คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,640 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ฟ้องใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148(3)
แม้ศาลจะสืบพยานหลักฐานไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อมีคำพิพากษาให้ยกคำฟ้อง ศาลก็สามารถใช้ดุลพินิจพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวงในคดีเถียงกรรมสิทธิ์ที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 10,000 บาท
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย เป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 10,000 บาท จึงอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 15 และมาตรา 22(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5505/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความเรื่องทางภารจำยอม ศาลชอบที่จะสั่งให้แก้ไขการกระทำที่ขัดขวางการใช้ทาง
โจทก์และจำเลยทั้งสามทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้ที่ดินของทั้งสองฝ่ายบางส่วนเป็นทางภารจำยอมโดยยอมให้ตัดฟันต้นไม้ที่ขึ้นกีดขวางทางหรือปรับทางภารจำยอมนี้ได้เพื่อความสะดวกในการใช้ทาง การที่โจทก์ถมดินใหม่สูงกว่าพื้นดินเดิมประมาณ 1 คืบตัดต้นมะม่วงแล้วยังเหลือตอสูงกว่าพื้นดินประมาณ 1 คืบมุงหลังคาสังกะสีระเบียงใหม่และทำหลังคาห้องน้ำใหม่แต่ไม่มีรางน้ำฝนและโจทก์ทำท่อระบายน้ำจากห้องน้ำไหลลงมาทางเดินเหล่านี้เป็นการกระทำที่ขัดขวางและทำให้ไม่สะดวกแก่การใช้ทางภารจำยอมจึงไม่เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5006/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการสืบพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในคดีคำขอพิจารณาใหม่
ปัญหาว่าโจทก์จงใจขาดนัดพิจารณาหรือไม่เป็นประเด็นในคดีที่มีคำขอให้พิจารณาใหม่ซึ่งถือว่าเป็นคำฟ้องประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสาม ได้ให้อำนาจแก่ศาลที่จะเรียกพยานหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับประเด็นในคดีมาสืบเพิ่มเติมได้ หากศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นที่จะต้องนำพยานหลักฐานนั้นมาสืบเพิ่มเติม การที่ศาลชั้นต้นเรียกสมุดนัดความของเจ้าหน้าที่ศาลและเรียกเจ้าหน้าที่ศาลมาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องวันนัดสืบพยานโจทก์นั้น จึงเป็นการนำพยานหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับประเด็นในคดีมาสืบเพิ่มเติมโดยชอบตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 496/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการกำหนดนัดพิจารณาคดีและการรับฟังความเห็นแพทย์เรื่องวิกลจริต
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อแพทย์ผู้รักษาอาการของจำเลยแถลงว่าจำเลยสามารถต่อสู้คดีได้แล้ว จึงให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป โดยโจทก์มิได้ร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปนั้น เป็นอำนาจศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 35 ซึ่งบัญญัติให้อำนาจศาลที่จะกำหนดนั่งพิจารณาคดีที่ยื่นไว้ต่อศาลในวันที่ศาลเปิดทำการและเวลาทำงานได้และตาม ป.วิ.อ. มาตรา 15 ให้อำนาจศาลนำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับได้ คำสั่งดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย
ความเห็นของแพทย์ทั้งหลายที่ตรวจอาการของจำเลยว่า จำเลยมีอาการทางจิตนั้น ต่างเป็นความเห็นของแพทย์ผู้ตรวจอาการจำเลยระหว่างพิจารณาคดีนี้ทั้งสิ้น ไม่ปรากฎความเห็นของแพทย์ที่ตรวจอาการของจำเลยมาก่อนเกิดเหตุคดีนี้หรือระหว่างเกิดเหตุคดีนี้ ทั้งไม่ปรากฎประวัติการเป็นโรคจิตของจำเลยมาก่อนความเห็นของแพทย์ดังกล่าวไม่สามารถรับฟังเป็นยุติได้ว่า ขณะกระทำความผิดจำเลยเป็นบุคคลวิกลจริตไม่รู้ผิดชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 496/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการกำหนดนั่งพิจารณาคดี และการรับฟังอาการทางจิตของผู้ต้องหาเพื่อประกอบการพิจารณา
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อแพทย์ผู้รักษาอาการของจำเลยแถลงว่าจำเลยสามารถต่อสู้คดีได้แล้ว จึงให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป โดยโจทก์มิได้ร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปนั้น เป็นอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 35 ซึ่งบัญญัติให้อำนาจศาลที่จะกำหนดนั่งพิจารณาคดีที่ยื่นไว้ต่อศาลในวันที่ศาลเปิดทำการและเวลาทำงานได้และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ให้อำนาจศาลนำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับได้ คำสั่งดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย ความเห็นของแพทย์ทั้งหลายที่ตรวจอาการของจำเลยว่าจำเลยมีอาการทางจิตนั้น ต่างเป็นความเห็นของแพทย์ผู้ตรวจอาการ จำเลยระหว่างพิจารณาคดีนี้ทั้งสิ้น ไม่ปรากฏความเห็นของแพทย์ที่ตรวจอาการของจำเลยมาก่อนเกิดเหตุคดีนี้หรือระหว่างเกิดเหตุคดีนี้ ทั้งไม่ปรากฏประวัติการเป็นโรคจิตของจำเลยมาก่อน ความเห็นของแพทย์ดังกล่าวไม่สามารถรับฟังเป็นยุติได้ว่า ขณะกระทำความผิดจำเลยเป็นบุคคลวิกลจริตไม่รู้ผิดชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4936/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยประเด็นแย่งการครอบครองที่ดิน ศาลต้องพิจารณาตามประเด็นที่จำเลยต่อสู้ ไม่ใช่ปัญหาความสงบเรียบร้อยของประชาชน
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและให้รื้อขนำของจำเลยที่ปลูกอยู่ในที่ดินที่โจทก์ซื้อมา จำเลยให้การต่อสู้ว่าเดิมที่ดินพิพาทเป็นของบิดาจำเลยที่ 2 ซึ่งยกให้แก่จำเลยทั้งสองครอบครองและทำประโยชน์ตลอดมา ตามคำให้การของจำเลยไม่อาจมีปัญหาเรื่องการแย่งการครอบครองที่ดินที่จำเลยปลูกขนำอยู่จากโจทก์ จึงไม่มีการอ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสองเพราะการแย่งการครอบครองจะเกิดมีขึ้นได้ก็แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น เมื่อจำเลยอ้างในคำให้การว่าจำเลยครอบครองที่ดินของจำเลยเอง ศาลจึงไม่อาจยกการแย่งการครอบครองขึ้นวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม-ความรับผิดนายจ้าง: จำเลยต้องรับผิดเมื่อลูกจ้างทุจริตและศาลพบว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม
คำให้การของจำเลยที่ 2 ปฏิเสธเพียงว่า คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมไม่บรรยายสภาพแห่งข้อหาให้ชัดแจ้ง ทั้งข้อความก็ไม่ต่อเนื่องไม่สามารถเข้าใจข้อความแห่งคำฟ้อง เป็นการยกถ้อยคำในกฎหมายมาอ้าง โดยมิได้บรรยายว่าสภาพแห่งข้อหาในคำฟ้องของโจทก์ข้อใดที่ไม่ชัดแจ้งและไม่ชัดแจ้งอย่างไร คำให้การจำเลยจึงแสดงเหตุไม่ชัดแจ้ง ไม่มีประเด็นว่าฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกา การฝากและถอนเงินจากบัญชีชื่อของโจทก์เป็นการกระทำของจำเลยที่ 1 เองทั้งหมด โจทก์มิได้รู้เห็นด้วย จึงไม่ผูกพันโจทก์และการที่จำเลยที่ 1 ทุจริตปลอมลายมือชื่อโจทก์ถอนเงินจากบัญชีโจทก์ เป็นการละเมิด ธนาคารจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างจึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4794/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง: ผู้สมัครลำดับที่ 4 ไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งให้ตนเองได้รับเลือกแทน
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2และที่ 3 ไม่ได้รับเลือกตั้งโดยชอบให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้รับเลือกตั้งโดยชอบนั้น ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอเช่นนั้นได้ ผู้ร้องคงมีสิทธิเพียงยื่นคำร้องคัดค้านเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตามพระราชบัญญัติเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 78 เท่านั้น ทั้งตามมาตรา 77ผู้ได้รับเลือกตั้งจะต้องเป็นผู้สมัครของพรรคการเมืองซึ่งได้คะแนนมากที่สุด และในเขตเลือกตั้งซึ่งมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มากกว่าหนึ่งคน ให้ผู้สมัครของพรรคการเมืองซึ่งได้คะแนนมากตามลำดับลงมาตามจำนวนที่จะพึงมีการเลือกตั้งได้เป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง ดังนั้นผู้ร้องซึ่งได้รับคะแนนเลือกตั้งเป็นลำดับที่ 4ในเขตเลือกตั้งที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3 คน จึงไม่มีอำนาจร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4737/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านการขายทอดตลาดต้องยื่นต่อศาลก่อนการบังคับคดีเสร็จสิ้น หากเห็นว่าราคาต่ำกว่าตลาด
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด และศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแล้ว แม้เมื่อจำเลยเห็นว่าราคาที่ขายต่ำกว่าราคาในท้องตลาดมากและได้คัดค้านต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งเท่ากับเป็นการอ้างว่าการบังคับคดีกระทำโดยไม่ชอบเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแล้วก็ตาม จำเลยก็จะต้องยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นก่อนการบังคับคดีได้เสร็จสิ้นลงแต่ต้องไม่ช้ากว่า 8 วันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้น จำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาโดยไม่ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นเสียก่อนหาได้ไม่
of 364