้ความตามนั้น จึงจะชนะคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขีดฆ่าในพินัยกรรมไม่ทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะ หากมิใช่สาระสำคัญ
การขีดฆ่าอันมิใช่สารสำคัญในพินัยกรรม โดยไม่มีลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมกำกับ ใช้ไม่ได้เฉพาะที่ขีดฆ่า ไม่ทำให้พินัยกรรมเสียไปทั้งฉบับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1487/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดิน กรณีใบเหยียบย่ำทับที่ดินที่มีผู้ทำประโยชน์มาก่อน ใบเหยียบย่ำเป็นโมฆะ
ที่ดินที่มีผู้ครอบครองตามใบเหยียบย่ำอยู่ก่อนแล้วต่อมานายอำเภอได้ออกใบเหยียบย่ำให้แก่ผู้อื่นทับที่แปลงนั้นผู้ได้รับใบเหยียบย่ำครั้งหลังย่อมไม่ได้สิทธิตาม ก.ม.เพราะที่นั้นมิใช่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโมฆะ และสิทธิในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่น
บิดาเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร แล้วบิดาได้ทำสัญญากู้เงินจากผู้อื่นโดยนำที่ดินให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ และกล่าวว่าถ้าไม่นำต้นเงินมาส่งภายในกำหนดเวลายอมยกที่ดินให้เป็นสิทธิตลอดไปซึ่งในกรณีนี้มีเพียง 3 เดือน ดังนี้ย่อมเป็นการทำสัญญาซื้อขาย เมื่อคู่สัญญามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว สัญญาย่อมเป็นโมฆะ ผู้ให้กู้จะอ้างสิทธิอย่างใดในที่ดินนั้นไม่ได้ บุตรย่อมเรียกร้องเอาที่ดินคืนได้
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้ รูปคดีต้องด้วย ม.1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลิ่นเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม ม.1310
of 132